Ford Ranger Wildtrak V6 ดีเซลเทอร์โบเดี่ยวที่ให้กำลัง 250 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร เกียร์ไฟฟ้า E-shifter 10 Speed กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เพิ่มฟังก์ชั่น 4A 4WD และโหมดขับขี่อีก 6 โหมด และมันคือรุ่นที่ใช้ใน
F-150 ช่วงล่างเหมือนรุ่น
Wildtrak แต่มีปรับชิ้นส่วนปีกนกและชุดรองรับน้ำหนักด้านเพื่อชดเชยความสูงจากน้ำหนักเครื่องที่มากขึ้นให้มีระดับความสูงรถเท่าเดิม และรองรับ
Euro5 มาพร้อมล้ออัลลอย 20 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ และตราสัญลักษณ์ วี 6 โดดเด่นบนช่องระบายอากาศด้านข้างตัวถัง ระบบไฟส่องสว่างแบบแบ่งโซน (Zone Lighting) ควบคุมการเปิดไฟส่องสว่างภายนอกตัวรถเมื่อต้องการแสงสว่างในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในตอนกลางคืน และกระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB รวมถึงเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบเบรครถอัตโนมัติชั่วคราว (Auto Brake Hold)
เส้นทางทดสอบครั้งนี้โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเชียงใหม่ เชียงดาว ห้วยน้ำดัง พร้อมสื่อมวลชนอีก 3 คนร่วมเดินทางระยะทางรวมทั้งหมด 244.8 กม. กับอัตราสิ้นเปลือง 8.4 กม./ลิตร และในครั้งนี้จะขอเน้นเรื่องสมรรถนะกำลังการเร่งออกตัว เร่งแซง ขึ้นเน้น ขึ้นทางชัน ระบบช่วงล่าง monotube และลองระบบต่าง ๆ ที่ทันสมัยให้ได้ครบมากที่สุดในทริปนี้ โดยเน้นไปที่โหมด 4A 4WD หรือขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติใหม่ที่จะแปรผันการกระจายแรงไปยังล้อคู่หน้าและหลังตามสภาพการขับขี่อัตโนมัติ และโหมด ลาก/พ่วง ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ลากจูงเท่านั้น ยังใช้ขับขี่ขึ้นลงเขาได้อย่างดี ด้วยการสลับกันขับ 3 คนในแต่ละช่วงทดสอบในทริปนี้
สมรรถนะการขับขี่
จากที่ได้ลองขับในช่วงขึ้น-ลงเขา เชียงดาว-เมืองคองที่คดเคี้ยวไปมาสัมผัสได้ถึงพลังวี6 แบบเต็ม ที่ขับขึ้นเนินชัน ๆ กว่า 20 องศา เพียงแค่เติมคันเร่งแบบ “สกิต” ไม่ต้องเพิ่มเยอะก็เร่งขึ้นได้สบาย ๆ แตกต่างกับรุ่นดีเซล 4 สูบที่จะต้องเพิ่มคันเร่งมากว่าและจะรอรอบนานกว่า ทำให้เห็นความแตกต่างชัดเจนมาก ๆ ว่าพลังวี6 นี่เกินตัวจริง ๆ ครับ
การเก็บเสียงเงียบกว่าที่คิดมาก ๆ ขนาดเป็นวี6 สูบดีเซลยังเงียบมาก และเครื่องเดินเรียบนุ่มนวล กำลังต่อเนื่องไม่มีแพ่ว แม้ต้องเร่งรอบขึ้นทางชันก็ยังเงียบและนิ่ง แต่ยังมีบางจังหวะที่ขุมพลังวี6 แอบหน่วง ๆ ในช่วงกดคันเร่งแบบจมทันที ”คิกส์ดาวน์“ จะมีการรอรอบเล็กน้อย อาจจะเพราะเป็นเครื่อง 6 สูบ เทอร์โบแม้จะเป็นระบบแประผันก็ตาม แต่ด้วยช่องทางเข้าโข่งไอเสียอาจจำกัด จึงมีการรอรอบและรอ ”พลังบูสต์“ จากเทอร์โบ 1 อึดใจ ก่อนจะมาพร้อมพลังแบบ Flat-toque ดึงหนัก แต่ก็ไม่ถึงกับกระชากหน้าหงายนัก เรียกว่ามาแบบ “นุ่มนวลแต่หนักแน่น“ สไตล์ผู้ดีระดับพรีเมี่ยมแล้วกันครับ
ช่วงความเร็วสูงป้องกันเสียงลมปะทะได้ดี เสียงจากพื้นถนนหรือเสียงยางใต้ท้องรถแม้เสียงเครื่องยนต์ก็ดังเข้ามาน้อยมาก ส่วนระบบช่วงล่างโช๊คอัพแบบ โมโนทูป นั้นหนึบแน่น เข้าทางโค้งในเขาได้แม่นยำและนิ่งแบบมั่นใจได้ มีกระเด้งเบา ๆ แม้ด้านหลังยังใช้แหนบและยางแก้มเตี้ยขนาด 255/55R20 แต่ให้ความนุ่มนวลไม่ต่างจาก Wildtrak รุ่นที่ใช้ยางแก้มหนาขนาดขอบ 18 นิ้ว
อย่างที่เกริ่นไว้ว่าเส้นทางทดสอบเป็นทางเรียบ 20% ทางป่าเขาขึ้นลงทางชันอีก 80% และบวกกับการลองใช้กำลัง ลองอัตราเร่งต่าง ๆ ตามสถานการณ์ ทำให้ไม่เน้นการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน จึงทำให้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยบนมาตรวัดมีตั้งแต่ 6.7 / 8.7 / 9.4 กม./ลิตร ตามแต่ละช่วงการขับทดสอบ และยังมีปัจจัยหลายอย่างอีกเช่น จอดนิ่งเพื่อถ่ายทำคอนเท้นท์ การสลับผู้ขับขี่ 3 คนต่อ 1 คัน เป็นต้น
แต่โดยรวมแล้วอัตราสิ้นเปลืองก็นับว่าไม่ได้กินจุไปกว่าเรนเจอร์รุ่นดีเซล 4 สูบมากนัก อาจกินจุเพิ่มอีกราว ๆ 2 - 4 กม./ลิตร แต่ในขณะเดียวกันถ้าขับในทางไกลแบบชิว ๆ เรื่อย ๆ เหมือนการขับขี่ทั่วไปก็อาจทำตัวเลขได้ดีกว่านี้ เพราะกำลังเครื่องยนต์มีมากเกินน้ำหนักตัวรถ จึงใช้เวลาในการกดคันเร่งน้อยกว่าแต่ถึงความเร็วที่ต้องการได้เร็วกว่า การเติมคันเร่งเพื่อออกตัวหรือแซงอาจใช้น้ำหนักเท้าน้อยลง ก็สามารถเร่งขึ้นได้ตามความเร็วที่ต้องการแล้ว จึงอาจช่วยให้ประหยัดได้ใกล้เคียงหรือดีกว่าในบางสถานการณ์ เช่นการขับขึ้นทางชันมาก ๆ ครับ
โหมดขับขี่ 6 โหมดเท่าเดิมเพิ่มเติมระบบ 4A
Ford Ranger Wildtrak V6 เค้ามาพร้อม 6 โหมดขับขี่คือ
โหมดปกติ, โหมดประหยัด, โหมดลากจูง, โหมดทางลื่น, โหมดโคลน, โหมดทราย ระบบช่วยเหลือขับขี่ในโหมดต่าง ๆ จะปรับค่าการใช้เครื่องยนต์ คันเร่ง เกียร์ ระบบกระจายการขับเคลื่อน น้ำหนักพวงมาลัย เช่น โหมด ลาก/พ่วง ที่จะปรับรอบเครื่องยนต์ เกียร์ คันเร่ง และน้ำหนักพวงมาลัย คล้ายในโหมด Sport ที่มีกำลังมารอให้ใช้งานตลอด และการกระจายกำลังที่เพิ่มขึ้นเต็มที่เพื่อรองรับการลากจูงรถพ่วง แต่โหมดนี้สามารถใช้ขับขี่บนถนนที่ต้องการกำลังและสมรรถนะของเครื่องยนต์มาก ๆ เช่นการขึ้น-ลงเขา โดยในช่วงยกคันเร่งหรือลงเนินจะคงตำแหน่งเกียร์และรอบเครื่องสูงให้มีความหน่วงหรือ Engine brake ช่วยชะลอความเร็วขณะลงทางลาดชันได้ดี
อย่างไรก็ตามแม้จะมีโหมดขับขี่ช่วยเหลือมากมายแต่ว่าในการใช้งานแต่ละโหมดนั้นผู้ขับขี่จะต้องเข้าใจการทำงานคร่าว ๆ ด้วยว่า ควรใช้โหมดไหนในสถานการณ์ใดบ้าง ให้ได้ความปลอดภัยสูงสุดและได้สมรรถนะที่ดีที่สุด
4A 4WD ใหม่ล่าสุดติดตั้งใน
Ford Ranger Wildtrak V6 และ
Everest V6 เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่จะแปรผันการถ่ายกำลังระหว่างล้อคู่หน้าและคู่หลังแบบ
"Realtime" ตามสภาวะการขับขี่ โดยสามารถกระจายกำลังแยกหน้าหลังได้ละเอียดในระดับตั้งแต่ 0 - 100% เช่น สภาวะถนนเปียกลื่นและทางโค้งลาดชัน ระบบจะกระจายกำลังไปยังล้อหน้าหรือหลังแบบไม่เท่ากัน 30 : 70 หรือ 40 : 60 หรือ 20 : 80 ขึ้นกับสภาพการขับขี่ในขณะนั้น ๆ ซึ่งจะไม่คงที่จะมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ทำให้สามารถควบคุมรถและผ่านอุปสรรคหรือเส้นทางอันตรายไปได้อย่างปลอดภัยและง่ายโดยที่คนขับแทบไม่ต้องปรับระบบอะไรทั้งสิ้น
ขับมันแต่ยังขาดอะไรไปบ้าง?
แม้ว่ารุ่นเครื่องยนต์ วี6 สูบ จะขับสนุกมันเร้าใจและเสียงเครื่องยนต์ฟังแล้วเพราะลื่นหูราวกับเครื่องยนต์เบนซิน แต่ก็ยังมีสิ่งที่ขาดไปและควรมีนั่นคือ "Paddle Shift" บนพวงมาลัย แม้จะมีระบบช่วยขับขี่ในขณะขึ้น-ลงทางชัน แต่บางครั้งความหน่วงของเกียร์กับรอบเครื่องยนต์ยังไม่พอเมื่อเจอทางทางชันมาก ๆ ผู้ขับจำเป็นต้องใช้การเลือก "เปลี่ยนเกียร์เอง" เพื่อให้มีความหน่วงของเครื่องยนต์ช่วยชะลอในการลงเขาเป็นการ "เซฟเบรก" แต่การใช้ระบบเปลี่ยนที่หัวเกียร์ค่อนข้างลำบากไม่สะดวกและต้องปล่อยมืออกจากพวงมาลัย 1 ข้าง ทำให้การรควบคุมอาจไม่ปลอดภัย และขณะเดียวกันด้วยขุมพลังแรง ๆ ระดับนี้ ควรเน้นการขับขี่ที่สนุกเร้าใจด้วยการมีแป้นเปลี่ยนบนพวงมาลัย เพื่อให้เล่นเกียร์ได้อย่างสนุกสนานตามความแรงของเครื่องยนต์ วี6 สูบ เทอร์โบที่ขับมันมาก ๆ
สัญลักษณ์หรือการบ่งบอกความ "พิเศษ" ของตัวแรงวี6 ดูยังน้อยไปบ้าง ด้วยค่าตัวที่ขยับขึ้นมาและมีสมรรถนะที่เหนือระดับกว่ารถกระบะทั่วไป ทำให้ต้องมีความพิเศษเพิ่มเติมให้แตกต่างแบบชัดเจนมากกว่านี่ แม้หลายคนอาจคิดว่า "ไม่ต้องตะโกน" ว่าฉันเครื่องวี6 แต่ก็ให้มีวัสดุตกแต่งอุปกรณ์บางชิ้นที่ดูแล้ว "ว้าว" ตั้งแต่ระยะไกล เช่น สีหรือลวดลายรอบคัน หรือที่กระบะท้ายมีการติดตั้งสปอร์ตบาร์ หรืออาจจะเพิ่มสีสันปั้มเบรกหน้า เป็นต้น จะยิ่งให้ความรู้สึกว่าโดดเด่นและแตกต่างจนเป็นความภูมิใจและเต็มใจที่จะจ่ายในราคา 1.5 ล้าน โดยไม่คิดมาก!
สรุปความคุ้มค่ากับราคา
Ford Ranger Wildtrak V6 นับเป็น 1 เดียวในไทยตอนนี้ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลวี6 สูบ เทอร์โบ และโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่อัตโนมัติ
4A 4WD และไม่ต้องเติม
AbBlue แถมระบบกับเทคโนโลยียังเต็มคันไม่มีตัดทิ้ง เพิ่มงบอีกไม่มากนักจากรถกระบะรุ่นท็อปที่มีค่าตัวก็อยู่ระดับ 1.2 - 1.4 ล้านเข้าไปแล้ว แต่นี่ได้ความแน่นของเครื่องยนต์ "Big Blog" ดีเซลในไซต์ขนาดกำลังเหมาะไม่ใหญ่เกินไป และเครื่องยนต์ตัวนี่ถูกพิสูจน์แล้วว่า "ทนทึกไม่จุกจิก" จากใน
F-150 มาตั้งแต่ปี 2018 แล้ว ดังนั้นเมื่อจ่ายเงินไป
1,519,000 บาท กับสเปคระดับนี้นับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ อย่าลืม...
"ไปลองขับจับพวงมาลัยและฟังเสียงเร้าใจของวี6 สูบ" แม้จะเป็นดีเซลแต่เงียบไม่ต่างจากเบนซิน พลังเหลือ ๆ และไม่ได้กินจุจนเกินไปครับ