ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

รถอเนกประสงค์รุ่นไหนที่เหมาะกับสายเที่ยว และแค้มปิ้ง ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567

icon 1 พ.ย. 67 icon 2,839
รถอเนกประสงค์รุ่นไหนที่เหมาะกับสายเที่ยว และแค้มปิ้ง ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567
Work life Balance คือการใช้ชีวิตให้สมดุล ทั้งใชีวิตหนัก ๆ ในวันทำงานและผ่อนคลายสบาย ๆ ในวันหยุด สำหรับรถที่จะตอบสนองการใช้ชีวิตแบบนี้ได้ดีที่สุดนั้น ก็คือ รถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ แต่ว่าจะเป็นรถอเนกประสงค์แบบไหนดี ซึ่งจริง ๆ แล้วรถในกลุ่มนี้มีหลายประเภท เช่น SUV (Sports Utility Vehicle), PPV (Pick-Up Passenger Vehicle), Crossover (Crossover Utility Vehicle) ฯ ที่ ณ ขณะนี้กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นรถที่มีคันเดียวในบ้านแต่ตอบโจทย์ได้ทั้งทำงาน และท่องเที่ยว ด้วยความที่เป็นรถที่มีห้องโดยสารกว้างในบางรุ่นรองรับได้ 5-7 ที่นั่ง, ตัวรถมีระยะยกสูงจากพื้นมากกว่ารถปกติพร้อมพาไปถึงทุกที่หมายไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแบบไหน, อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน, การออกแบบที่ทันสมัย และที่สำคัญนั่นก็คือ ราคาและออปชันที่ได้มานั้นเรียกว่าคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป ออ ถ้าชอบท่องเที่ยวหนัก ๆ ลุย ๆ ก็เน้นไปที่การเลือกรถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ถ้าเป็นสายเที่ยวสบาย ๆ ก็มีระบบขับเคลื่อน 2 ล้อให้เลือก เราจะมาดูกันว่าในเดือนพฤศจิกายน 2567 นี้ จะมีรุ่นไหนที่น่าจะเหมาะกับสายเที่ยว และแค้มปิ้ง ให้คุณได้เลือกไว้เป็นรถประจำครอบครัวกันบ้าง
 

FORD

ค่ายรถอเมริกันพันธ์ุแกร่งที่มีรถอเนกประสงค์ตัวตึงอย่าง Next-Gen Everest ซึ่งมีหลายรุ่นให้เลือกทั้ง Platinum, Wildtrak, Titanium+, Sport และ Trend โดยแต่ละรุ่นก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันออกไป แต่จุดเด่นของ Everest นั้นก็คือการเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งกับเทคโนโลยีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบเพื่อความสะดวกสบาย, ระบบเพื่อความปลอดภัย ซึ่งทุกรุ่นจะมากับความสามารถในการลุยน้ำได้ถึง 800 มิลลิเมตร กับระยะต่ำสุดจากพื้นที่ 227 มิลลิเมตร และเมื่อพับเบาะแถว 2-3 ลงจะได้พื้นที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นถึง 567 ลิตร (199 ลิตร สำหรับการพับเบาะที่นั่งแถวที่ 3 อย่างเดียว) เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับทุกการเดินทางกับครอบครัวแล้ว
 

Platinum เป็นรุ่นที่ทาง ฟอร์ด ประเทศไทย ปล่อยออกมาล่าสุดด้วยการจองผ่านช่องทางออนไลน์ (รอบแรกเต็มอย่างไว จนต้องเปิดรับจองรอบ 2) ด้วยพลังจากเครื่องต์ดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร แบบ V6 (2,993 ซีซี) ให้พลัง 250 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ e-Shifter, ดิฟล็อกหลังไฟฟ้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD Terrain Manage System โดยเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 แบบ ภายนอกออกแบบอย่างเรียบหรู ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ดีไซน์ใหม่ มีตัวอักษร PLATINUM สีโครเมียม 3 ตำแหน่ง (บนฝากระโปรงหน้า, บานประตูคู่หน้า และฝาท้าย), หลังคาตกแต่งสีดำ, ล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว และระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ภายในห้องโดยสารมาพร้อมความสะดวกสบาย และเบาะนั่งคนขับกับผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง พร้อมระบบปรับอากาศ, ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะที่นั่ง และฟังก์ชันการปรับตำแหน่งเบาะที่นั่งให้เข้าออกสะดวกสำหรับเบาะนั่งคนขับ รวมถึงระบบเสียง Bang & Olufsen ที่มากับลำโพง 12 ตำแหน่ง พร้อมซับวูฟเฟอร์ ตอบโจทย์ลูกค้าได้ทุกการเดินทาง 
 
 
Wildtrak กับ Titanium+ (4x4, 4x2) โดยทั้ง 3 รุ่นย่อยจะมากับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ (Bi-Turbo) 2.0 ลิตร (1,996 ซีซี) ให้กำลัง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร โดย Wildtrak กับTitanium+ 4x4 จะได้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ e-Shifter พร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 6 แบบ ส่วน Titanium+ 4x2 จะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด กับโหมดการขับขี่ 4 แบบ นอกจากนี้ Wildtrak, Titanium+ 4x4 จะได้ดิฟล็อกหลังไฟฟ้า ภายนอกจะมีการตกแต่งด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ภายในของ Wildtrak จะได้เบาะสีดำเดินด้ายสีส้ม พร้อมปักโลโก้พิเศษเฉพาะรุ่น สำหรับหน้าจอเครื่องเสียงจะเป็น Multi-Touch Screen ขนาด 12 นิ้ว ด้านเทคโนโลยี ก็จะได้เทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูงอีกหลายรายการ 
 

Sport และ Trend 2 รุ่นนี้จะได้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร (1,996 ซีซี) ให้กำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ถึงแม้ทั้ง 2 รุ่นจะขับเคลื่อนด้วยระบบ 2 ล้อ (4x2) แต่ก็มีโหมดการขับขี่มาให้ 4 แบบ สำหรับรุ่น Sport จะได้ล้ออัลลอย 20 นิ้ว แต่ Trend จะได้ 18 นิ้ว ส่วนประตูท้ายไฟฟ้าจะยังมีอยู่ใน Sport แต่ไม่มีใน Trend ส่วนภายในทั้ง 2 รุ่นจะได้หน้าจอสีขนาด 8 นิ้ว
 
 

ราคา 

รีวิว

 

GWM TANK

แบรนด์ย่อยในกลุ่ม GWM (เกรท วอล มอเตอร์) ที่ยกทัพบุกตลาดรถยนต์ไทยด้วย 2 รุ่นหลักอย่าง GWM TANK 300, GWM TANK 500 โดยจะมากับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลัง 224 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 106 แรงม้า แรงบิด 268 นิวตันเมตร กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9HAT) และแพลตฟอร์ม TANK ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการขับขี่ในเส้นทางออฟโรดโดยเฉพาะ พร้อมรองรับระบบเครื่องยนต์ได้ถึง 3 แบบ (เครื่องยนต์สันดาป, ไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริด) อีกทั้งยังสามารถปรับโหมดการขับขี่, โหมดออฟโรด, ระบบช่วยกลับรถในที่แคบ Tank Turn, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบออฟโรด, ระบบตรวจจับความลึกของน้ำ, ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ และระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มากถึง 18 ระบบ
 
 
รุ่น 300 สามารถลุยน้ำได้ 700 มิลลิเมตร กับมีความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยดีไซน์ BOXY อาจจะดูเหลี่ยม ๆ ไปนิด แต่ก็บึกบึน ด้วยไฟหน้าแบบ Intelligent LED, ไฟท้าย Vertical LED, ไฟตัดหมอกหน้า-หลังแบบ LED, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED, หลังคาซันรูฟ, ล้ออัลลอย 17 นิ้ว และโหมดการขับขี่ 3 แบบ กับโหมดออฟโรดอีก 4 แบบ ขณะที่ภายในห้องโดยสารมีมาตรวัดแบบจอ TFT และจอเครื่องเสียงแบบสัมผัส ขนาด 12.3 นิ้ว ที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto กับลำโพง Infinity 8 ตำแหน่ง ส่วนเบาะนั่งปรับไฟฟ้าคู่หน้า พร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้า-ดันหลังไฟฟ้าเบาะคนขับ, ระบบระบายอากาศและเบาะหนัง โดย GWM TANK วางกลุ่มเป้าหมายของรุ่น 300 อยู่ที่กลุ่มลูกค้าที่อยู่ที่ช่วงอายุ 31-40 ปี และชื่นชอบการผจญภัย ถ้าคิดจะลุยคันนี้ก็เหมาะเลย
 

ราคา

 รีวิว

 
 
รุ่น 500 เป็นรุ่นเรือธงของ GWM TANK ที่อยู่เหนือกว่า 300 ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งที่หรูหราสมกับที่เป็นพรีเมียมเอสยูวี กับความสามารถในการลุยน้ำได้มากกว่ารุ่น 300 ที่ 100 มิลลิเมตร (800 มิลลิเมตร), ส่วนความสูงใต้ท้องรถนั้นเท่ากันทั้ง 2 รุ่น ทั้งยังโดดเด่นไฟหน้าแบบ Intelligent LED พร้อมระบบ Follow Me Home, ไฟท้าย Vertical LED, ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง LED, ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED, หลังคาซันรูฟ, บันไดข้างแบบพับ-เก็บ ไฟฟ้า, ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว, โหมดการขับขี่ 4 แบบ และโหมดออฟโรดอีก 7 แบบ ขณะที่ภายในก็ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยเบาะหนัง พร้อมไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร มีการเพิ่มความสะดวกสบายด้วยเบาะนั่งที่มีระบบปรับไฟฟ้าคู่หน้าและหุ้มหนัง ด้านผู้ขับปรับได้ 8 ทิศทาง และผู้โดยสารได้ 6 ทิศทาง ในรุ่น Ultra พร้อม Vip สวิตช์ ส่วนรุ่น Pro จะได้ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ต่อกันที่ภายในจะมีมาตรวัดแบบจอสีขนาด 12.3 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมจอกลางแบบสัมผัสขนาด 14.6 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto กับลำโพง Infinity 12 ตำแหน่ง ในรุ่น Ultra และ 8 ตำแหน่ง ในรุ่น Pro นอกจากนี้ก็จะมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, ระบบปรับอากาศแบบแยกโซนซ้าย-ขวา พร้อมกรองอากาศ PM2.5, ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, นาฬิกาแบบคลาสสิก สำหรับกลุ่มเป้าหมายของรุ่น 500 นี้จะอยู่ในช่วงอายุ 41-50 ปี ที่ใช้ชีวิตทำงานในเมือง แต่ก็ชื่นชอบการเดินทางใกล้ชิดกับธรรมชาติ และแนะนอนต้องมีกำลังซื้อพอพี่จะจ่ายด้วย 
 

ราคา

รีวิว

 

HAVAL

อีกหนึ่งในแบรนด์ย่อยของ GWM โดยนับตั้งแต่ที่ GWM ประกาศเดินหน้าทำธุรกิจในประเทศไทย ก็ได้แนะนำรถ HAVAL และ ORA ลงสู่ตลาด โดยแบรนด์ HAVAL ทำให้กระแสของรถอเนกประสงค์นั้นเติบโตจากการที่ลูกค้าได้ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณภาพของตัวรถ, ดีไซน์, สมรรถนะการขับขี่, เทคโนโลยี ที่ทำให้รู้สึกคุ้มค่า ทำให้ไม่ว่าจะเป็น H6 หรือ JOLION สามารถชนะใจได้ไม่ยาก ส่งผลถึงความนิยมที่มีมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
 
 
H6 ในปัจจุบันนี้จำหน่ายในรุ่น H6 HEV Ultra ที่มากับแนวคิด Dare To Be Elite (กล้าเปลี่ยนเพื่อชีวิตที่เหนือระดับ) ภายนอกมากับดีไซน์ด้านหน้าใหม่แบบ Star Matrix ที่เพิ่มมิติให้ดูล้ำสมัย ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่สีโครเมียม ไล่ระดับช่องระบายอากาศอย่างมีมิติ และเพิ่มระบบประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี โดยมากับความสูงใต้ท้องรถที่ 175 มิลลิเมตร ส่วนไฟหน้าเป็น Intelligent LED ให้ความสว่างแบบ Ultra-High Flow และให้ความปลอดภัยในทุกเส้นทางด้วยระบบอัจฉริยะมากมาย, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟขนาดใหญ่ถึง 1.2 ตารางเมตร, ล้ออัลลอยลายสปอร์ต ขนาด 19 นิ้ว ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร (1,499 ซีซี) ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ทำให้มีกำลังรวม 243 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT กับโหมดการขับขี่ 4 แบบ ด้านระบบความบันเทิงจะมากับหน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว ที่ปรับระดับเสียงอัตโนมัติตามความเร็วรถ กับลำโพง 8 ตำแหน่งพร้อม Treble Woofer และ DTS รองรับ Bluetooth, MP3, รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน (Apple Carplay, Andriod Auto) พร้อมแอปพลิเคชันอัจฉริยะอีกหลายรายการ รวมถึงระบบความปลอดภัยและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทำให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้อย่างสบาย ๆ 
 

ราคา

รีวิว

 
นอกจากนี้ H6 ยังมีอีกรุ่นที่เป็นระบบ Plug-In Hybrid (PHEV) ที่มีพิ้นฐานเดียวกันกับ H6 HEV แต่ความสูงใต้ท้องรถถูกลดลงเหลือ 170 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร (1,499 ซีซี) ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร ให้กำลังรวมสูงสุด 326 แรงม้า แรงบิด 530 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT แต่จุดที่แตกต่างกับ H6 HEV ก็คือมีแบตเตอรี่แรงดันสูงแบบลิเธียม Ternary ความจุ 34 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ประเภทหัวชาร์จ CCS Type 2 Combo) ส่วนระบบความปลอดภัยจัดให้เต็มที่ การออกแบบภายนอกและภายในนั้นไม่ต่างจาก H6 เท่าไรนัก อาจจะมีบ้างในรายละเอียด แต่ที่สำคัญคือ H6 PHEV จะวิ่งได้ด้วยไฟฟ้า 100% หรือ EV ได้ระยะทางสูงสุด 201 กิโลเมตร/การชาร์จ 1 ครั้ง ถ้าคุณยอมจ่ายแพงกว่า 3.5 แสนบาท
 

ราคา

รีวิว

 
 
นอกจากนี้ HAVAL ยังมี Jolion ที่ล่าสุดได้ส่ง Sport เข้าสู่ตลาดเสริมความสวยงามด้วยกระจังหน้า Black Symmetric ดีไซน์ใหม่สีดำล้วนกับโลโก้ HAVAL ส่วนท้ายมีดิฟฟิวเซอร์ดีไซน์ใหม่ และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้วสีดำล้วน และอุปกรณ์ตกแต่งแบบ ALL BLACK ที่กระจกมองข้าง, Roof Rail และ Shark Fin ช่วยขับให้ดูสวยดุ, สปอร์ตมากขึ้น แต่ก็มีรุ่นย่อย Ultra ให้เลือกด้วย โดยทั้ง 2 รุ่นมากับความสูงใต้ท้องรถที่ 168 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร (1,497 ซีซี) ให้กำลัง 95 แรงม้า แรงบิด 125 นิวตันเมตร ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 156 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ทำให้มีกำลังรวม 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ DHT สำหรับการออกแบบภายนอกให้อุปกรณ์ที่ทันสมัยทั้ง 2 รุ่น ได้แก่ ไฟหน้า FULL LED พร้อม Daytime Running Light ไฟท้าย LED พร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED, เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ฝั่งคนนั่งปรับมือ 4 ทิศทาง, พวงมาลัยปรับได้แค่ขึ้น-ลง กระจกมองหลังปรับลดแสงด้วยมือ เบาะผุ้โดยสารหลังไม่มีที่เท้าแขน แต่สามารถพับได้ 60 : 40 แบนราบพื้นที่ท้ายรถกว้างแต่ตื้นเพราะมีแบตเตอรี่ข้างใต้ และฝาท้ายสวิตช์ไฟฟ้าแต่เปิดด้วยมือ ถือว่าออปชันใช้งานพื้นฐานเพียงพอแล้ว ส่วนที่จะแตกต่างก็คือระบบที่เกี่ยวกับความสะดวกสบาย,แอปพลิเคชันอัจฉริยะ และเทคโนโลยีความปลอดภัย ในรุุ่น Sport จะให้มาน้อยกว่า Ultra เนื่องจากเป็นรถที่มีราคาถูกกว่า รวมถึงหน้าจอของระบบความบันเทิง รุ่น Ultra จะได้ 12.3 นิ้ว แต่ Sport จะได้ 10.25 นิ้ว
 

ราคา

รีวิว

 

Honda

รถอเนกประสงค์จากทาง Honda นั้นมีให้เลือกหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น CR-V ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมเอสยูวี ที่สมบูรณ์แบบ เหนือกว่าด้วยการขับเคลื่อนทุกจุดหมายด้วยขุมพลัง e:HEV และ เทอร์โบ, WR-V ยนตรกรรมเอสยูวี ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมลุยได้ทุกไลฟ์สไตล์ทั้งในเมือง และนอกเมือง พร้อมพื้นที่กว้างขวางจัดเต็มได้ทุกกิจกรรม, BR-V รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ที่มาพร้อมความสะดวกสบายและสมรรถนะที่ดีเยี่ยมตอบโจทย์ทุกการใช้งาน เพื่อทุกคนในครอบครัว และ HR-V e:HEV สปอร์ตพรีเมียมเอสยูวี ที่มาพร้อมขุมพลังฟูลไฮบริดและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย โดดเด่นด้วยดีไซน์ พื้นที่อเนกประสงค์ และฟังก์ชันที่ลงตัวกับทุกไลฟ์สไตล์ เรียกว่า 4 รุ่น 4 สไตล์ 
 
 
CR-V มีรุ่นย่อยให้เลือกทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง และมีเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก นั่นคือ เครื่องยนต์ฟูลไฮบริด 2.0 ลิตร (1,993 ซีซี) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ที่ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้า (Motor Generator) และมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อ (Motor Drive) ให้กำลังรวม 207 แรงม้า กับแบตเตอรี่ลิเธียมไออน กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) ทำให้ได้อัตราการสิ้นเปลืองถึง 20.8 กิโลเมตร/ลิตร (รุ่นย่อย e:HEV ES) และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 113 กรัม/กิโลเมตร และเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร (1,498 ซีซี) ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger ทำให้ขับสนุก และเร่งได้ทันใจด้วยกำลัง 190 แรงม้า กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) โดยทั้ง 2 แบบจะมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (AWD) และขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่วนความสูงใต้ท้องรถจะอยู่ระหว่าง 198-208 มิลลิเมตร (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ที่สำคัญ CR-V โฉมนี้นั้นจะมากับ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ส่วนระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย และ Android Auto ถูกใจรุ่นไหนเลือกได้เลย
 

ราคา

รีวิว

 
 
WR-V เป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบรับความนิยม, ความต้องการรถยนต์ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ที่จะมาเติมเต็มความต้องการที่หลากหลาย และไลน์อัพของ Honda ให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ด้วยดีไซน์สปอร์ต และให้ความรู้สึกพรีเมียม, ทันสมัย ตามสไตล์ชีวิตยุคใหม่ พร้อมห้องโดยสารกว้างขวาง โดยเบาะนั่งด้านหลังแถว 2 สามารถปรับพับได้ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้เพิ่มมากขึ้น ขับสนุกได้ทุกเส้นทางด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC (1,498 ซีซี) กับเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Shifting Control of Cornering Gravity & G Design Shift ให้กำลัง 121 แรงม้า แรงบิด 145 นิวตันเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 16.7 กิโลเมตร/ลิตร ขับขี่ปลอดภัยมั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ HONDA SENSING ในทุกรุ่นย่อย และเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัยอื่น ๆ ที่พร้อมตอบทุกการใช้งานที่หลากหลายตอบรับทุกวิถีชีวิตยุคใหม่ ด้านระบบเครื่องเสียงเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ให้คุณได้มีวันพิเศษที่สร้างเองได้ทุกวัน พร้อมรองรับการเดินทางในทุกเส้นทางด้วยความสูงใต้ท้องรถถึง 220 มิลลิเมตร
 

ราคา

รีวิว

 
 
BR-V เป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ซึ่งเป็นเจเนอเรชันที่ 2 พร้อมตอบสนองความต้องการที่หลากหลายด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ทั้งยังผสานความแกร่ง ได้อย่างลงตัวในทุกมิติ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC (1,498 ซีซี) ให้กำลัง 121 แรงม้า แรงบิด 145 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ทั้งยังเสริมความมั่นใจในทุกการเดินทางด้วยระบบ HONDA SENSING ในทุกรุ่นย่อย สำหรับความสูงใต้ท้องรถในรุ่นนี้จะอยู่ที่ 209 มิลลิเมตร (พอ ๆ กับ CR-V แต่น้อยกว่า WR-V) ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่ 2 และแถว 3 สามารถปรับพับได้หลายรูปแบบช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้หลากหลายรูปแบบ พร้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบายและเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย และระบบเครื่องเสียงเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto 
 

ราคา

 
 
ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ไมเนอร์เชนจ์ ยกระดับความคุ้มค่าอีกขั้น พร้อมอัปลุคความสปอร์ตพรีเมียมทั้งภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ที่มาพร้อมกับกระจังหน้าใหม่ ที่สะท้อนความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่น และภายในสะดวกสบายทุกที่นั่ง พร้อมเพิ่มเติมฟังก์ชันการใช้งานใหม่ในทุกรุ่นย่อย และเพิ่มเติมหลากหลายฟังก์ชันเพื่อตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่หลากหลายได้อย่างลงตัว ทุกรุ่นย่อย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะทรงพลังจากการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ในระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจ มั่นใจในทุกการออกตัวกับแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0-3,500 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 94 กรัม/กิโลเมตร ให้คุณก้าวสู่ทุกจุดหมายได้อย่างอิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง ด้วยราคาประมาณการ ทั้ง 3 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่
  • รุ่น e:HEV E ขยายฐานลูกค้าไปหลากหลายกลุ่ม เพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น คุ้มค่า ด้วยราคาแนะนำช่วงเปิดตัว เพียง 89X,XXX บาท จำนวนจำกัด เมื่อจองและรับรถตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567
  • รุ่น e:HEV EL เพิ่มฟังก์ชันที่เติมเต็มทุกการใช้งาน ด้วยราคาประมาณการ 1,0XX,XXX บาท
  • รุ่น e:HEV RS ดีไซน์เอกซ์คลูซิฟ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานครบครัน ด้วยราคาประมาณการ 1,1XX,XXX บาท 
เตรียมพบกับการประกาศราคาและเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี ใหม่ ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ผ่านทาง LIVE ถ่ายทอดสดออนไลน์ทางออฟฟิเชียลแอ็กเคานต์ ‘Honda Thailand’ ในช่องทาง Facebook, YouTube Channel, TikTok และ Instagram ตั้งแต่เวลา 12:45 น. เป็นต้นไป พร้อมให้ลูกค้าได้สัมผัสทั้งที่บูทฮอนด้า ในงาน Motor Expo 2024 และที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
 
 

ราคา

 

HYUNDAI

 
 
CRETA เป็นรถอเนกประสงค์แบรนด์เกาหลีที่นำมาจำหน่ายในไทย โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์ดูสปอร์ต พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่มอบความสนุก เพลิดเพลิน ในการใช้งานที่หลากหลาย ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว ส่วนชื่อ CRETA นี้มาจากชื่อของหมู่เกาะครีต ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโดยได้รับการออกแบบให้เน้นไปที่ความแข็งแกร่ง และนำสมัย ขณะเดียวกันออฟชั่นรวมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกตอบโจทย์ของการใช้งานของลูกค้า ด้วยกระจังหน้า Parametric Jewel Radiator Grille และล้ออัลลอยแบบ Diamond cut ขนาด 17 นิ้วให้ความรู้สึกสปอร์ต มีมิติ กลมกลืนไปกับรูปลักษณ์ทั้งหมดของตัวรถ ส่วนภายในออกแบบเน้นความพรีเมียมและร่วมสมัยถ่ายทอดความพรีเมียม บริเวณด้านหน้าแผงหน้าปัดแนวยาวเชื่อมต่อไปกับแผงด้านข้างประตูเสมือนปีกที่โค้งรับกัน ช่วยโอบอุ้มผู้โดยสาร บริเวณแผงด้านหน้าติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Android Auto และ Apple Carplay นอกจากนี้ยังถูกออกแบบด้วยการใส่ใจในรายละเอียดทุกด้าน ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีความพิเศษมากขึ้น พร้อมขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Smartstream 1.5 MPI (ขนาด 1,497 ซีซี) ที่ให้กำลัง 115 แรงม้า แรงบิด 144 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Intelligent Variable Transmission (IVT) และมีระยะต่ำสุดจากพื้นถึง 200 มิลลิเมตร (แม้จะเปิดรับจอง Santa Fe รถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง พร้อมเปิดราคาแต่ที่ไม่เอาใส่นั้นเพราะหน้าเว็บไซต์ของทาง Hyundai ไม่มีข้อมูลอยู่)
 

ราคา

 

ISUZU

 
 
อีซูซุรุกตลาดรถเอนกประสงค์พีพีวี เดินหน้าเปิดตัวสุดยอดรถอเนกประสงค์ ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” (มิว-เอ็กซ์ “เดอะ เน็คซ์พีค”) ภายใต้นิยาม “จุดสูงสุดใหม่...กับชีวิตที่เหนือกว่า” ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกจดภายใน พร้อมสีใหม่! สีเทา ไอเกอร์ โอเพค (EIGER GRAY Opaque) เร้าใจด้วยชุดกันชนหน้าใหม่! แบบ Fighter Jet มาพร้อมกล้องรอบคัน 360 องศา (360° Surround View Camera) ภาพคมชัดระดับพรีเมี่ยม เพิ่มความมั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ ขับสบายด้วยพวงมาลัยไฟฟ้า และเสริมความปลอดภัยเหนือขั้น ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด! เพิ่มเติมใหม่ 5 ระบบ กล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และ เซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน
  • ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKAS (Lane Keep Assist System) 
  • ใหม่! ระบบช่วยควบคุมทิศทางของรถตามรถคันหน้า TJA (Traffic Jam Assist) 
  • ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ELK (Emergency Lane Keeping) 
  • ใหม่! ระบบช่วยควบคุมรถไม่ให้ออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) พร้อม ระแบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) 
  • ใหม่! ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Brake) พร้อม ระบบช่วยเตือนขณะถอย RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
พร้อมการอัพเกรดครั้งใหม่เพื่อมอบประสบการณ์ความพีคที่เหนือกว่า ให้ทุกคนใช้ชีวิตไปถึงขีดสุดในทุกด้าน 
ด้วยเทคโนโลยีล้ำหน้าที่เหนือไปอีกขั้น พร้อมพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ ที่ปรับให้เข้าได้กับทุกไลฟ์สไตล์ ทําให้ทุกจังหวะพีค...ตอบทุกความต้องการสูงสุด
  • ใหม่! กล้อง 360 องศา (360° Surround View Camera) มั่นใจเหนือกว่าด้วยมุมมองใต้ท้องรถ ใน ใหม่! MU-X “THE NEXT PEAK” รุ่น RS
  • ใหม่! พวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Steering) ขับสบายเหนือกว่าคล่องตัวทั้งในเมือง และนอกเมือง ในรุ่น RS และ Ultimate
  • ใหม่! Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay พร้อม Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ Integrated MID แสดงผลได้หลากหลายฟังก์ชัน เช่น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS ระบบแสดงองศามุมปีนไต่ ลาดเอียง และทิศทางการเลี้ยวของล้อ ในรุ่น RS และ Ultimate
  • Smart Tailgate with Step Sensor ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าและหยุดเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้วยระบบ Jam Protection
  • ที่นั่งโดยสาร 7 ที่นั่ง เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ฝั่งคนขับปรับได้ 8 ทิศทาง และเบาะนั่งตอน 2 และตอน 3 ปรับเอนได้พร้อมพับได้ราบสนิท เพิ่มพื้นที่เก็บของ เข้าออกที่นั่งตอน 3 แบบ One Touch
  • ดีไซน์ใหม่! เร้าใจอารมณ์สปอร์ต กับสีใหม่ล่าสุด! Eiger Gray Opaque และหลังคาดำ Black Roof พร้อมสัญลักษณ์ RS โดดเด่นเท่สะดุดตาด้วย สี Lime Green ในรุ่น RS 
พร้อมทางเลือกที่หลากหลายถึง 4 รุ่น ได้แก่ RS, Ultimate, Elegant และ Active มีให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ ไอเกอร์ เกรย์ โอเพค (Eiger Gray Opaque), ขาวมุกโดโลไมท์ (Dolomite White Pearl), แดง เอทนา ไมก้า (Etna Mica), ดำ บาวาเรียน ไมก้า (Bavarian Black Mica), เงินไอซ์เบิร์ก ไมก้า (Iceberg Silver Mica) และ เงินโบฮีเมียน เมทัลลิก (Bohemian Silver Metallic) แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น ส่วนเครื่องยนต์ ยังคงเป็น 1.9 ลิตร (RZ4E-TC) 1,898 ซีซี ให้กัลัง 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร และ 3.0 ลิตร (4JJ3-TCX) 2,999 ซีซี ให้กัลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร ซึ่งทั้ง 2 เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐาน EURO5

ราคา

รีวิว

 

JEEP

 
 
สำหรับแบรนด์นี้จึดเป็นราชารถออฟโรดสัญชาติอเมริกัน อยู่ภายใต้การบริหารของ เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) โดยจะมีรถอเนกประสงค์ให้เลือกมากมาย เริ่มด้วย Grand Cherokee Summit Reserve 4xe Plug-in Hybrid เป็นรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ที่ให้ความงามสง่า, หรูหรา และโดดเด่น ด้วยกระจังหน้าแบบ 7 ช่อง ตกแต่งด้วยโครเมียม ตามเอกลักษณ์ของ Jeep โลโก้รอบคันล้อมกรอบด้วยสีฟ้าบ่งบอกถึงการเป็นยนตรกรรมไฟฟ้า และล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว พร้อมขุมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน I-4 เทอร์โบชาร์จ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 270 แรงม้า แรงบินสูงสุด 400 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกัน จะมอบกำลังสูงสุดถึง 381 แรงม้า พร้อม 3 โหมดการขับขี่ ทั้งโหมดไฮบริดที่จะช่วยให้มั่นใจว่ามีการใช้งานทั้งสองเครื่องยนต์ร่วมกัน e-Save จะเปิดโอกาสให้คุณชาร์จแบตเตอรี่ใหม่ได้ในขณะขับขี่ และให้การขับเคลื่อนมาจากเครื่องยนต์ความร้อนเท่านั้น ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยให้มั่นใจว่าไม่มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และมอบการเคลื่อนที่ที่เงียบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน 
 

ราคา 

 

อีกรุ่นเป็น Wrangler Rubicon 4 ประตู รุ่นปี 2024 ถูกสร้างขึ้นเพื่อผู้ที่คิดถึงการผจญภัยที่ไม่มีขอบเขต โดดเด่นด้วยตัวถังที่สามารถถอดประตูได้ทั้ง 4 บาน และการออกแบบใหม่ทั้งภายนอกและภายใน ทำให้ดูดุดัน พร้อทพลังจากเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร 270 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ผสานเพลาหลัง Dana 44 แบบ Full Float Axle ใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการลากจูง กระจังหน้าแบบ 7 ช่องดีไซน์ใหม่ ทันสมัยและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ กระจกบังลมหน้าแบบ Gorilla Glass ที่แข็งแกร่ง เบาะหนัง Nappa ปักโลโก้รูบิคอน เบาะผู้ขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 12 ทิศทาง เหนือกว่าด้วยการผ่านการทดสอบการลุยน้ำแบบไร้ประตู สะดวกสบายกว่าด้วยจอทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบนำทาง Uconnect 5 รองรับการเชื่อมต่อ Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย เพิ่มความปลอดภัยด้วยถุงลมคู่หน้าและด้านข้างใหม่ มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติจนถึงหยุดนิ่ง 
 

ราคา

 

KIA

 
 
รถอเนกประสงค์อีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์เกาหลีนั่นก็คือ Sorento ที่สิบทอดเอกลักษณ์ของ KIA  พร้อมเผชิญทุกสภาพเส้นทางในทุกสภาพอากาศแม้มีระยะต่ำสุดจากพื้นเพียง 174 มิลลิเมตร แต่ก็ดูน่าใช้ด้วยการออกแบบที่ใหม่หมด ทั้งระบบความปลอดภัย, สมรรถนะ และพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางทำให้เป็นรถอเนกประสงค์ที่จะทำให้คุณพบกับความสะดวกสบายและน่าใช้ที่สุดเท่าที่ Sorento เคยมีมา โดยการออกแบบภายนอกจะให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งานจริงในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นล้ออัลลอย 19 นิ้ว, ไฟหน้า LED ที่ออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิต ยกระดับเพื่อตอบสนองการใช้งานด้วยเครื่องยนต์ 2 แบบ แบบแรกเป็นรุ่น Premium HEV ที่ใช้เครื่องยนต์ Smartstream เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1,598 ซีซี ให้กำลัง 230 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร โดยรุ่นนี้จะมากับระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ กับรุ่น Sorento Premium Plus PHEV ที่ใช้เครื่องยนต์ Smartstream เบนซินเทอร์โบ ขนาด 1,598 ซีซี ให้กำลัง 265 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ส่วนระบบขับเคลื่อนจะเป็น 4 ล้อ แบบ AWD ทั้ง 2 รุ่นจะผสานการทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน โพลีเมอร์ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยก็แตกต่างกันเล็กน้อย รวมถึงราคาค่าตัวด้วยนั่นเอง
 

ราคา

 

LAND ROVER

 

เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีประวัติมายาวนานอีกหนึ่งแบรนด์ และมีอิทธิพลต่อยานยนต์ในอังกฤษอย่างมากก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1948 โดยรุ่นที่สายลุยรู้จักกันดีก็คงหนีไม่พ้น Defender รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่สามารถไปได้ทุกสภาพถนนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ที่ถือกำเนิดในช่วงหลังสงครามที่ช่วงนั้นสภาพเศรษฐกิจตกต่ำ เหล็กขาดตลาด จึงหันมาทดลองใช้อะลูมิเนียมที่มีอยู่มากมาใช้ในการผลิตจนกลายเป็นเอกลักษณ์มาอย่างต่อเนื่องโดยเริ่มจาก Series I, Series II, Series III และเริ่มใช้ชื่อ Defender ในปี ค.ศ.1990 จนปี 2019 อินช์เคป (ประเทศไทย) ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย อย่างเป็นทางการในไทย ก็ได้เปิดตัว All-New Land Rover Defender โดยยังคงความกะทัดรัด, คล่องตัว พร้อมลุยในทุกเส้นทาง แต่ปรับโฉมให้ทันสมัยมากขึ้นทั้งภายนอก และภายใน นอกจากนี้ก็มี Range Rover และ Discovery เข้ามาจำหน่ายให้สายลุยเลือกกันตามความชอบ และตามงบประมาณ
 

ราคา

Defender
  • 90 3.0 AWD SE Plus (3 ประตู) ราคา 7,999,000 บาท
  • 110 2.0 AWD SE Plus (5 ประตู) ราคา 6,999,000 บาท
  • 110 3.0 AWD X-Dynamic SE Plus (5 ประตู) ราคา 8,699,000 บาท
  • 130 3.0 AWD LWB HSE (5 ประตู) ราคา 8,999,000 บาท
 

MAZDA

เป็นอีกหนึ่งบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่อยู่กับชาวไทยมานาน โดยในญี่ปุ่นเองก็มีอายุกว่า 104 ปี (ค.ศ. 1920-ปัจจุบัน) สำหรับในไทยก็เริ่มนำรถเข้ามาจำหน่ายเมื่อปี ค.ศ. 1951 (พ.ศ. 2494) จนเมื่อ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (ญี่ปุ่น) ได้ก่อตั้ง มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ในปีค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) จนถึงปัจจุบัน โดยรถอเนกประสงค์ที่ Mazda นั้นมีอยู่ในปัจจุบันนั้นก็มีหลายรุ่น CX-3,CX-5,CX-8, CX-30
 

CX-3 เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก (Subcompact Crossover) เป็นรุ่นที่ใช้พืนฐานเดียวกับรุ่น Mazda2 ในปัจจุบัน CX-3 นั้นใช้เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.0 (1,998 ซีซี) ที่ให้กำลัง 156 แรงม้า แรงบิด 204 นิวตันเมตร มาพร้อม 4 ทางเลือก 2.0 Base, 2.0 Base Plus, 2.0 Comfort และ 2.0 Sport Luxe ที่มีระบบ Skyactiv-Vehicle Dynamics ที่เป็นระบบควบคุมสมรรถนะ G-Vectoring Control หรือ GVC พร้อมไปทุกสภาพถนนด้วยความสูงจากพื้นที่ 145 มิลลิเมตร ส่วนความแตกต่างของที่ 4 รุ่น นั้นจะเริ่มด้วย ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วใน 2.0 Base, 2.0 Base Plus แต่ 2.0 Comfort, 2.0 Sport Luxe จะได้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว นอกจากนั้นหลังคาซันรูฟไฟฟ้าจะมีอยู่ใน 2.0 Comfort, 2.0 Sport Luxe ส่วนไฟหน้าจะมีแค่รุ่น 2.0 Base ที่เป็นฮาโลเจน นอกนั้นจะได้ LED ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ทั้งภายนอกและภายในก็แตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ที่มาพร้อมปุ่ม Center Commander พร้อมกับรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แต่รุ่น 2.0 Sport Luxe จะได้ระบบเสียงรอบทิศทาง BOSE ลำโพง 7 ตำแหน่ง ส่วนเบาะหลังพับได้แบบ 60:40
 

ราคา

 

 
CX-5 เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบ Compact SUV ที่มาในสไตล์ Crossover ที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้เทคโนโลยี Skyactiv โดย CX-5 นั้นมีเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน และดีเซล โดยเครื่องยนต์เบนซินจะเป็นเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 (1,998 ซีซี) ที่ให้กำลัง 165 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร กับเครื่องยนต์เทอร์โบ Skyactiv-G 2.5T (2,488 ซีซี) ที่ให้กำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร ส่วนเครื่องดีเซลจะมากับเครื่องยนต์ Skyactiv-D 2.2 (2,191 ซีซี) ที่ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร โดยรุ่น XDL กับ 2.5 Turbo SP จะมากับระบบ i-Activ AWD (ระบบขับเคลื่อนสั่ล้ออัตโนมัติ) กับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วพร้อมไปในทุกสภาพเส้นทาง แต่ถ้าเน้นท่องเที่ยวแบบสบาย ๆ ก็เน้นไปที่รุ่น 2.0 S และ 2.0 SP ที่มากับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ยกเว้น 2.0 S ที่ได้ขนาด 17 นิ้ว ที่ดีเลยคือสามารถพับเบาะได้แบบ 40:20:40 พร้อมปุ่มควบคุมจากห้องเก็บสัมภาระ เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารด้านหลังด้วยตัวเบาะที่สามารถปรับเอนได้ ส่วนเครื่องเสียงใน CX-5 จะมากับหน้าจอสี Center Display แบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ที่มาพร้อมปุ่ม Center Commander พร้อมกับรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ด้านความปลอดภัยจัดเต็มในทุกรุ่นยกเว้น 2.0 S ที่เป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาถูกที่สุดในรุ่นเลยถูกตัดออกบางส่วน
 

ราคา

 
 
CX-8 เป็นรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียม (Crossover SUV) ขนาด 6 และ 7 ที่นั่ง ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของทุกคนในครอบครัว ด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่สวยงาม มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ คือ Skyactiv-D ที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร (2,191 ซีซี) โดยได้รับการปรับปรุงพัฒนาใหม่ ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร โดยในรุ่นสูงสุดอย่าง XDL Exclusive จะมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ( i-ACTIV AWD) และเครื่องยนต์เบนซินที่เป็น Skyactiv-G ขนาด 2.5 ลิตร (2,488 ซีซี) ให้กำลัง 194 แรงม้า แรงบิด 258 นิวตันเมตร โดยเครื่องยนต์ทั้ง 2 มีอัตราประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดี อีกทั้งในทุกรุ่นยังมีระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะ G-Vectoring Control หรือ GVC ที่ช่วยให้การควบคุมขับขี่ทำได้อย่างแม่นยำและสมดุล ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ผู้โดยสารสะดวกสบายมากขึ้น
 

ราคา

รีวิว

 
 
CX-30 เป็นรถอเนกประสงค์อีกหนึ่งรุ่นของ Mazda ที่ถูกส่งมาเติมเต็มไลน์อัป ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ และดูเรียบง่ายแต่งดงาม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสปอร์ตพรีเมียมในภายนอก และภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง สะดวกสบาย พิถีพิถันในทุกรายละเอียด พร้อมเปิดประสบการณ์ให้คุณได้พบมุมมองใหม่ที่มีความหมายมากกว่าเดิม ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 2.0 ลิตร (1,998 ซีซี) ให้กำลัง 165 แรงม้า แรงบิด 213 นิวตันเมตร พร้อม Skyactiv-Vehicle Dynamics หรือระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง G-Vectoring Control Plus (GVC Plus) ถ้า CX-30 คือทางเลือกที่คุณชอบก็เลือกไม่น้อยด้วยระยะต่ำสุดจากพื้น 175 มิลลิเมตร ด้านเครื่องเสียงในรุ่นนี้จะมากับหน้าจอสี Center Display แบบ Wildscreen ขนาด 8.8 นิ้ว ที่มาพร้อมปุ่ม Center Commander รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และระบบอื่น ๆ อีกมากมาย
 

ราคา

รีวิว

 

MERCEDS-BENZ

สำหรับค่ายตราดาวอย่าง Mercedes-Benz ที่เรา ๆ เรียกกันติดปากว่า เบนซ์ เป็นแบรนด์รถยนต์จากเยอรมนี (เยอรมัน) ที่เริ่มขี้นในปี ค.ศ. 1886 (พ.ศ. 2499) ด้วยการประดิษฐ์รถยนต์คันแรกของโลก โดยรถอเนกประสงค์ของแบรนด์นี้มีหลายรุ่น อาทิ
 

GLA นั้นสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ด้วยการออกแบบด้านหน้ารถยนต์กับกระจังหน้าแบบ Diamond Grille พร้อมหมุดโครเมียม และไฟหน้า LED adaptive high performance ที่สะท้อนถึงคุณลักษณะเฉพาะตัว ในขณะที่ซันรูฟพาโนรามิคแบบเลื่อนและล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว มอบความสะดวกสบายในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ การออกแบบด้านหลังรถยนต์สะท้อนความสปอร์ตอย่างลงตัวด้วยปลายท่อไอเสียที่โดดเด่นและไฟท้าย LED เต็มรูปแบบ ส่วนภายในห้องโดยสารของ GLA สร้างความประทับใจด้วยการออกแบบภายในคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกกว้างขวาง และนวัตกรรมที่มอบความสะดวกสบายในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย คอนโซลกลางที่ออกแบบใหม่ ระบบมัลติมีเดีย MBUX7 
 
 
GLC เป็นรุ่นที่มาแทน GLK ที่ดึงจากประวัติศาสตร์รถอเนกประสงค์แนวคลาสสิคของ Mercedes-Benz มาไว้ในตัวรถที่มีสัดส่วนตัวถังที่ขนาดพอเหมาะ จนปัจจุบันเดินทางมาถึงเจนเนอเรชันที่ 3 ที่ถูกพัฒนาและปรับโฉมให้มีทั้งความหรูหรา ความสปอร์ตและดีไซน์ที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้นโดยที่ยังคงจุดแข็งในด้านของการเป็นรถเอสยูวีที่เหมาะกับการขับขี่ทั้งในรูปแบบ On-Road และ Off-Road ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย
 
 
GLC Coupe คือรถอเนกประสงค์ในกลุ่มพรีเมียม Crossover ขนาดคอมแพกต์ ด้วยลักษณะเฉพาะตัวและแสดงให้เห็นถึงการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์กระตุ้นความรู้สึกและการพัฒนาเพิ่มเติมทางเทคโนโลยีที่สร้างความประทับใจที่ยอดเยี่ยมในทุกเส้นทาง ส่วนการออกแบบภายในสะท้อนถึงความหรูหราสมัยใหม่ด้วยอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเท่านั้นและได้รับการตกแต่งอย่างประณีตสูงสุด พร้อมฟังก์ชันต่างๆ ที่ถูกจัดวางมาอย่างสวยงาม
 

GLE เป็นรถรุ่นที่ทรงพลัง สง่างาม และพร้อมพาคุณไปบุกเบิกทุกเส้นทางใหม่ ๆ ตกแต่งด้านหน้าสไตล์ใหม่ กับกระจังหน้าทรง Mercedes-Benz Star Pattern พร้อมดีไซน์ภายนอกที่ทําให้มั่นใจถึงรูปลักษณ์อันทรงพลังและสปอร์ต พร้อมไฟหน้าใหม่ที่สร้างความโดดเด่น และช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ในตอนกลางคืนให้ชัดเจนและสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น ส่วนภายในของ GLE สร้างความประทับใจด้วยความสะดวกสบายระดับเฟิร์สคลาสและวัสดุคุณภาพสูงพร้อมมอบความสะดวกสบายในการสั่งงานที่ยอดเยี่ยมในทุกการเดินทางด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสามก้านคู่รุ่นใหม่และ MBUX รุ่นใหม่ล่าสุด
 
 
GLS สร้างความประทับใจด้วยขนาดของรถยนต์และตื่นเต้นไปกับการออกแบบที่ล้ำสมัย ไม่เพียงแค่โฉบเฉี่ยวบนท้องถนนเท่านั้น แต่ยังสะกดทุกสายตาในขณะขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้า MULTIBEAM LED รวมถึงล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์ดูมีพลัง ทั้งบนถนน และเส้นทางออฟโรด ส่วนการออกแบบภายในห้องโดยสารของ GLS มีการผสานองค์ประกอบการออกแบบของรถอเนกประสงค์ไว้ ช่วยให้คุณได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดในทุกการเดินทาง
 

ราคา

รีวิว

 

MG

เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2467) ที่มีความสำเร็จมาแล้วมากมาย ด้วยความไดนามิกแบบอังกฤษแท้ ๆ ที่สะท้อนออกผ่านทุกองค์ประกอบของแบรนด์ จากนั้นแบรนด์นี้ก็เข้าไปอยู่ในเครือของ SAIC Motor จนวันที่ MG เข้ามาทำตลาดในไทยภายใต้ เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) สำหรับรถอเนกประสงค์ ก็มีหลายรุ่นทั้ง HS, ZS และ VS HEV
 
 
HS มีให้เลือก 2 แบบ เป็นรุ่นที่ช้เครื่องยนต์ และรุ่นที่เป็นปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่เป็นรถอเนกประสงค์แบบสปอร์ตพรีเมียม ที่มีความสวยงามด้วยดีไซน์เฉพาะตัว พร้อมผสานกับความล้ำสมัย โดยยังคงใช้แนวคิด BRIT Dynamic กับภายในห้องโดยสารที่ใช้สีทูโทน กับวัสดุแบบ Soft Touch โดยทั้ง 2 เครื่องยนต์จะมีระยะต่ำสุดจากพื้นที่ 145 มิลลิเมตร โดยเครื่องยนต์สันดาปจะใช้เครื่องยนต์เทอรโบ 1.5 ลิตร (1,490 ซีซี) ให้กำลัง 162 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร ส่วนรุ่น PHEV จะเป็นเครื่่องยนต์ 1.5 ลิตรทำงานร่วมกับมิเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลัง 122 แรงม้า แรงบิด 230 เมื่อรวมกันแล้วจะให้กำลัง 284 แรงม้า กับ แรงบิด 480 นิวตันเมตร โดยแบตเตอรี่จะเป็นลิเธียมไอออนที่มีความจุ 16.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทาง 67 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
 

ราคา

รีวิว

 

ZS เป็น SMART SUV ที่คุ้มค่าทุกฟังก์ชัน ตอบทุกไลฟ์สไตล์​ขับเคลื่อนชีวิตแบบสมาร์ตได้ไม่หยุด ด้วยการออกแบบที่เต็มไปด้วย Passion ภายใต้แนวคิด BRIT Dynamic ในทุกมิติเพียบพร้อมในทุกด้านทั้งสมรรถนะ, การควบคุม, การออกแบบ และความปลอดภัย สะกดทุกสายตาด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ต พร้อมการออกแบบเส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์จนทำให้ ZS เป็นนิยามใหม่ของ SMART SUV ที่ตอบทุกไลฟ์สไตล์ และ i-SMART ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะเหนือระดับแห่งโลกยนตรกรรม เอกสิทธิ์เฉพาะ MG และมีรถยนต์ไฟฟ้า ZS EV มาให้เป็นทางเลือกด้วย
 

ราคา

รีวิว

 
 
VS HEV เป็นรถอเนกประสงค์ที่มากับขุมพลังไฮบริด จากเครื่องยนต์ VTi-Tech 1.5 ลิตร (1,498 ซีซี) ให้กำลัง 109 แรงม้า แรงบิด 142 นิวตันเมตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร เมื่อรวมกันแล้วจะได้กำลัง 177 แรงม้า โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และมีระยะต่ำสุดจากพื้นที่ 145 มิลลิเมตร  ที่พร้อมพุ่งทะยานไปกับคุณด้วยวิวัฒนาการล่าสุดของเทคโนโลยีการออกแบบยานยนต์เพื่อแสดงความเป็นตัวตนขั้นสุด หลุดจากทุกมิติเดิม ๆ พร้อมงานดีไซน์ที่ยกระดับการออกแบบเสริมความเป็นเอกลักษณ์ด้วยคิ้วตกแต่งสีฟ้า, เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้กว้างช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ตามที่คุณต้องการ และระบบปฏิบัติการ i-SMART 
 

ราคา

รีวิว

 

MITSUBISHI

เป็นอีกหนึ่งแบรนด์รถจากญี่ปุ่นที่มีตำนานความสำเร็จมาอย่างยาวนานโดยมีรถอเนกประสงค์อยู่ 2 รุ่น อย่าง Pajero Sport และ Outlander อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่พัฒนาและผ่านการทดสอบจากการแข่งขันสุดหฤโหดต่าง ๆ ทั่วโลกมาแล้ว
 

Pajero Sport ถูกออกแบบให้มีความคล่องตัว ด้วยตัวถังภายนอกที่ถูกดีไซน์สปอร์ตมีเอกลักษณ์ กับภายในห้องโดยสารที่มีความกว้างขวาง ทำให้ทุกองค์ประกอบถูกพัฒนาเพื่อให้ตอบโจทย์ในการใช้งานโดยมุ่งเน้นความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่พัฒนาและผ่านการทดสอบจากการแข่งขันสุดหฤโหดอย่าง ดาการ์แรลลี่ รวมทั้งการแข่งขันแรลลี่อื่น ๆ อีกมากมาย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4N16 (Hyper Power) 2.5 ลิตร (2,442 ซีซี) ให้กำลัง 184 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตันเมตร โดยรุ่นย่อย PRIME กับ ULTRA จะมากับระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ส่วน Elite Edition จะมีทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ แบบ SS4-II หรือ Super Select 4WD-II โดยเครื่องยนต์ยังคงเหมือน PRIME กับ ULTRA รองรรับการเดินทางท่องเที่ยวด้วยมีพื้นที่เก็บสัมภาระมากถึง 1,488 ลิตร และความสูงต่ำสุดถึงพื้นที่ 219 มิลลิเมตร 
 

ราคา

Pajero Sport 2.4 PRIME ราคา 1,389,000 บาท 
Pajero Sport 2.4 ULTRA ราคา 1,529,000 บาท 
Pajero Sport 2.4 Elite Edition 2WD ราคา 1,579,000 บาท
Pajero Sport 2.4 Elite Edition 4WD ราคา 1,689,000 บาท
 

NISSAN

ด้าน Nissan ก็มีรถอเนกประสงค์มาให้เป็นทางเลือกอยู่ด้วยกัน 2 รุ่น ประกอบด้วย Kicks e-Power ที่เป็นรถอเนกประสงค์แบบคอมแพ็คเอสยูวี ที่จะมอบพร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่และสมรรถนะเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า และ Terra ที่เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง มาเป็นทางเลือกสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว
 

Kicks e-Power เป็นรถที่จะมอบประสบการณ์ในการขับขี่และสมรรถนะเหมือนกับรถยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยี e-Power ที่จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ประกอบไปด้วย มอเตอร์ไฟฟ้า EM57,  เครื่องกำเนิดไฟฟ้า, อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า ที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจากเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.2 ลิตร, แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์ชั่วโมง โดยเครื่องยนต์สันดาปมีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับระบบ ทั้งยังสามารถเติมน้ำมันไม่ต้องรอชาร์จไฟอีกด้วย โดยเทคโนโลยี e-Power นี้เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของนิสสัน ให้อัตราเร่งที่ราบรื่น
 

ราคา

รีวิว

 

Terra เป็นรถอเนกประสงค์ที่มีเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดดเด่นด้วยห้องโดยสารขนาดใหญ่ อีกทั้งมีความกว้าง ได้ความทนทานเพราะใช้พื้นฐานมาจากรถกระบะ ในทุกรุ่นย่อยจะใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคู่ รหัสYS23DDTT ที่ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร และส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่ให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง และประหยัดน้ำมันถึง 13.5 กิโลเมตร/ลิตร ในรุ่นขับ 2 และ13.2 กิโลเมตร/ลิตร ในรุ่นขับ 4 ล้อ ส่วนการออกแบบภายนอก มีการออกแบบด้านหน้าใหม่ด้วยชุดกระจังหน้า V-Shaped กับ ล้ออัลลอยให้มาเป็นสีทูโทน ปัดเงาด้านหน้าขนาด 18 นิ้ว ด้วยตัวถังค่อนข้างใหญ่ทำให้มีความสูงใต้ท้องรถ 225 มิลลิเมตร ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งที่แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย โดยเบาะแถว 2 กับแถว 3 แยกพับได้ตามการใช้งาน โดยเบาะแถว 2 และ 3 สามารถพับเรียบเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้มากเท่าที่ต้องการเหมาะสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวทุกรูปแบบ 
 

ราคา

Terra 2.3 E 2WD 7AT ราคา 1,199,000 บาท
Terra 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,449,000 บาท
Terra 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,519,000 บาท
Terra 2.3 VL 7AT Sport ราคา 1,555,000 บาท
 

รีวิว

 

PEUGEOT

 
 
Peugeot 2008 เป็นรถอเนกประสงค์สำหรับคนรุ่นใหม่ หัวใจพรีเมียมสัญชาติฝรั่งเศส ที่มากับดีไซน์โดดเด่นด้วยตัวถังกะทัดรัด การันตีด้วยรางวัล Red Dot Design Awards มาแล้ว สะท้อนความเป็นสิงห์ผยองทุกมุมมอง ตัวถังด้านข้างเน้นเหลี่ยมสัน เพิ่มความโฉบเฉี่ยวด้วยลูกเล่นบริเวณเส้นข้างประตู ดูบึกบึนและสะดุดตายิ่งขึ้น ขณะที่ไฟท้ายดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ สะท้อนกรงเล็บสิงโต (Lion Claws) ตัดกับคิ้วสีดำเงาอย่างลงตัว พร้อมล้อแม็กขอบ 17 นิ้ว ขับสนุกด้วยขุมพลังเบนซินเทอร์โบ 3 สูบ 1.2 ลิตร เทคโนโลยี PureTech ให้กำลัง 129 แรงม้า ตอบสนองดีทุกช่วงรอบ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด สู่ล้อคู่หน้า ทำให้เป็นรถขับสนุก และใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า 
 

ราคา

รีวิว

 
 
Peugeot 3008 เป็นรถอเนกประสงค์ที่เหมาะกับครอบครัว เพราะรองรับได้ 5 ที่นั่ง ทั้งยังมากับดีไซน์ที่คงไว้ซึ่งความสวยงามด้วยการปรับโฉมส่วนหน้ารถ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Face The New Face ด้วยกระจังหน้าแบบไร้กรอบ เพิ่มความชัดเป็นเส้นครีบทอดยาวใต้ไฟหน้าแบบฟูลแอลอีดี ที่สามารถทำงานเป็นไฟตัดหมอกได้ในตัว ขนาบข้างด้วยเดย์ไทม์รันนิงไลท์แนวตั้งคล้ายเขี้ยวสิงโต เพิ่มความสปอร์ตด้วยช่องดักลมสีดำบนกันชนหน้า ขณะที่ปลายฝากระโปรงหน้า ติดตั้งตัวนูน ‘3008’ ระบุรุ่นชัดเจน พร้อมราวหลังคาดีไซน์ใหม่ ให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น ห้องโดยสารตกแต่งตามจุดต่างๆ ด้วยวัสดุผ้าคุณภาพสูง ให้สัมผัสนุ่มนวลและดูหรูหราด้วยมาตรวัดดิจิทัลอเนกประสงค์ขนาด 12.3 นิ้ว และติดตั้งทัชสกรีนอเนกประสงค์ขนาด 10 นิ้ว บริเวณกลางแดชบอร์ดขับคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร ทวินสกรอลล์เทอร์โบ 167 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตันเมตร ช่วยให้มีอัตราเร่งดีและใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า ส่งกำลังอย่างนุ่มนวลและฉับไว ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบ Electric Impulse พร้อม Advanced Grip Control กับ 5 โหมดการขับ ผสานหลายระบบช่วยเหลือผู้ขับอีกมากมาย และยังได้เพิ่มรุ่น Allure Sport Edition มาให้เป็นทางเลอกให้ลูกค้าโดเด่นขึ้นด้วยชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน ทั้งด้านหน้า สเกิร์ตหลัง สเกิร์ตข้าง และสปอยเลอร์หลัง 
 

ราคา

 
 
Peugeot 5008 เป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งอีกรุ่นที่เหมาะสำหรับครอบครัว ถูกปรับโฉมให้ดูโฉบเฉี่ยวและดูทันสมัยยิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Space of Happiness ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยกระจังหน้าแบบไร้กรอบที่ให้ความรู้สึกไหลลื่น เพิ่มความชัดเป็นเส้นครีบทอดยาวใต้ไฟหน้าแบบฟูลแอลอีดี ที่สามารถทำงานเป็นไฟตัดหมอกได้ในตัว และห้องโดยสาร i-Cockpit เจเนอเรชันใหม่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร ทวินสกรอลล์เทอร์โบ 167 แรงม้า แรงบิด 245 นิวตันเมตร ช่วยให้มีอัตราเร่งดีและใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่า ส่งกำลังอย่างนุ่มนวลและฉับไว ผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบ Electric Impulse พร้อม Advanced Grip Control กับ 5 โหมดการขับขี่ ผสานหลายระบบช่วยเหลือผู้ขับอีกมากมาย
 

ราคา

 

SUBARU

 
 
Forester เป็นรถอเนกประสงค์​ ที่หล่อขึ้นจากการปรับกีไซน์ด้านหน้ามาใหม่ดูเข้มด้วยไฟหน้าทรงใหม่​, กระจังสีดำ​, ล้อ 18 นิ้วลายใหม่​ ภายในเพิ่มระบบจอกลางขนาดใหญ่ขึ้น​ ชูนวัตกรรมระบบความปลอดภัยเต็มขั้น Eyesight 4.0 ที่มีการทำงานร่วมกับหลายระบบเพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุด พร้อม X-MODE ของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Symmetrical All-Wheel Drive โดยเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 2.0​ ลิตร​ ให้กำลัง 156 แรงม้า​ แรงบิด 196 นิวตันเมตร กับเกียร์ Lineartronic CVT​ 7 สปีด 
 

ราคา

รีวิว

 

Outback ล่าสุดมีการเพิ่มออปชันให้รถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียมของ Subaru ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ไดเรคอินเจคชั่น ขนาด 2.5 ลิตร ถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างตัวถัง Subaru Global Platform โดยเป็นการผสมผสานความสามารถในการขับขี่ของรถแกรนด์ทัวริ่งเข้ากับความคล่องตัวของรถอเนกประสงค์และแสดงถึงจิตวิญญาณแห่งการผจญภัย โดยปรับรูปลักษณ์ภายนอกด้วยล้ออัลลอยด์ลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว กับการพัฒนาความสามารถในการขับขี่และประสบการณ์ในห้องโดยสาร เช่น ระบบอินโฟเทนเมนท์ หน้าจอแสดงข้อมูลของผู้ขับ การปรับปรุงแผงควบคุมบนพวงมาลัย ขับเคลื่อนด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ของ Subaru และเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ไดเรคอินเจคชั่นใหม่ขนาด 2.5 ลิตร ช่วยให้ Outback ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 9.6 วินาที มีระยะห่างจากพื้น 213 มม. และยังได้รับการออกแบบให้ดูสมบุกสมบันด้วยกันชนและตัวถังที่แข็งแกร่ง ช่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ขึ้น 522 ลิตร ทำให้มีคุณสมบัติอเนกประสงค์ที่แท้จริง และเทคโนโลยี Eyesight​ 4.0​ ขั้นสูงเหมาะสำหรับในทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการการใช้ในเมือง รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวสุดสัปดาห์กับครอบครัว
 

ราคา

 

XV เป็นรถอเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์เอสยูวีที่มาพร้อมเทคโนโลยี Eyesight เสริมความปลอดภัย EyeSight Driver Assist ที่ช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 61% เทคโนโลยีขั้นสูงนี้สามารถประมวลผลได้อย่างแม่นยำ ที่ได้รับรางวัลการันตีทั่วโลก รองรับรูปแบบการขับขี่ที่หลากหลายด้วย SI Drive ที่ให้คุณสามารถเลือกปรับโหมดการขับขี่ในแบบของคุณทำให้มีความสนุกสนานยิ่งขึ้น และ Dual X-MODE ที่พัฒนาขึ้นใหม่ช่วยเสริมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบสมมาตรของ Subaru ให้มีการผจญภัยที่ท้าทายมากขึ้นโดยการกระจายแรงบิดของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และระบบเบรกช่วยเพิ่มความสามารถในการออกตัวหากล้อติด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนพื้นผิวที่ไม่เรียบหรือเส้นทางที่ท้าทายในทุกเส้นทาง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 156 แรงม้า​ และด้วยรูปทรงที่ปราดเปรียวกับราคาที่เข้าถึงง่ายก็พร้แมพาคุณไปถึงทุกจุดหมายได้ตามต้องการ 
 

ราคา

 

SUZUKI

 
 
Jimny เป็นรถอเนกประสงค์สายลุยสำหรับ Suzuki ซึ่งปัจจุบันก็เป็นเจเนเรชันที่ 4 แล้ว ภายใต้คอนเซ็ปต์ Authentic compact 4WD เป็นรถออฟโรดขนาดคอมแพ็คกับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เคยเปลี่ยน พร้อมสมรรถนะเกินตัวกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Part-time 4WD โดยที่ภายนอกถอดแบบมาจากโมเดลในตำนานที่ยังคงคลาสสิคที่ผู้รักการผจญภัยต่างคุ้นเคยมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนภายในดีไซน์อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่มากแต่ก็พร้อมรองรับการใช้งาน ด้วยการออกแบบห้องโดยสารที่โปร่งกว้างสบาย พร้อมพาคุณไปยังทุกจุดหมายด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ K15B ขนาด 1.5 ลิตร ที่ประหยัดน้ำมัน ให้กำลังสูงสุด 102 แรงม้า และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Part-time 4WD กับระบบกันสะเทือนแบบคานแข็ง เสริมความปลอดภัยด้วย Traction Control System (TCS) หรือ ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจแม้พื้นถนนลื่น ซึ่งแฟน Suzuki นั้นคงทราบกันดีว่า Jimny โฉมเก่า หรือแม้กระทั่ง Caribian นั้นเป็นรถขนาดเล็กที่คอสายลุยต้องไม่พลาด และถ้ามีโอกาส Jimny โฉมนี้ก็ไม่น่าพลาดเช่นกัน
 

ราคา

 

TOYOTA

มาถึงแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota ก็มีรถอเนกประสงค์ในไลน์อัปให้เลือกมากมายทั้ง Corolla Cross รถอเนกประสงค์ขนาดกลาง, Fortuner เป็นรถอเนกประสงค์สมรรถนะสูงขนาดกลาง โดยทั้ง 2 รุ่นนี้จะมีรุ่น GR Sport มาให้เป็นทางเลือกด้วย และYaris Cross รถยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
 
 
Fortuner กลับมาทวงบัลลังก์รถอเนกประสงค์ เริ่มด้วย Leader ที่มากับดีไซน์ที่เพิ่มความ Premium ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และฟังก์ชันความปลอดภัย ที่มากับเครื่องยนต์ 2GD-FTV (High) ขนาด 2,393 ซีซี ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift และยังเติมความน่าซื้อให้กับรุ่น Legender ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มฟังก์ชันความสะดวกสบาย และความปลอดภัย พร้อมปรับจูนช่วงล่าง เพิ่มความนุ่มนวล เกาะถนน ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์ 2GD-FTV (High) ขนาด 2,393 ซีซี ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift และเครื่องยนต์ 1GD-FTV (High) ขนาด 2,755 ซีซี ให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และ Paddle Shift ปิดท้ายกับรุ่นสูงสุดอย่าง GR Sport ที่ถ่ายทอดความพิเศษด้วยดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ทรงพลัง สนุกสนานกับสมรรถนะเครื่องยนต์แรงสุดจากเครื่องยนต์ 1GD-FTV (High) ขนาด 2,755 ซีซี ให้กำลัง 224 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Sequential Shift และช่วงล่างสปอร์ต ถูกใจรุ่นไหนเลือกได้เลย แม้ว่าเบาะหลังจะไม่พับราบก็ตาม (พับขึ้นทางด้านข้าง) 
 
 
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริงในตลาด PPV แนะนำรถยนต์อเนกประสงค์ในรุ่นย่อยใหม่ FORTUNER LEADER S เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มองหารถยนต์อเนกประสงค์ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย พร้อมดีไซน์พรีเมียม สวยสะดุดตา คุ้มค่าด้วยระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ทันสมัย ตอบโจทย์ในทุกสภาพการใช้งาน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 โดย FORTUNER LEADER S ที่โดดเด่นด้วย ไฟหน้าแบบ Bi-Beam LED พร้อม Daytime Running Lightsไฟตัดหมอกหน้าแบบ LEDและไฟท้ายแบบ LED Light Guiding เสริมด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ายในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันไว้วางใจกับความสะดวกสบายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto, มาตรวัดเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมแผ่นกรองปรับอากาศ PM2.5, เบาะนั่งวัสดุผ้าคุณภาพสูง
 

ราคา

Leader
Legender
GR Sport

รีวิว

 
 
Corolla Cross เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดกลางกึ่งใหญ่ โดยใช้โครงสร้าง TNGA (Toyota New Global Architecture) จัดอยู่ระหว่าง C-HR และ Corolla Altis เป็นรถขนาดกำลังดี แต่ก็มีความกว้างโปร่งสบาย การออกแบบภายนอกให้ดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว และมีความแข็งแกร่ง ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2ZR-FBE ขนาด 1,798 ซีซี ให้กำลัง 140 แรงม้า แรงบิด 177 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ย 15.4 กม./ลิตร กับเครื่องยนต์ 2ZR-FXE ขนาด 1,798 ซีซี ให้กำลัง 98 แรงม้า แรงบิด 142 นิวตันเมตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลัง 53 แรงม้า กับแรงบิด 163 นิวตันเมตร เมื่อรวมกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้ 122 แรงม้า ใช้แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย ทำให้มีอัตราประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.3 กม./ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ทำให้กลายรถที่เป็นเจ้าของได้ง่าย แม้จะไม่มีบางออปชันแต่ด้วยราคาที่ถูกลง แตก็แทนที่ด้วยระบบหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ 
 

ราคา

รีวิว

 

Yaris Cross เป็นรถยนต์อเนกประสงค์ไฮบริดรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Toyota ที่ผสมผสานการใช้งานแบบ URBAN x ADVENTURE ตอบสนองการขับขี่ในเมืองที่คล่องแคล่ว สนุกสนาน และสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ความปลอดภัยระดับ Top Class กับการออกแบบภายนอกแบบ SOLID x DYNAMIC ตอบสนองไลฟ์สไตล์แอคทิฟ พร้อมลุยไปทุกที่ สะท้อนภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ กับการออกแบบภายในแบบ ROOMY x SPORTY เน้นภาพรวมห้องโดยสารกว้างขวาง สบายตา เสริมดีกรีความสปอร์ตด้วยการออกแบบที่นั่งฝั่งผู้ขับขี่ให้มีดีไซน์แบบ Driver-Oriented Cockpit เพิ่มความพรีเมียมด้วยการตกแต่งภายในด้วยวัสดุบุนุ่ม วัสดุหุ้มเบาะนั่ง พร้อมเทคโนโลยี QUOLE MODULE ช่วยลดการสะสมความร้อนบนผิวสัมผัส ส่วนสมรรถนะการขับขี่ จาก เครื่องยนต์ไฮบริด 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร (1,496 ซีซี) ให้กำลัง 91 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 80 แรงม้า และ แรงบิด 141 นิวตันเมตร และแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน เมื่อรวมกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะได้กำลังสูงสุด 111 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ให้อัตราเร่งดี ประหยัดน้ำมันที่สุดในคลาสถึง 26.3 กม./ลิตร เรียกว่าเป็นรถที่ให้ของมาเกินราคาจริง ๆ สำหรับรถรุ่นนี้
 

ราคา

รีวิว

 

VOLVO

 

XC60 คือรถอเนกประสงค์ขนาดกลางที่พรีเมียมที่สุดในตลาด พร้อมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายใต้การออกแบบที่หรูหราสง่างาม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนายานยนต์ระดับหรู และประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจ ภายในห้องโดยสารของ XC60 ได้รับการอัพเกรดเพื่อเพิ่มความหรูหรา ภายนอกตัวรถตกแต่งด้วยวัสดุโครเมียมรอบคัน โดยระบบส่งกำลังจะเป็นเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ที่เครื่องยนต์มีขนาด 1,969 ซีซี ให้กำลัง 317 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลัง 145 แรงม้า แรงบิด 309 นิวตันเมตร เมื่อรวมกันทั้งระบบจะให้กำลัง 462 แรงม้า กับแรงบิด 709 นิวตันเมตร กับอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 4.8 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AWD กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถเดินทางด้วยไฟฟ้าได้ถึง 81 กิโลเมตร พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยมากมายตามสไตล์รถ Volvo 
 

ราคา

 

XC90 เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ของ Volvo ที่มากับเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1,969 ซีซี ให้กำลังเหมือนรุ่น XC60 แต่ต่างกันตรงที่ XC90 จะให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5.3 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมระบบขับเคลื่อนแบบ AWD กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สามารถเดินทางด้วยไฟฟ้าได้ถึง 77 กิโลเมตร พร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยเต็มพิกัด โดยจุดเด่นหลัก ๆ มีโหมดการขับขี่หลากหลาย รทำให้สามารถลุยได้แม้เป็นเส้นทางออฟโรด 
 

ราคา


และนี้คือบรรดารถอเนกประสงค์ที่เหมาะกับการเลือกซื้อไปเป็นรถไว้ใช้ในวันทำงาน และไว้ใช้พาครอบครัวไปเป็นสายเที่ยวและแค้มปิ้งในวันหยุด ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 ที่คุณสามารถเลือกซื้อได้ตามงบ ก้วยความอเนกประสงค์ที่ให้มา ในราคาหลักแสนถึงหลักล้านบาท ถือว่าเป็นที่คู่ควรสำหรับมีไว้ใช้ในครอบครัว 
 

 
หมายเหตุ :
  • ราคาที่ระบุข้างต้นเป็นการค้นหาข้อมูลมาจากเว็บไซต์ของรถยนต์แต่ละแบรนด์นั้น ๆ ณ วันที่ทำบทความ ดังนั้นราคาดังกล่าวจึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และโปรดสอบถาม หรือตรวจสอบราคาล่าสุดจากตัวแทนจำหน่ายที่เกี่ยวข้องสำหรับรุ่นนั้น ๆ อีกครั้ง
  • ข้อมูลสินค้าที่จัดอันดับข้างต้นนี้เป็นข้อมูลสินค้า ณ เดือนพฤศจิกายน 2567 และเมื่อเวลาผ่านไปลำดับเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับข้อมูลสินค้าที่เปลี่ยนไป 
แท็กที่เกี่ยวข้อง รถอเนกประสงค์ ท่องเที่ยว แค้มปิ้ง evcar
CAR GURU
เขียนโดย วโรดม อิ้วลันตา CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)