อุบัติเหตุ คือเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน…แล้วเราจะรับมืออย่างไร? กรณีที่รถเราเกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากติดต่อบริษัทประกันเพื่อทำเรื่องเคลมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถแล้ว คนทำประกันทุกคนทราบกันหรือไม่คะว่า ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายถูก เราสามารถเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการขาดการใช้ประโยชน์รถยนต์ จากบริษัทประกันได้ ซึ่งบริษัทประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามจริง วันนี้เราจะพามาไขข้อข้องใจเรื่องนี้กันค่ะ
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คืออะไร
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คือ ค่าขาดประโยชน์จากการที่ไม่มีรถใช้ ระหว่างการซ่อมแซม จนกว่ารถจะซ่อมเสร็จและใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งระหว่างที่ซ่อมรถนั้น อาจมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าพาหนะเดินทาง ค่าเช่ารถ ค่าแท็กซี่ เป็นต้น
โดยค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถนี้ สามารถเรียกได้จากบริษัทประกันภัย (ประกันภาคสมัครใจ) ของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด
อัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เป็นเท่าไหร่
หลักเกณฑ์เรื่องความคุ้มครองของค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ เป็นส่วนหนึ่งของค่าสินไหมทดแทนที่บริษัทประกันภัยจะต้องเข้ามารับผิดชอบแทนผู้ขับขี่ กรณีที่รถคันเอาประกันภัยภาคสมัครใจเป็นฝ่ายผิด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค โดยสำนักงาน คปภ. เริ่มประกาศใช้หลักเกณฑ์ใหม่ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป
กรณีเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก และมีการเรียกค่าเสียหายอันเกิดจากการขาดการใช้ประโยชน์รถยนต์ บริษัทประกันจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามจริง ดังนี้
- รถยนต์ส่วนบุคคล ขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง ได้รับการชดใช้ในอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
- รถยนต์รับจ้างสาธารณะ ขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง ได้รับการชดใช้ในอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท
- รถยนต์ขนาดเกินกว่า 7 ที่นั่ง ได้รับการชดใช้ในอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท
- รถประเภทอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นไปตามข้อ 1-3 เช่น รถจักรยานยนต์ รถบิ๊กไบค์ หรือรถบรรทุก ก็สามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ได้ โดยให้พิจารณาหลักฐานความเสียหายเป็นกรณีไป
ใครสามารถเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถได้บ้าง
ผู้มีสิทธิได้รับการชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คือ ผู้เสียหาย ที่เป็นเจ้าของรถ (ฝ่ายถูก) ซึ่งเกิดเหตุชนกับรถที่ทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ฝ่ายผิด) มีสิทธิเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ กับบริษัทประกันภัย ที่รับประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ฝ่ายผิด) โดยจะได้รับการชดใช้ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
เรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ใช้เอกสารใดบ้าง
- เอกสารใบเคลม
- เอกสารนำรถยนต์เข้าซ่อมที่กำหนดวันส่งรถ-รับรถไว้ชัดเจน
- สำเนาทะเบียนรถยนต์
- สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาใบขับขี่รถยนต์
- เอกสารประกอบการใช้รถยนต์แต่ละวัน (ถ้ามี)
- ใบเสร็จค่าเช่ารถหรือค่าใช้จ่ายการเดินทางในระหว่างที่ใช้รถไม่ได้ (ถ้ามี)
- สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร
- หนังสือเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ
ขั้นตอนการเคลมค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
- แจ้งบริษัทประกันของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด เพื่อแจ้งความประสงค์ขอเบิกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
- นำรถยนต์ไปที่ศูนย์หรืออู่ซ่อม พร้อมให้ศูนย์หรืออู่ซ่อมประเมินความเสียหายส่งเป็นเอกสารให้เราเก็บไว้ด้วย พร้อมยื่นใบเคลมเพื่อแจ้งซ่อม
- แจ้งศูนย์หรืออู่ให้ถ่ายรูปตอนซ่อมรถแล้วส่งมาให้ด้วย เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานในการยื่นแบบฟอร์มเรียกร้องสินไหมค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อม
- เมื่อรถซ่อมเสร็จก็ให้ไปรับรถ พร้อมขอสำเนาใบรับรถหรือหนังสือส่งมอบรถเสร็จที่ระบุวันที่ไว้อย่างชัดเจน
- รวบรวมใบเสร็จ เอกสารค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่ารถเมล์ ค่ารถแท็กซี่ และค่ารถไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นระหว่างที่ใช้งานรถยนต์ไม่ได้ เพื่อเป็นหลักฐานในการขอรับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
- จัดเตรียมเอกสารต่างๆ ให้เรียบร้อย ตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้อง และยื่นเอกสารกับบริษัทประกันภัย
สรุปแล้ว...หากอุบัติเหตุจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อรถจนไม่สามารถใช้งานได้ เราจะสามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถในระหว่างซ่อมจากบริษัทประกันของคู่กรณีได้ เมื่อเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก ทั้งนี้การติดกล้องหน้ารถยนต์ก็ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะสามารถใช้เป็นหลักฐานลดข้อขัดแย้งในการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างกันได้นะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก สมาคมประกันวินาศภัยไทย, www.ktc.co.th, สมาคมนักวางแผนการเงินไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)