จากการเปิดเผยข้อมูลของ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ถึงสถิติการผลิต, จำหน่าย และส่งออก ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในเดือนเมษายนนั้นมียอดอยู่ที่ 104,667 คัน ซึ่งลดลงจากเดือนที่แล้วถึง 33,664 คัน ส่วนการส่งออกมียอด 70,160 คัน ก็ลดลงจาก 95,089 คัน (ลดลงถึง 24,929 คัน)
การผลิต
จากจำนวนรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในเดือนเมษายนที่ 104,667 คัน โดยจะแบ่งออกเป็นกลุ่มรถยนต์นั่ง (Passenger Car) 37,523 คัน ซึ่งในยอดนี้จะประกอบไปด้วยรถยนต์ที่มช้เครื่องยนต์ต่ำกว่า 1,500 ซีซี ถึง 26,568 คัน, 1,501-1,800 ซีซี เป็นจำนวน 3,854 คัน, 1,801-2,000 ซีซี จำนวน 3,507 คัน, 2,001-2,500 ซีซี ที่ 253 คัน, ไม่ระบุความจุซีซี 3,417 คัน, รถยนต์ไฟฟ้า BEV ที่มียอด 644 คัน นอกจากนี้ก็จะมีกลุ่มรถตู้ 667 คัน, กลุ่มรถอเนกประสงค์แบบ PPV 10,900 คัน, กลุ่มรถกระบะขนาด 1 ตัน 54,852 คัน และรถบรรทุก 725 คัน เมื่อเปรียบเทียบดูกับยอดเดือนมีนาคมก็จะเห็นว่าแทบจะทุกกลุ่มนั้นมีตัวเลขลดลงยกเว้นกลุ่มมรถยนต์นั่งที่มีเครื่องยนต์ 2,001-2,500 ซีซี ที่มีตัวเลขขึ้นมาอยู่ในแดนบวก โดยสามารถดูได้จากข้อมูลด้านล่าง
ยอดผลิตรวมเดือนเมษายน 104,667 คัน ลดลง 33,664 คัน จากยอดเดือนมีนาคมที่มียอดผลิตอยู่ที่ 138,331 คัน โดยแบ่งออกเป็น
- รถยนต์นั่งที่มีเครื่องยนต์น้อยกว่า 1,500 ซีซี มีจำนวน 26,568 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 7,288 คัน
- รถยนต์นั่งที่มีเครื่องยนต์ 1,501-1,800 ซีซี มีจำนวน 3,584 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 1,876 คัน
- รถยนต์นั่งที่มีเครื่องยนต์ 1,801-2,000 ซีซี มีจำนวน 3,057 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 2,335 คัน
- รถยนต์นั่งที่มีเครื่องยนต์ 2,001-2,500 ซีซี มีจำนวน 253 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 67 คัน
- รถยนต์ไฟฟ้าแบบ BEV มีจำนวน 644 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 582 คัน
- รถยนต์นั่งที่ไม่ระบุความจุซีซี มีจำนวน 3,417 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 1,707 คัน
- รถตู้-รถไมโครบัส มีจำนวน 667 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 188 คัน
- รถอเนกประสงค์แบบ PPV มีจำนวน 10,900 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 2,030 คัน
- รถกระบะขนาด 1 ตัน มีจำนวน 9,738 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 5,974 คัน
- รถกระบะขนาด 1 ตันแบบ 4 ประตู มีจำนวน 45,114 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 9,454 คัน
- รถบรรทุกขนาดน้อยกว่า 5 ตัน มีจำนวน 71 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 260 คัน
- รถบรรทุกขนาด 5-10 ตัน มีจำนวน 72 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 93 คัน
- รถบรรทุกขนาด 10 ตัน ขึ้นไป มีจำนวน 582 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 1,944 คัน
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
ยอดการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศในเเดือนเมษายนนั้นอยู่ที่ 46,738 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 9,361 คัน โดยยอดการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน จะอยู่ที่ 210,494 คัน แบ่งออกเป็น
- รถยนต์นั่งผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 17,288 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 5,054 คัน
- รถเพื่อการพาณิชย์มีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศในเเดือนเมษายนนั้นอยู่ที่ 29,450 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 4,307 คัน โดยยอดการผลิตรถเพื่อการพาณิชย์เพื่อจำหน่ายในประเทศรวมตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน จะอยู่ที่ 127,591 คัน แบ่งออกเป็น
- รถตู้-รถไมโครบัส มีจำนวน 961 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 95 คัน
- รถกระบะขนาด 1 ตัน มีจำนวน 17,689 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 1,959 คัน
- รถบรรทุกขนาดน้อยกว่า 1 ตัน มีจำนวน 75 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 1 คัน
- รถบรรทุกขนาด 2-4 ตัน มีจำนวน 474 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 322 คัน
- รถบรรทุกขนาดมากกว่า 4 ตัน และรถบัส มีจำนวน 456 คัน ลดลงจากเดือนก่อน 330 คัน
ผลิตเพื่อส่งออก
จากยอดการผลิตที่กล่าวมาข้างต้นนั้นมีการส่งออกรถยนต์แบบ CBU หรือรถที่ส่งออกแบบเป็นคันนั้นมีจำวน 70,160 คัน เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมียอดลดลงถึง 24,919 คัน ณ ปัจจุบันมียอดรวมทั้งสิ้น 340,685 คัน ของยอดการผลิตเพื่อส่งออก
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่ารถยนต์ที่ผลิตนั้นมีการลดลงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับข่าวการประกาศการยุติการผลิตของ ซูบารุ และ ซูซูกิ ในประเทศไทย ยิ่งตอกย้ำสภาพการหดตัวลงได้เป็นอย่างดี ถึงแม้สถานการณ์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย (หมายรวมถึง HEV-Hybrid Electric Vehicle หรือรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด, PHEV-Plug-in Hybrid Electric Vehicle หรือรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด, BEV-Battery Electric Vehicle หรือรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ และ FCEV-Fuel Cell Vehicle หรือรถยนต์ไฟฟ้าเซลเชื้อเพลิง) มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจะมาช่วยในอนาคตจากการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในไทยก็ตาม ก็ไม่แน่ชัดว่าประเทศไทยจะยังคงครองแชมป์ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้หรือไม่
ข้อมูลจาก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท.