สำหรับท่านที่มี รถยนต์ไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle – BEV) ซึ่งหมายถึง รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ อยู่ในความครอบครอง หนึ่งในความสงสัยเกี่ยวกับรถประเภทนี้นอกจากความสามารถของตัวผลิตภัณฑ์แล้ว ก็คงหนีไม่พ้นเริ่องของประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ว่าเมื่อซื้อรถและเลือกทำประกันเรียบร้อยแล้วประกันรถยนต์ไฟฟ้า คุ้มครองอะไรบ้าง, เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีราคาเท่าไหร่ ที่สำคัญที่สุดเลยคือ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมประกันจ่ายให้หรือไม่ สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้านั้นจัดทำขึ้นเพื่อพัฒนา และจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับการรับประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ และเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อสามารถพิจารณาความเสี่ยงในการรับประกันภัยจากการใช้งานจริงของรถยนต์แต่ละคันได้ดีมากยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อผู้เอาประกันภัยของรถยนต์ที่ขับเคลื่่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เท่านั้น โดยไม่นับรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าที่ดัดแปลงมาจากรถยนต์ (ที่ใช้เครื่องสันดาป)
จากคำถามที่ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเสื่อมประกันจ่ายให้ 100% ไหม? คงต้องตอบว่าเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีหลักเกณฑ์ใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดย สมาคมประกันวินาศภัยไทย ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้จัดทำ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งได้ปรับความคุ้มครองของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมา ใจความสำคัญอยู่ตรงที่ ในกรณีที่แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียหาย บริษัทประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามปี อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ โดยการนับอายุการนับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เริ่มนับจากวันที่รับมอบรถยนต์จากผู้จำหน่ายรถยนต์หรือวันที่ตามเอกสารการรับประกันแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจากผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายรถยนต์ แล้วแต่วันใดเกิดขึ้นก่อน
กรณีมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ในระหว่างระยะเวลาประกันภัย ในกรณีที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความเสียจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือ ได้รับความเสียจนต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ บริษัทประกันจะต้องแจ้งให้ทราบภายใน 7 วัน ทั้งนี้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องแจ้งการใช้สิทธิให้บริษัททราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากบริษัท และยัง จากนั้นบริษัทประกันจะพิจารณาอนุมัติเคลมซึ่งแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทกำหนด โดยอาจจะมีการนับอายุแบตเตอรี่ต่อจากลูกเดิมเมื่อมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ และนับอายุแบตเตอรี่ใหม่ เป็นต้น
นอกจากนี้ก็ยังมีรายละเอียดอื่น ๆ ของ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ที่ครอบคลุมแบตเตอรี่ มีรายละเอียดต่าง ๆ เช่น
- ระยะเวลาประกัน: ปกติแล้วประกันแบตเตอรี่จะครอบคลุมเป็นระยะเวลาที่กำหนด (ปี) หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่กรณีใดถึงก่อน) บางบริษัทอาจมีระยะเวลาที่ต่างกัน
- สภาพการใช้งาน: ประกันอาจครอบคลุมในกรณีที่แบตเตอรี่เสื่อมสภาพจากการใช้งานปกติ แต่ไม่ครอบคลุมในกรณีที่เกิดความเสียหายจากการใช้งานที่ไม่เหมาะสม หรืออุบัติเหตุ
- ระดับการเสื่อมสภาพ: บริษัทประกันจะระบุว่าแบตเตอรี่จะต้องเสื่อมสภาพลงถึงระดับหนึ่ง เช่น ความสามารถในการเก็บพลังงานลดลงต่ำกว่า 70% ถึงจะได้รับการชดเชย
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (แบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า แนบท้ายคำสั่งนายทะเบียนที่ 47 /2566) จะให้ความคุ้มครองเหมือนรถทั่วไป (แต่ไม่คุ้มครองความเสียหายจากปัจจัยภายนอก ที่มีผลต่อระบบปฏิบัติการที่ใช้ควบคุมการทำงานของรถยนต์), ไม่คุ้มครองความเสียหายจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิตรถ (แต่สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้)
และยังมีการปรับเพิ่มจำนวนผู้ขับขี่ โดยผู้เอาประกันภัยสามารถแจ้งระบุชื่อผู้ขับขี่ได้สูงสุด 5 ชื่อ จากเดิมที่ระบุชื่อได้เพียง 2 ชื่อ หากผู้เอาประกันนำรถยนต์ไฟฟ้าไปให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อ เมื่อเดิดความเสียหายจะต้องรับผิดชอบ ค่าเสียหายส่วนแรก แต่ยังได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ และเมื่อต้องการต่อประกัน บริษัทประกันก็จะนำพฤติกรรมการขับขี่ของทั้ง 5 ชื่อมาประเมิน และพิจารณาค่าเบี้ย หากมีประวัติดี ก็มีโอกาสได้รับส่วนลด อีกทั้งเกณฑ์ใหม่นี้ยังให้คุ้มครองสายชาร์จพกพาที่ติดมากับตัวรถ (ในกรณีสายชาร์จสูญหายจากการโจรกรรม และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ)
อย่างไรก็ตาม กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ นั้นช่วยเพิ่มความชัดเจนให้การทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าให้มีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งค่าเบี้ย, ความคุ้มครองตัวรถ, ความคุ้มครองแบตเตอรี่ แต่อย่างไรก็ดีประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ายังมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปแต่ก็มีแนวโน้มว่า อัตราค่าเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้านั้นจะค่อย ๆ ปรับตัวลดลงได้ในอนาคต อย่างไรก็ดีควรตรวจสอบรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัยอย่างละเอียด หรือสอบถามกับบริษัทประกันที่เกี่ยวข้องเพื่อทราบข้อมูลที่ชัดเจนที่สุด