แอดช้างได้มีโอกาศรับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นยอดฮิต
BYD Dolphin Extended Range มาทดลองขับอีกครั้ง คราวนี้จะเน้นการใช้งานแบบวีถีคนเมือง แบบไม่อวย ว่ามีจุดเด่นจุดด้อยตรงไหนอย่างไรบ้างแบบ "ไม่อวย" ครับ ใครกำลังเล็งอยู่อ่านไว้ช่วยตัดสินใจได้เลย!
VIDEO
BYD Dolphin ที่นำมาขับเป็นรุ่นท็อปสุด Extended Range ราคา 859,999 บาท ที่มีจุดเด่นคือ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงถึง 150 kWh หรือ 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 80kw วิ่งได้ 490 กม. (NEDC) รองรับ DC,CCS 2 และ AC Type 2 ช่วงล่างมาในแบบอิสระ 4 ล้อ โดยด้านหลังเป็น "Multi-link" ระบบความปลอดภัย ADAS พร้อม Wireless changer เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้ากระจกขึ้นลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน หลังคาพาโนรามิกรูฟและล้ออัลลอย 17 นิ้ว
รองรับการชาร์จ
Extended Range แบตฯ ขนาด 60.48kw รองรับ DC,CCS 2 และ AC Type 2 เมื่อเทีบกับรุ่นเริ่มต้น Standard Range แบตฯ ขนาด 44.9kw 0-100% AC Standard Range 7.5 ชม.Extended Range 10 ชม. 0-100% DC Standard Range 57 นาที Extended Range 68 นาที 0-80% DC Standard Range 42 นาที Extended Range 43 นาที 30-80% DC Standard Range 28 นาที Extended Range 29 นาที
ฟังก์ชั่นเด่น ๆ คือ
กระจกมองหลังปรับลดแสงด้วยมือทั้ง 2 รุ่นย่อย แต่รุ่น Extended ให้กระจกขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน เบาะทรงสปอร์ตนั่งสบายปรับไฟฟ้าคู่หน้าฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง ข้างคนขับ 4 ทิศทาง มาตรวัด ขนาดเล็กที่แสดงผลการทำงานได้ละเอียดแม่นยำ จอความบันเทิงขนาด 12.8 นิ้ว สามารถปรับหมุนแนวตั้งและแนวนอนได้ ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ช่องเชื่อมต่อ USB-A กับ USB-C ด้านหน้าพร้อมช่องจ่ายไฟ 12V ด้านหลัง USB-A และ USB-C อีก 2 ช่องหลังคอนโซลกลาง โดยจอกลางนั้นจะเป็นเมนูสำหรับตั้งค่าการใช้งานรถแทบทุกอย่าง เช่น แอร์ ระบบควบคุมรถ ระบบความปลอดภัย เครื่องเสียง แผนที่เชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อม Wireless changer และระบบ V2L (Vehicle to Load) จ่ายไฟฟ้าได้ พร้อมปลั๊กต่อ
ระบบความปลอดภัย เยอะ!
ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะขับขี่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ระบบเตือนก่อนเปิดประตู กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อรถออกจากเลน ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง ระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะ ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบเตือนการชนด้านหลัง ระบบเตือนจุดอับสายตา ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถผ่านจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบช่วยควบคุมเมื่อรถออกจากเลน ระบบช่วยควบคุมรถฉุกเฉินเมื่อรถออกจากเลน ระบบเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนเลน ระบบช่วยคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรก ถุงลมนิรภัย 6 จุด
แรงจริงแต่...ช่วงล่างยังต้องขยับ
พลังมอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งดีเกินตัว แม้ระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ด้านหลังเป็น "Multi-link" อย่างดี แต่เสียดายที่ปรับความหนึบระบบโช้คอับนุ่มนวลเกินไป เหมาะกับการใช้งานแบบเรื่อย ๆ ซึ่งขัดกับกำลังที่ติดรถมา ทำให้เมื่อเผลอหรือต้องการเร่งแรง ๆ ทำให้ต้องเกร็งมือในการควบคุมพวงมาลัยมาก ๆ และมีอาการหน้าส่ายหรือ "ดิ้น" ให้รู้สึกมาก โดยเฉพาะเวลาเร่งและต้องเปลี่ยนช่องทางพร้อมกัน จะชัดเจนมาก ต้องระวังให้ดีครับ
การเข้าโค้งและขับผ่านคอสะพาน ห้าม! ขับเร็วเกินไป เพราะช่วงล่างนุ่มและยวบมาก ๆ อาจทำให้ควบคุมรถลำบาก ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนั้นช่วงล่างถูกออกแบบให้ขับความเร็วไม่สูงเกินไปตามกฏหมาย และเน้นใช้งานในเมืองจะยิ่งให้ความราบรื่น นุ่มนวล ยิ่งในความเร็วต่ำ ๆ ยิ่งขับสบายมาก ๆ กลายเป็นว่ามีกำลังแรงแต่ก็ยังเหมาะกับการขับความเร็วต่ำมากกว่าใช้ความเร็วสูงครับ
แนะนำว่าใครที่ต้องการสมรรถนะให้ดีขึ้นควรปรับแต่งระบบช่วงล่างและยาง ส่วนล้อนั้นจะเปลี่ยนหรือไม่แล้วแต่ความชอบเลยครับ "เพราะสมรรถนะได้เกือบครบ แค่ต้องปรับระบบช่วงล่างนิดเดียว จบแน่นอนครับ"
สำหรับการขับในโหมดต่าง ๆ เน้นกับก่อนว่าใครที่เพิ่งมาลองขับครั้งแรก ๆ ให้ใช้ "Eco" ให้คุ้มชินกับกำลังก่อน แล้วค่อยขยับไป Narmol ครับ เพื่อทำความคุ้นเคยกับฟิลลิ่งพลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่เยียบพุ่ง ๆ แบบไม่รอรอบ ส่วนอัตราการกินไฟเฉลี่ยราว ๆ 14-15 kWh/100 สำหรับผมแล้วไม่ค่อยติดใจเท่าไหร่ เพราะมอเตอร์ 204 แรงม้าย่อยกินจุเป็นธรรมดา แต่ขับแล้วมีม้าจริง ๆ ให้ใช้ไม่จกตาก็เป็นพอครับ! และชอบตรงที่น้องโลมามีความจำดีจดจำค่าต่าง ๆ ที่ตั้งเอาไว้ครั้งสุดท้ายก่อนดับเครื่อง
ระยะวิ่งจริงต่อการชาร์จ ในคันนี้ตอนชาร์จเต็ม 100% ตัวเลข 490 กม. วิ่งไประยะทาง 58 กม. ระดับแบตฯ คงเหลือ 57% ระยะทางคงเหลือ 278 กม.ถ้าคิดง่าย ๆ คือ จาก 490 กม. ใช้ไป 58 กม. ระยะทางต้องเหลือ 432 กม. แต่เมื่อนำมาคำนวนแบบง่าย ๆ 432 กม. นำมาหักที่เหลือ 278 กม. ดังนั้น ระยะทางจริงหายไป 154 กม.* กลายเป็นเหลือระยะทางที่วิ่งได้จริง ๆ แบบไม่จกตาอยู่ที่ 336 กม.
(*เป็นการประมาณ แต่จากสภาพการขับขี่ การจราจรและปัจจัยอื่น ๆ เช่น รถติด ใช้คันเร่งมาก-น้อย แตกต่างกันไป)
สรุปคือ 490 กม. วิ่งจริง ๆ 330-360 กม. สำหรับกำลัง 200 แรงม้า ก็หรูแล้วครับ
ฟังก์ชั่นขับขี่เนียบแต่...ใช้ในเมืองต้องระวัง
ความสะดวกสบายที่น่าสนใจคือ จอกลางที่ใหญ่เตะตา ใช้งานง่ายมีปุ่ม "ทางลัด" ให้กดใช้บางคำสั่ง ไม่ต้องเข้าไปเมนูลึกมาก ๆ จดยังหมุนตั้งหรือนอน และสั่งคำสั่งเสียงได้ด้วย เรียกว่าลูกเล่นดีเวอร์ คำสั่งเสียงยังฉลาดพอตัว ถามปุ๊บตอบปั๊บ และชอบตรงระบบเชื่อมต่อแบบไร้สายที่รวดเร็วมาก ไม่ยุ่งยาก ตรงคอนโซลกลางก็มีสวิตช์ควบคุมต่าง ๆ ไม่ต้องยุ่งกับจออีกด้วย
แต่ว่า.... มาตรวัดที่ขัดใจคนขับ เพราะความเล็กมองยากและรายละเอียดกระจุกอยู่ในจอเล็ก ๆ ทำให้ไม่คุ้นเคย การแสดงผลบางระบบก็ต้องมองหากว่าจะชินตา เช่น เปอร์เซ็นต์แบตฯ สัญญาณเตือนระบบช่วยเหลือขับขี่ต่าง ๆ ที่มันเรียงชิดกันจนแยกยาก ต้องขับไปสักพักใหญ่ ๆ ถึงจะชิน
ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ ทำงานขยับทันทีฉับไวปลอดภัยมาก ๆ เลย แต่ก็ยังมีบางระบบที่ขับในการจราจรหนาแน่นลำบากจนต้องปิด เช่น ระบบช่วยเตือนที่ความเร็วต่ำ เพราะเมื่อมีรถมอเตอร์ไซค์ขับเบียดโฉบมาใกล้มุมกันชนหน้า แม้เพียงเล็กน้อยระบบจะเบรกทันที ทำให้ "ตกใจ" มากกว่าเดิมอีก ส่วนระบบเตือนและดึงพวงมาลัยกลับเมื่อออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจนั้น หากใช้งานถนนโล่ง ๆ นับว่าดีมาก แต่ใช้งานในเมืองที่มีการแบ่งช่องจราจราแบบมั่ว ๆ หรือ การเบี่ยงเลน หากไม่เปิดไฟเลี้ยว ผู้ขับจะต้องขืนและสู้กับระบบหน่วงดึงกลับทำให้การขับไม่ราบรื่น จนต้องยอมปิด แต่..... หากขับถนนโล่ง ๆ รถไม่มากนักและมีระบบที่ปลอดภัยถือว่าทำงานได้ดีมาก ๆ
สุดท้ายระบบควบคุมความเร็วแปรผัน ตามรถคันหน้า อันนี้ดีเช่นกัน ช่วยผ่อนคลายลดเมื่อล้าได้ แต่ก็ยังต้องระวังเมื่อระบบคำนวนการเว้นระยะห่าง แม้จะตั้งเองเอาไว้ใกล้คันหน้ามากที่สุด แต่ก็ยังห่า..งงงง ประมาณ รถปิกอัพเข้าได้ 1 คัน ช่องว่างนี้ทำให้เป็นช่อง "เอื้ออาทร" ทันทีครับ คือ ใครมาก็แทรก ใครมาก็เข้าด้านหน้าหมด ทำให้รถที่เราขับอยู่ต้องกะระยะใหม่จากคันที่เข้ามาแทรก ก็จะยิ่งเว้นห่างร่นไปเรื่อย ๆ สรุปวิ่งที่เดิมไม่ต้องไปกันพอดี สุดก็ปิดซะ!
อีกระบบที่มีประโยชน์คือ เตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง ซึ่งช่วยเรื่องการถอยออกจากช่องจอดในเวลามองไม่เห็นรถที่กำลังขับผ่านหรือมีมุมอับได้ดีมาก ๆ เพียงแต่ว่า......(แต่อีกแล้ว) ในการกรณีผู้ขับมีความชำนาญในการถอยจอดในที่แคบ แต่ระบบคิดว่าใกล้จะชนจึง เบรกให้อัตโนมัติ....และไม่ใช่แค่เบรกชิวนะครับ...เบรกแบบเต็มแรงเลย! ทำให้ตกใจนึกว่าชนเข้าจริง ๆ สุดท้ายก็ต้องปิดระบบช่วยเบรกไป เหลือไว้แค่เสียงกับภาพเตือนบนจอเท่านั้น....................................................
สิ่งอำนวยความสะดวกเยอะดีแต่...ที่วางแก้วน้อย
สิ่งอำนวยความสะดวกสบายมีให้คุ้มค่ามาก ๆ เช่น เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า พวงมาลัยปรับ 4 ทิศทาง ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย ระบบเชื่อมต่อไร้สาย มี V2L จ่ายไฟให้กับภายนอก พับเบาะขนของ ฯลฯ ได้ดี แต่ก้ยังคาใจเรื่องที่วางแก้วน้ำตรงด้านหน้าที่วางได้ไม่จริง มันจะเบียด ๆ กัน และสวิตช์เกียร์เท่ แต่ใช้งานยากเวลามีแก้วน้ำวาง มันจะต้อง "สไลด์มือ" ในการปรับเกียร์กันหน่อย!
หลังคากระจกบานใหญ่นับว่าสวยลงตัวและคุ้มค่า แต่เมื่อเจออากาศและแดดแรง ๆ ในช่วงเมษายนที่ผ่านมานั้น "หัวร้อนเลยครับ" ของจริงเพราะรู้สึกถึงไอร้อนจากกระจกลงมาสัมผัสหัว แม้คันนี้จะมีฟิล์มอย่างดีก็ตามแต่ว่า สู้แดดไม่ไหว ระบบแอร์ที่ให้ลมที่ถือว่าเย็น แต่ไม่ค่อยเย็นแบบ "ฉ่ำ ๆ" ทั่วทั้งคัน เพราะไอร้อนจากกระจกนี่เองครับ ทำให้แอร์ไม่ค่อยฉ่ำเท่าที่ควร และไม่มี "ช่องแอร์หลัง" แต่ปัจจุบันนี้มีเจ้าของหลายคนเอาไปติดตั้งช่องแอร์กันเองก็ทำให้เย็นทั่วมากขึ้น
สรุปความคุ้มค่ากับราคา
สรุปความคุ้มค่าของโลมาตัวแรงนี้ยอมรับครับว่ายังไงก็ยังคุ้มราคา แม้จะมีที่ติมากมาย แต่สิ่งที่ได้ไปเยอะกว่าแน่นอน ทั้งสมรรถนะ ความสะดวกสบาย อเนกประสงค์ ระบบความปลอดภัยเทียบเท่ารถระดับพรี่เมี่ยมในราคาไม่ถึงล้าน BYD Extended Range 859,999 บาท นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ