MG4 ELECTRIC เปิดตัวรุ่นประะกอบไทยใหม่ ราคาใหม่ และเพิ่มรุ่นย่อยใหม่อีก 2 รุ่น นั่นคือ รุ่น V Long Range และ XPOWER AWD ตัวแรงราคาเร้าใจ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงอุปกรณ์ภายในใหม่ พร้อมกับราคาใหม่คุ้มค่ามากขึ้น โดยเฉพาะรุ่น V Long Range ทีได้แบบฯ ใหม่ ใหญ่ขึ้นวิ่งได้ระยะทางสูงสุดมากกว่าเดิมถึง 540 กม. NEDC ในราคาไม่ถึง 9 แสนบาท และติดตั้งใบปัดน้ำฝนหลังมาให้แล้ว นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นเดียวในปัจจุบันที่วิ่งได้ไกลสุดในราคาไม่ถึงล้าน!
สมรรถนะ ออปชั่น ช่วงล่าง และราคาลงตัว
สำหรับบทความนี้ขอข้ามผ่านความลังเลหรือความกังวลว่า "ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าดีไหม?" ไปในจุดที่มีตงามต้องการจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าล้วนจริง ๆ เลยนะครับ MG4 ELECTRIC ถามว่าคุ้มค่าแค่ไหน ตอบแบบง่าย ๆ ก่อนว่า จ่ายเงินในราคาเทียบเท่ากับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ในเซกเมนต์ถือว่าคุ้มค่ากว่าในรุ่นต่อรุ่นเลยทีเดียว เช่น เรื่องของ สมรรถนะที่กำลังดีขับสนุกเพียงพอต่อการใช้งาน ระยะทางที่วิ่งได้ราว ๆ 400 - 500 กม. นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตสบาย ๆ เลยครับ กรณีติดตั้งที่ชาร์จในบ้านยิ่งสบายเลยครับ
4 รุ่นย่อย ความคุ้มค่าที่แตกต่าง
MG4 ELECTRIC แบ่งขนาดของแบตเตอรี่เป็น 2 ขนาด คือ
49 kWh ในรุ่น
D, X มอเตอร์กำลังสูงสุด
170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด
250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง และขนาด
64 kWh จะอยู่ในรุ่น
V (ที่เพิ่มใหม่) แต่กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด
170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด
250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง รุ่นแรงพิเศษ
Xpower AWD ใช้แบตเตอรี่ลูกใหญ่
64 kWh เช่นกันมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด หน้า-หลัง กำลังสูงสุด
435 แรงม้า (320 KW) แรงบิด
600 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อแบ่งรายละเอียดย่อยอีกทีนั้นก็จะมี 2 รุ่นใหม่ที่เพิ่มมา คือ
V Long Range ซึ่งจะออปชั่นและระบบความปลอดภัยครบถ้วนที่สุด และ
XPOWER AWD ที่เป็น "ตัวขิง" ประจำรุ่น ที่เน้นความสปอร์ตเป็นหลัก แม้ออปชั่นกับระบบความปลอดภัยครบถ้วนแต่ก็ยังมีบางอย่างหายไป เช่น ไม่มีหลังคาซันรูฟ และจอความบันเทิงขนาดเล็ก 10 นิ้ว เท่า MG4 รุ่นก่อนหน้านี้
เรื่องของระบบช่วงล่างของ MG4 ในทุกรุ่นย่อยนั้นมาพร้อมระบบอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลัง อิสระ 5 ลิงก์ (5-LINK SUSPENSION) ระบบเบรกหน้าจานเบรกขนาด 300 มม.พร้อมช่องระบายความร้อน ด้านหลังจานเบรก 300 มม. และในรุ่น XPOWER AWD จะขยายจานเบรกด้านหน้าเป็นขนาด 345 มม. หนา 30 มม. และด้านหลัง 340 มม. หนา 22 มม. เพื่อให้เหมาะสมกับความแรงที่เพิ่มขึ้น ส่วนขนาดล้ออัลลอยขยับเป็น 18 นิ้ว ยาง 235/45 (รวมถึงรุ่น V ด้วย) แตกต่างกับรุ่น D, X ที่ให้ล้ออัลลอยเดิมพร้อมฝาครอบขนาด 17 นิ้ว ยาง 215/50
เทียบสเปค 4 รุ่น
MG4 ELECTRIC ทั้งหมด 4 รุ่นย่อยมีรายละเอียดสเปคและฟังก์ชันแตกต่างกันพร้อมกับราคาส่วนต่างเฉลี่ย 80,000 ไปจนถึง 230,000 บาท หรือถ้าเทียบกับรุ่นเริ่มต้น D กับรุ่นแรงสุดคือ XPOWER ที่ส่วนต่างมากถึง
410,000 บาท ส่วนรุ่นไหนจะมีออปชั่นให้แค่ไหนอย่างไรมาดูกันเลยครับ
MG4 D Standard Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 49 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 423 กม. NEDC ราคา 709,900 บาท
ภายนอก
- ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างกลางวันและเปิด-ปิดอัตโนมัติ
- ไฟท้าย LED
- กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว
- ใบปัดน้ำฝนกระจกหลัง
- ล้ออัลลอยพร้อมฝาครอบแบบ Aero Wheel Cover 17 นิ้ว ยาง 215/50 R17
ภายใน
- สีดำ
- เบาะผ้า
- มือจับ
- พวงมาลัยหุ้มหนังปรับ 4 ทิศทาง
- เบาะปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- เบาะหลังพับ 60 : 40
- จอมาตรวัด 7 นิ้ว
- กลางระบบสัมผัส 12 นิ้ว ใหม่รองรับ ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod แบบไร้สาย
- กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติ One Touch Up – Down ฝั่งคนขับ
- กระจกมองหลังปรับลดแสงด้วยมือ
- ปรับอากาศอัตโนมัติ
- ระบบจ่ายไฟภายนอก V2L
ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบเปิด – ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam Control)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
- ระบบช่วยเตือนการชน FCW (Forward Collision Warning) และระบบช่วยเบรก AEB (Autonomous Emergency Braking)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยควบคุมรถยนต์ให้ขับเคลื่อนอยู่ในเลน
- จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองหลัง
- สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ความบันเทิง
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน ควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
- หน้าจอสีระบบสัมผัส 12 นิ้ว ใหม่รองรับ ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod แบบไร้สาย
มีให้เลือก 4 สี
- FIZZY ORANGE
- ARCTIC WHITE
- ANDES GREY
- BLACK KNIGHT
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 8-9 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดที่ 161 กม./ชม.
MG4 X Standard Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 49 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 423 กม. NEDC ราคา 809,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น D 100,000 บาท)
ภายนอก
- ไฟท้ายแบบ LED พร้อมไฟ Position
- สปอยเลอร์หลัง Twin Aero Wing
ภายใน
- 2-Tone เทา – ดำ
- กระจกไฟฟ้าขึ้น-ลงอัตโนมัติ One Touch Up – Down 4 บาน
- กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
- ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger)
ระบบความปลอดภัย
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping Assist)
- ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA / BSD / RCTA / RCTB / DOW / RCW)
- กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
- i-SMART*
มีให้เลือก 5 สี
- FIZZY ORANGE / BLACK TOP
- BRIGHTON BLUE / BLACK TOP
- ARCTIC WHITE / BLACK TOP
- ANDES GREY / BLACK TOP
- BLACK KNIGHT / BLACK TOP
MG4 V Long Range มอเตอร์กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (125 KW) กับแรงบิด 250 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 540 กม. NEDC ราคา 889,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น X 80,000 บาท)
ภายนอก - ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยาง 235 / 45 R18
ภายใน
- 2-Tone เทา – ดำ เบาะตกแต่งหนังสังเคราะห์
หมายเหตุ หลัก ๆ แตกต่างกันที่ความจุแบตเตอรี่และระยะทางที่วิ่งได้มากขึ้น
MG4 XPOWER AWD มอเตอร์กำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 KW) กับแรงบิด 600 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ ความจุแบตเตอรี่ 64 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 480 กม. NEDC ราคา 1,119,900 บาท (เพิ่มจากรุ่น V 230,000 บาท)
ภายนอก - คาลิปเปอร์ XPOWER สีส้ม
- สี WILD HUNTER GREEN / BLACK TOP (มีสีเดียว)
ภายใน
- สีดำเบาะตกแต่งหนัง Alcantara
ความบันเทิง
- หน้าจอสีระบบสัมผัส 10 นิ้ว
- ระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Andriod (ใช้สายเสียบ)
ความปลอดภัย
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัด 200 กม./ชม.
*ระบบปฏิบัติการ i-SMART
SMART CHECK (ระบบตรวจเช็กอัจฉริยะ)
- ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ Battery Doctor
- ระบบตรวจสอบสถานะรถยนต์
- ระบบสั่งการ และระบบค้นหารถ Find My Car
- ระบบเตือนความผิดปกติของรถยนต์
- ระบบขอบเขตอิเล็กทรอนิกส์
- ระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมายและบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะ
- ระบบตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่ การชาร์จ และสถานีชาร์จ
SMART COMMAND (ระบบสั่งการอัจฉริยะ)
- กุญแจดิจิทัล
- ระบบสั่งการผ่านเสียงภาษาไทย
- ระบบควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศผ่านทางสมาร์ทโฟน
- ระบบวางแผนการเดินทาง Travel Plan และตั้งค่าการเดินทางแบบ Team Travel
- ระบบโทรออก – รับสายกรณีฉุกเฉิน
- ระบบเลขาส่วนตัว MG Call Centre
- ระบบโทรอัตโนมัติกรณีฉุกเฉิน Emergency Call
- ระบบสั่งการชาร์จ สถานี MG SUPER CHARGE ผ่านทางสมาร์ทโฟน
SMART CONNECT (ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ)
- ระบบนำทาง Navigation พร้อมรายงานการจราจรแบบ Real Time
- ระบบช่วยค้นหาร้านอาหาร และที่พักบนแผนที่นำทาง
- ระบบเล่นเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง
- อัปเกรดระบบผ่านออนไลน์
- ระบบเรียกดูข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ปัจจุบัน
- อัปเดตข้อมูลพยากรณ์อากาศ
รุ่นย่อยไหนเหมาะกับใคร
MG4 มีรุ่นย่อย สมรรถนะ ออปชั่นและราคาที่แตกต่างกัน ขึ้นกับความต้องการใช้งาน งบประมาณและความพึงพอใจ ส่วนใครที่ยังเลือกไม่ถูกไม่รู้จะใช้รุ่นไหนให้เหมาะสมกับการใช้งานลองพิจารณาดูตามนี้กันก่อนครับ
MG4 D Standard Range ราคา 709,900 บาท สำหรับผู้ที่งบประมาณไม่สูงมาก ไม่เป็นภาระในการผ่อนเกินไปและต้องการรถยนต์ไฟฟ้าไว้ใช้งานโดยไม่เน้นออปชั่นหรือระบบอะไรที่มากเกินไป สำหรับรุ่นนี้นับว่าคุ้มค่ามาก ได้รถที่มีสมรรถนะ 170 แรงม้า กับระยะทางเมื่อใช้งานจริงจะวิ่งได้เฉลี่ย 350 - 380 กม./ชาร์จ นับว่าเพียงพอแล้ว หรือคนที่ต้องการรถยนต์ไฟ้ฟ้าในราคาต่ำหน่อย แต่ยังได้สมรรถนะที่โดดเด่นไม่แพ้รถไฟฟ้าระดับเดียวกัน รุ่น D นับว่าจ่ายในราคาที่คุ้มค่าแล้ว
MG4 X Standard Range ราคา 809,900 บาท สำหรับผู้ต้องการใช้งานระบบแบบครบ ๆ และการตกแต่งเพิ่มเติมทั้งคัน ประกอบกับการใช้งานระยะทางต่อวันไม่เยอะมากนัก และมีความพร้อมในการเพิ่มเงินอีก 1 แสนบาท ก็จะได้ชิ้นส่วนที่ตกแต่งเพิ่มเติมและระบบความปลอดภัย ADAS ครบทุกฟังก์ชั่น และได้กล้องมองรอบคันมาด้วย นับเป้นรุ่นที่ได้ของครบ ๆ กับราคาที่เกิน 8 แสนมาไม่มากนัก
MG4 V Long Range ราคา 889,900 บาท รุ่นนี้ยอมรับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเดียวในประเทศไทย ณ ปัจจุบันที่ให้ขนาดความจุแบตเตอรี่ใหญ่พร้อมระยะทางวิ่งได้ไกลสุดถึง 540 กม. ที่ราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท แถมยังไม่ข้าม 9 แสนด้วยซ้ำ จึงนับเป็นรถที่เหมาะกับผู้ต้องการทั้งฟังก์ชั่นแบบครบถ้วนและระยะทางการใช้งานที่เผื่อเหลือเผื่อขาดได้ดีมาก ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้แบตฯ กับระยะวิ่งเท่ากันนี้ส่วนมากราคาก็มักจะแตะ 1 ล้านขึ้นไป ดังนั้น รุ่น V จึงนับเป็นรุ่นที่คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายมากที่สุดและใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างชิว ๆ
MG4 XPOWER AWD ราคา 1,119,900 บาท เหมาะกับเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบความแรงระดับ 400 ม้า แถมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ในราคาเอื้อมถึง ไม่สนการใช้งานของออปชั่นมากเท่ากับความสนุกในการขับขี่ และยังมีระบบความปลอดภัยต่าง ๆ แบบจัดเต็มไม่ตัดทิ้งอีกด้วย นับว่าเป็นรถระดับ Performance ที่ราคาต่ำมากที่ในไทยสุดในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าระดับเดียวกันที่มีกำลังขนาดนี้
สรุปว่า MG4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีรุ่นย่อยช่วยรองรับกลุ่มความต้องการหลายระดับ แต่ไม่ใช่ว่า MG4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ดีที่สุด แต่นับเป็นรุ่นที่กระแสดีและที่ผ่านมาก็ขายดิบขายดีมาก จนล่าสุดเป็นรุ่นประกอบไทยพร้อมเพิ่มรุ่นทั้งแบตฯ ใหญ่สะใจ และตัวแรงจัดมาให้ ซึ่งหากเทียบกับราคาแล้ว MG4 ELECTRIC จึงน่าสนใจไม่น้อยไปกว่ารุ่นอื่น ๆ ในระดับเดียวกันครับ และอย่ารีบตัดสินในซื้อจนกว่าจะได้ไป "ทดลองขับจับและสัมผัสรถด้วยตัวเอง" เพื่อให้ได้รถที่เหมาะกับตัวคุณเองมากที่สุดได้ที่โชว์รูม MG ทั่วประเทศ