หนึ่งในปัญหาใหญ่ของผู้ที่มีรถยนต์อยู่ในครอบครองก็คือ รถหาย ถึงแม้จะพยายามป้องกันอย่างไร แต่ก็ดูเหมือนว่าฝั่งโจรก็มีการพัฒนากลยุทธ์รวมถึงวิธีการมาเพื่อที่จะขโมยรถยนต์ที่คุณรักเพื่อนำไปชำแหละเป็นชิ้นส่วนแยกขายเป็นอะไหล่จำหน่าย หรือไม่ก็ส่งขายทั้งคัน (ส่งไปประเทศเพื่อนบ้าน) โดยรถที่มีแนวโน้มที่จะถูกขโมยนั้นก็ขึ้นอยู่กับ ความนิยมในตลาดรถมือสอง, ความง่ายของการขโมย หรือเป็นรถที่มีความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่ในตลาดมือสองนั่นเอง ซึ่งเราก็ยกตัวอย่างรุ่นยอดนิยม (อ้างอิงจากข้อมูลก่อนเมษายน 2023) อาทิเช่น
- Toyota Hilux : เป็นรถกระบะที่มีความนิยมสูง เนื่องจากความทนทาน และความต้องการชิ้นส่วนสูง
- Isuzu D-Max : นี่ก็เป็นรถกระบะยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่น ไม่ว่าจะเป็นตัวถังแบบใดก็มีความเสี่ยง นอกจากจะนำไปขายต่อทั้งคันแล้ว เป็นรุ่นที่มีความต้องการอะไหล่จากการแยกชิ้นส่วนด้วยเช่นกัน
- Honda Civic : รถยนต์รุ่นนี้เป็นที่นิยมมากทั้งในตลาดรถใหม่ และรถมือสอง ทำให้ชิ้นส่วนมีความต้องการสูง
- Ford Ranger : เป็นรถกระบะที่มีความนิยมสูงและมีความต้องการชิ้นส่วนอะไหล่ไม่แพ้ Toyota Hilux และ Isuzu D-Max
- Toyota Corolla Altis : ด้วยความนิยมที่สูงในตลาดรถมือสอง รถยนต์รุ่นนี้มักเป็นเป้าหมายของการขโมย
นอกจากรถที่กล่าวมาแล้วนั้นก็ยังมีรถยนต์อีกหลากหลายรุ่นที่เจ้าของอาจจะประมาทเลินเล่อ, จอดรถในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการโจรกรรม ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญ แลไม่ประมาท รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดความเสี่ยงการที่อาจจะเกิดขึ้น และหนึ่งในนั้นก็คือการทำประกันภัยให้กับรถยนต์ของคุณ แต่กรณีรถหาย, ถูกขโมย ประกันรถยนต์อาจจะคุ้มครองหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่คุณเลือกทำ และเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยที่คุณได้ทำไว้ เช่น
- ประกันชั้น 1 : ประกันภัยชั้นนี้จะเป็นชั้นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองมากที่สุด แต่ก็มีราคาแรงที่สุดด้วยเช่นกัน เพราะจะให้คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณจากหลายสาเหตุ รวมถึงกรณีรถถูกขโมย หากรถของคุณถูกขโมย บริษัทประกันจะให้ความดูแลที่ครอบคลุมความเสียหายได้
- ประกันชั้น 2+ และชั้น 2 : ประกัน 2 ชั้นนี้ จะให้ความคุ้มครองน้อยกว่า ชั้น 1 แต่ก็ให้ความคุ้มครองในกรณีรถหาย, ถุกขโมย แต่บางกรมธรรม์/บางบริษัทประกัน อาจมีเงื่อนไขในความคุ้มครองแตกต่างกันไป
ดังนั้นจำเป็นต้องตรวจสอบเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันภัยของให้ดีก่อนเลือกทำประกันภัย เพื่อทำความเข้าใจว่าอะไรที่ประกันที่คุณทำนั้นคุ้มครอง และอะไรที่ไม่คุ้มครอง
ในกรณีที่รถหาย/ถูกขโมย สิ่งที่ควรทำนั้นมีอะไรบ้าง ศึกษารายละเอียดไว้ก่อนเวลาเกิดเหตุจะได้ไม่สับสน และนี่คือขั้นตอนที่ควรดำเนินการ
- รวบรวมข้อมูลหลักฐานที่จำเป็น : ติดต่อสถานที่ที่รถหายไปเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด หรือสอบถาม รปภ. (เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย) และเตรียมข้อมูลรถยนต์ที่หาย เช่น ยี่ห้อ-รุ่น-สี, หมายเลขทะเบียน, จุดสังเกตของตัวรถ, สถานที่ รวมถึงเวลาที่เกิดเหตุ และหลักฐานภาพภ่ายหรือวีดีโอ (ถ้ามี)
- เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความ : เดินทางไปแจ้งความ ณ สถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ออกติดตามรวมถึงออกสกัดจับคนร้าย และที่สำคัญจะได้มีหลักฐานในการดำเนินการกับบริษัทประกัน
- แจ้งบริษัทประกันภัย : จากนั้นให้รีบแจ้งบริษัทประกันภัย บริษัทประกันจะแนะนำขั้นตอนต่อไปและเงื่อนไขที่คุณต้องปฏิบัติตาม เพื่อทำการเรียกร้องค่าสินไหม ตามที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์
- แจ้งไฟแนนซ์ : ในกรณีที่รถยังผ่อน ก็ควรต้องแจ้งไปยังบริษัทไฟแนนซ์ (สถาบันการเงินหรือธนาคาร) ที่คุณทำสัญญาผ่อนชำระรถยนต์อยู่ เพื่อหารือเกี่ยวกับตัวเลือกหรือขั้นตอนที่ควรดำเนินการ (ไฟแนนซ์จะออกหนังสือมอบอำนาจเพื่อให้คุณนำไปแจ้งความ จากนั้นส่งหลักฐานใบแจ้งความให้ไฟแนนซ์ติดต่อบริษัทประกันรถยนต์และทำเรื่องเคลมประกัน)
เมื่อรถหายไปแล้ว คุณยังต้องผ่อนต่อหรือไม่ คำตอบของคำถามนี้ก็คือ ยังต้องจ่ายอยู่ หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ผ่อนกุญแจ นั่นก็เพราะ คุณมีหน้าที่จะต้องชำระเงินผ่อนตามปกติในสัญญาจนกว่าจะมีการแก้ไขสถานการณ์ เช่น บริษัทประกันจ่ายค่าชดเชยในกรณีรถหาย ไฟแนนซ์อาจรับชำระต่างจากบริษัทประกัน หรือบริษัทประกันจ่ายเงินค่าสินไหมให้แก่คุณเพื่อใช้ในการชำระหนี้กับทางไฟแนนซ์
แล้วรถหาย ประกันก็มีแต่ บริษัทประกันไม่จ่ายล่ะทำยังไง ปกติประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครองในกรณีรถหายตามชั้นประกันที่ทำไว้ แต่จะไม่คุ้มครองกรณีที่รถหาย ดังนี้
- รถหายเนื่องจากความประมาท : หาพิสูจน์ได้ว่ารถหายเกิดขึ้นจากความประมาท เช่น มีการทิ้งกุญแจไว้ในรถ หรือปลดล็อกประตูรถแล้วทิ้งรถไว้โดยไม่มีการดูแล บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายเงินค่าสินไหม
- ใช้รถไม่ตามวัตถุประสงค์ : หากรถอยู่ในลักษณะที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ประกัน (เช่น ใช้รถส่วนบุคคลเพื่อการค้าหรือการแข่งขัน) แล้วรถหาย บริษัทประกันอาจไม่จ่ายเงินค่าสินไหม
- ไม่เข้าแจ้งความ หรือไม่ทำตามขั้นตอนที่เหมาะสม : หากคุณไม่แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากรถถูกขโมย หรือไม่แจ้งเหตุการณ์กับบริษัทประกันภัยภายในระยะเวลาที่สมควร การเรียกร้องค่าสินไหมอาจถูกปฏิเสธ
- รถถูกยึดหรือถูกเพิกถอนโดยเจ้าหน้าที่ : หากรถของคุณถูกยึดหรือถูกเพิกถอนโดยเจ้าหน้าที่เนื่องจากเหตุผลทางกฎหมายหรือการฝ่าฝืนกฎหมาย ประกันอาจไม่ครอบคลุม
- การกระทำทุจริต หรือการหลอกลวง : หากเกิดจากการกระทำที่ทุจริต หรือหลอกลวงจากผู้ถือกรมธรรม์เอง หรือมีการสร้างสถานการณ์รถหายขึ้นมาเพื่อเรียกร้องเงินสินไหม บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายเงิน
จากคำถามที่ว่า รถหาย ถูกขโมย ประกันรถยนต์คุ้มครองไหม ? คำตอบก็คือให้ความคุ้มครองถ้ารถยนต์คันนั้นอยู่ในชั้นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครอง และตัวรถไม่เข้าเงื่อนไขที่จะทำให้บริษัทประกันภัยยกเลิกการจ่ายค่าสินไหม ดังนั้น การเข้าใจเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณทราบถึงสิ่งประกันภัยนั้นให้ความคุ้มครอง และไม่ให้ความคุ้มครอง ซึ่งจะช่วยให้คุณมีการป้องกันที่เหมาะสมและดำเนินการอย่างถูกต้องในกรณีที่รถของคุณหายไปนั่นเอง