ความสะดวกสบายและฟังก์ชั่นที่ใช้งานแปลกใหม่
สัมผัสแรกที่ได้นั่งตำแหน่งคนขับให้ความกระชับตัว เบาะไม่เล็กเกินไป นั่งสบายผิวสัมผัสเป็นผ้านุ่มอย่างดี ไม่อมความร้อน และ ระดับพวงมาลัยที่ปรับได้ 4 ทิศทาง ทำให้ท่านั่งขับขี่ดีมาก พวงมาลัยเป็นแบบหัวและท้ายตัด ดูเหมือนควบคุมยาก แต่พอได้ขับจริงแล้ว ง่ายกว่าที่คิด ทัศนะวิสัยด้านหน้าโปร่งสบาย แต่มุมด้านหลังแคบและมองยาก เพราะกระจกบานหลังขนาดเล็กและมุมมองแคบ แต่กระจกมองข้างสามารถช่วยให้มองด้านท้ายได้ลึก จึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่
ตำแหน่งก้านเกียร์ด้านขวาพวงมาลัยใช้งานตามตำแหน่งบนก้านเกียร์ง่าย ๆ เลื่อนลง "D" ตรงกลาง "N" ดันขึ้น "R" ปุ่ม "P" กดที่ส่วนปลาย ไฟเลี้ยวปรับไฟหน้าอยู่ฝั่งซ้าย ปุ่มบนพวงมาลัยนิ้วโป้งซ้ายควบคุม เพิ่ม-ลดเสียงและใช้เพิ่ม-ลดตั้งความเร็วระบบอะเดปทีฟครุซคอนโทรล และไม่มีมาตรวัดคนขับโดยจะใช้จอรวมกับจอความบันเทิงตรงกลางขนาดใหญ่มองได้ชัดเจน แต่อาจจะต้องละสายตาออกจากถนนเอียงมามอง จึงรู้สึกว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นัก และตรงผู้ขับขี่ติดตั้งระบบตรวจจับใบหน้าและตาผู้ขับขี่เมื่อมีความผิดปกติจะส่งสัญญาณเตือน
การปรับกระจกมองข้างต้องเข้าในจอกลางโดยกดรูป รถที่เมนูด่านล่างและไปจิ้มที่รูปกระจกมองข้าง และมีคำแนะนำให้ด้วย การปรับจะใช้ปุ่มสวิตช์บนพวงมาลัยขวามือได้เลย และเลือกปรับฝั่งซ้านหรือขวาด้วยการกดบนจอเช่นกัน นอกจากนี้ การเลือกเปิด-ปิดระบบ Keeplane และ One-Pedle ก็เลือกในจอนี้ด้วย
คอนโซลกลางมีที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่งพร้อมสวิตช์กระจกไฟฟ้าที่มีแค่ 2 ฝั่ง อ่าว! ยังไง ตรงประตุก็ไม่มี แต่ว่าสวิตช์ 2 ตัวนี้สามารถควบคุมกระจกไฟฟ้าได้ทั้ง 4 บาน โดยเลือกกด "REAR" ก็เลื่อนกระจกคู่หลังได้เลย ขยัลลงมาอีกนิดเป็นสวิตช์ล็อค-ปลดล็อคประตู และมีที่เท้าแขนกับกล่องใส่ของ ส่วนล่างของคอนโซลกลางนี้มีที่วางสิ่งของและเปิดแผ่นปิดออกมาก็จะเจอที่วางของอีกพร้อมกับช่องจ่ายไฟ UCB-C ทางใกล้ ๆ กันส่วนหน้าก้ยังมีที่ชาร์จไรสายอีก 1 ตำแหน่งด้วย ดูซับซ้อนแต่ก็มีให้ใช้งานได้คลอบคลุมดีครับ
จอทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้วแนวตั้ง นับเป็นศูนย์กลางในการใช้งานระบบต่าง ๆ ของรถยนต์ รวมไว้ในจอทั้งระบบแอร์ ปรับกระจกมองข้างที่มีคำแนะนำให้ การเลือกเปิด-ปิดระบบช่วนเหลือขับขี่ต่าง ๆ ระบบควบคุมเครื่องเสียง ไฟหน้า ไฟภายในรถ ตั้งค่าการชาร์จไฟ ดูข้อมูลการขับขี่ และในรุ่นที่เป็น Twin Motor จะมีเลือกโหมด Perfomance All-Wheel-Drive เปิดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตลอดเวลา (ปกติจะเป็นเน้นส่งกำลังล้อหลังเพื่อประหยัดไฟฟ้า)
แต่ยังมีปุ่มการควบคุมและสั่งงานแสดงผลเป็นแท็บข้อความและปุ่มเข้าเมนูลัด หรือจะเปลี่ยนมุมมองเป็นแบบ “Calm view” เพื่อเลือกแสดงเฉพาะข้อมูลสำคัญก็ทำได้ และระบบเครื่องเสียงจาก Harman Kardon Premium Sound แอมปลิไฟเออร์ 1040 วัตต์ พร้อมลำโพง 9 ตัว รวม คอมแพค วูฟเฟอร์ และซับวูฟเฟอร์ กระหึ่มมาก ๆ
ย้ำความสะดวกสบายใน Volvo EX30
Volvo EX30 มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อช่วยทั้งการป้องกัน และปกป้อง ผู้ใช้รถสำหรับ 2 รุ่นที่ทดสอบนั้่นจะมีฟังก์ชั่นที่เท่ากัน แตกต่างต่างเพียงระบบขับเคลื่อน 1 และ 2 มอเตอร์เท่านั้น โดยมาพร้อมกับความปลอดภัยสุดอลังการ
- เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยแจ้งเตือนการเปิดประตู (Door opening alert) ผ่านเรดาร์ที่ตรวจจับวัตถุที่เคลื่อนที่มาจากด้านหลัง เช่น รถจักรยานหรือมอเตอร์ไซค์ โดยรถจะส่งเสียงเตือนหากคนในรถจะเปิดประตูเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
- Driver alert system ระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่ โดยใช้เซ็นเซอร์เพื่อช่วยตรวจสอบความพร้อมในการควบคุมรถของผู้ขับที่ไม่เพียงตรวจการจับพวงมาลัย แต่ยังสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของศรีษะ ดวงตา และกระพริบตาของผู้ขับเพื่อตรวจสอบว่าผู้ขับมีอาการง่วง หรือมีสมาธิในการขับรถหรือไม่ และส่งสัญญาเตือนหากตรวจพบว่าผู้ขับมีแนวโน้มที่ไม่พร้อมในการควบคุมรถ
- ระบบ Pilot Assist รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ช่วยในการเปลี่ยนเลนโดยเพิ่มพื้นที่ระหว่างรถบรรทุกและรถของคุณให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความอุ่นใจ
- ระบบ Park Pilot Assist ที่สามารถตรวจพื้นที่ว่าง และควบคุมตัวรถทั้งคันเร่ง เบรก และพวกมาลัยในการจอดรถ (โดยมีผู้ขับคอยตรวจสอบ)
- กล้อง 360° Camera แบบ bird eye view ในการแสดงผลแบบ 3D
- Collision avoidance and mitigation by braking and steering ระบบหลีกเลี่ยงการชน ส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบความเสี่ยงในการชน และในบางสถานการณ์หากกำลังจะเกิดการชน รถจะสามารถเบรกหรือช่วยหักเลี้ยวอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชนระบบควบคุมคุณภาพอากาศภายในรถ พร้อมเซ็นเซอร์วัดค่า PM2.5
- เบาะโดยสารคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า
- พาโนรามิกกลาสรูฟ
- ฝากระโปรงหลังเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า
- NFC สมาร์ทการ์ด
- แท่นชาร์จไฟโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบไร้สาย
- Google built-in เพื่อใช้งาน Google Assistant, Google Maps navigation และ Google Play
- แอป Volvo EX30 ให้การเข้าถึงตัวรถและรับบริการเกี่ยวกับรถที่สะดวกสบายขึ้นอีกขั้น ทั้งยังเป็นรีโมต คอนโทรลที่ใช้สั่งงานควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ในรถ
- เชื่อมต่อกับพอร์ต USB-C เพื่อชาร์จโทรศัพท์มือถือได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- การอัพเดทเวอร์ชั่นซอฟ์ทแวร์แบบ Over-the-air (OTA)
- รองรับการเชื่อมต่อ 5G
- Volvo Assistance ผ่านปุ่ม On Call และ SOS เพื่อติดต่อกับศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง สบายใจทุกการเดินทางบนท้องถนน
สมรรถนะแรงทั้งคู่ แต่ Twin Motor ดึงหน้าหงาย!
Volvo EX30 Ultra - Single Motor Extended Range พลังของมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอรไฟฟ้า 272 แรงม้า แรงบิด 343 นิวตันเมตร ตามสเปคทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 180 กม./ชม.ระยะทางวิ่ง 480 WLTP และ 540 NEDC
Volvo EX30 Ultra - Twin Motor Performance พลังของมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 156 แรงม้า และหลัง 272 แรงม้า รวมทั้งระบบ 428 แรงม้า แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า 200 นิวตันเมตร และหลัง 343 นิวตันเมตร รวมทั้งระบบ 543 นิวตันเมตร ตามสเปคทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุดล็อคไว้ที่ 180 กม./ชม. ระยะทางวิ่ง 460 WLTP และ 540 NEDC
โดยทั้ง 2 รุ่นใช้แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion Nickel rich NMC 69 กิโลวัตต์ชั่วโมง มาพร้อมล้อ 245/45 R19 ยางในรุ่น Goodyear Efficient Performance SUV
ระยะเวลาในการชาร์จนั้นเท่ากันคือ
With wall-box EV charger 1-Phase (7.4kW/32A) 11.5 ชม.
With wall-box EV charger 3-Phase (11kW/16A) 7.5 ชม.
With DC rapid charger (50kW) 56 นาที
With DC rapid charger (153kW) 28 นาที
สมรรถนะทั้งคู่แรงจัดเกินพอใช้งาน...แต่ขับแล้วมั่นใจมาก!
สมรรถนะของทั้ง 2 รุ่นนับว่ามีความแรงและเร็วมาก ๆ เกินพอต่อการใช้งาน โดยรุ่น Single Motor จะออกตัวพุ่งกระชาก แต่จะนุ่มนวลและแรงดึงน้อยกว่ารุ่น Twin Motor แต่ในความน้อยกว่านั้น หากเทียบกับรถสันดาปแรง ๆ ละก็ น่าจะใกล้เคียงกับพวงเครื่องยนต์ V8 สูบ หรือ 6 สูบ เทอร์โบระดับ 300 แรงม้าได้เลยครับ และส่วนในรุ่น Twin Motor ก้จะดึงกระชากมากขึ้นอีกเกือบ 1 เท่า และทำอัตราเร่งจากการถ่ายคลิปเอาไว้ คร่าว ๆใกล้เคียงที่เคลมไว้อยู่ที่ 3.9 -4 วินาที สเปคโรงงาน 3.6 วินาที ด้วยปัจจัยและถนน ฯลฯ ในการทดสอบ แต่สรุปแล้วแรงใกล้เคียงและอัตราเร่งแรงสะใจระดับนี้นับว่าอาจจะเกินความจำเป็นการใช้งานประจำวันไปเยอะครับ
การควบคุมพวงมาลัย นิ่งและคมกระชับ สามารถเลือกปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ Soft, Medium และ Firm น้ำหนักจะแตกต่างกันทีละน้อยในการปรับขึ้นตามลำดับ แต่ถ้าปรับจาก Soft ไปที่ Firm นั่นคือรู้สึกได้ชัดเจนว่า หนักและหนืดขึ้น แต่ไม่หนักแบบรถพวงมาลัยหนักนะครับ แค่ขับแล้วมั่นใจกว่า ไม่เบาหวิวเกินไปถือว่ากำลังดี และสามารถปรับน้ำหนักตามความเร็วต่าง ๆ อีกเล็กน้อย เช่น Firm ขับความเร็วต่ำ ๆ การจอด ถอย ก้จะเบาขึ้นมานิดนึง (แทบไม่รู้สึก) ส่วนถ้าเลือก Soft เมื่อเร่งออกตัวแบบทันทีพวงมาลัยเพิ่มความตึงให้ปลอดภัยขึ้น
ช่วงล่างดีเกินคาด แม้จะเป็นรถ SUV แต่มีความสูงมาก 165 มม. ทำให้เกาะถนน และเฟิร์มในทุกการกระโดดคอสะพาน การเข้าโค้งกระชับมั่นใจ แม้จะทดลองกดคันเร่งแบบสุด ๆ ด้วยแรงกระชากเท่าไหร่ก็ควบคุมพวงมาลัยได้ง่ายมาก การเก็บเสียงทำได้ดี เสียงลมปะทะ เสียงรถรอบด้านเข้าห้องโดยสารเบามาก แต่ยังคงมีเสียงยางกับถนนใต้ท้องอยู่เล็กน้อยพอได้ยินเบา ๆ และไม่สร้างความรำคาญแม้แต่น้อย
EX30 ให้ความคล่องตัวสูงมากตัวรถขนาดเล็ก พวงมาลัยเลี้ยวง่าย การใช้งานคันเร่งและเบรกก็ให้สัมผัสนุ่มนวลและธรรมชาติ มีเพียงการเร่งในบางจังหวะเท่านั้นที่ใช้น้ำหนักแบบกรอเบา ๆ ระบบจะ งง ๆ จะมีอาการกระตุกอยู่เล็กน้อยเท่านั้น ส่วนระบบการ "หน่วง" ความเร็วเพื่อชาร์จไฟนั้นจะตั้งค่าเดียวจากดรงงานเลยโดยการใช้โหมดปกติจะอยู่ราว 0.1 G ถ้าในโหมด One Pedle อยู่ที่ 0.3 G
Twin Motor เพิ่มเติมโหมด "Perfomance All Wheel Drive" ให้เลือก ซึ่งโดยปกติรุ่นนี้จะเน้นการขับเคลื่อนล้อลหลังเป็นหลักเพื่อประหยัดพลังงาน แต่ถ้ามีการใช้งานที่เกิดอาการลื่นไถลหรือเข้าโค้ง หรือว่าออกตัวแรง ๆ ระบบก็จะแปรผันให้กระจายกำลังไปล้อทั้ง 4 ด้วย แต่ถ้าไม่สะใจพอ! สามารถเลือกเปืดโหมดนี้ ได้ตลอดเวลาแบบ "Full Time" เพื่อความมันและปลอดภันมั่นใจยิ่งขึ้น แต่ก็แลกกับการ "กินไฟ" เพิ่มขึ้นตามไปด้วยครับ
Single Motor Twin Motor
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าบนมาตรวัดหรือการใช้พลังงานนั้นรุ่น Single Motor จะประหยัดกว่าเป็นธรรมดาอยู่ที่ 16.5 kWh/100 ส่วนรุ่น Twin Motor อยู่ที่ 17.3 kWh/100 ผลจากการขับขี่แบบทดสอบด้วยการเร่งบ่อย ๆ จอดถ่ายรูป และลองอัตราเร่งออกตัว จึงอาจไม่ใช่ตัวเลขใช้งานทั่วไปที่แท้จริง หากขับขี่ปกติคาดว่าน่าจะประหยัดกว่านี้ครับ เพราะเมื่อลองเทียบดูแล้ว 272 แรงม้า หรือ 428 แรงม้า ใช้ไฟระดับนี้นับว่าไม่กินมากเท่าไหร่ แลกกับการขับขี่และสมรรถนะที่ดีขนาดนี้ และมีระยะทางขับขี่ไกลพอสมควร
สรุปความคุ้มค่ากับราคา
Volvo EX30 ถ้าจะว่ากัยตรง ๆ ต้องบอกว่าเป็นรถที่ขับดีแรงสะใจทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยว 272 แรงม้า และ ยิ่งรุ่นมอเตอร์คู่ 428 แรงม้า เรียกว่าเกินความจำเป็นไปมาก แต่ถ้ามีงบประมาณก็น่าสนใจเพราะได้ความสุด ๆ ขับสนุกและมั่นใจมากขึ้น แต่ยังมีรุ่นย่อยเริ่มต้นอีกหนึ่งรุ่น
CORE Single Motor Extended Range ที่ราคา 1,590,000 บาท แตกต่างเพียงออปชั่นบางอย่างที่เกินพื้นฐานออกไป แต่สมรรถนะเทียบเท่ากับรุ่นกลางคือ 272 แรงม้า ในราคาน่าลองส่วนตัวมองว่ามาแค่รุ่นเริ่มต้นก็คุ้มแล้วครับ
ส่วนใครที่เล็งรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กคล่องตัว ขับขี่แบบ 2- 3 คนนั่งไม่มีสัมภาระมากมายนัก ใช้งานแบบไลฟ์สไตล์ชิว ๆ ในเมือง ไม่ว่ารุ่นย่อยก็ขึ้นกับความชอบและงบประมาณได้เลยครับ
Volvo EX30 ยังอย่างไรก้ยังมีชื่นชันของรถสวีเดนที่เน้นคุณภาพมั่นใจได้ แถมบริการหลังการขายก็มีรองรับอย่างดี