ทันทีที่
ฮอนด้า Civic Type R เปิดจำหน่ายในไทยด้วยจำนวนจำกัดผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th ยอดจองออนโลน์เต็มโควต้าอย่างรวดเร็ว ใครที่ได้ไปครอบครองนับเป็นผู้โชคดีอย่างที่สุดนอกจากพร้อมทางด้านการเงินแล้ว ยังต้องมีโชคอย่างมากด้วย หรืออาจมีบารมีสุดๆ เชื่อว่ามีหลายคนที่พร้อมรับดูแลต่อด้วยราคาที่ไม่ต่ำกว่าตอนจ่ายค่าตัวป้ายแดงอย่างแน่นอน เพราะล่าสุดแม้ในประเทศญี่ปุ่นเองยังหยุดจำหน่ายชั่วคราว ทีมงานเพจคาร์กูรูไทยแลนด์และเว็บไซต์เช็คราคา.คอม ที่เคยได้โอกาสขับทดสอบในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลตั้งแต่ปี 2566 ได้โอกาสรับ
ฮอนด้า Civic Type R มาขับทดสอบบนถนนจริงทั่วไปในรูปแบบเดลี่ย์ยูสและขับท่องเที่ยวทางไกลจริงจัง เพื่อสัมผัสถึงสมรรถนะรอบด้านของ Civic Type R ว่าเมื่อนำมาใช้งานเสมือนรถยนต์ทั่วไปแล้วสามารถตอบสนองความพึงพอใจได้ขนาดไหน ฮอนด้า Civic Type R มาพร้อมกับเกียร์แมนนวล 6 สปีด สเปคเดียว เหมาะกับขาซิ่งสไตล์ฮาร์ดคอร์ที่ยังหลงใหลการลากรอบ เหยียบคลัตช์ และสับเกียร์เอง ยิ่งเป็นสไตล์โคลสด้วย ฟิลระหว่างการต่อเกียร์รถซิ่งแบบนี้เป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่หาไม่ได้ แน่นอนว่า Civic Type R เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดมาทันกับความเร็วของรถซิ่งในยุค '90 ลงไป เรื่องราวความเป็นมาของฮอนด้าในตระกูลไทป์ อาร์ คงไม่ต้องนำมากล่าวอะไรกันอีกเพราะเป็นความพิเศษเฉพาะคนพิเศษจริงๆ โดยเฉพาะเหล่าคอลเลคเตอร์ ครั้งนี้นับว่าเป็นความโชคดีของผู้เขียนที่ได้มีโอกาสอยู่กินกับ Civic Type R เป็นเวลา 3 วันเต็ม เราเริ่มต้นกับบทเรียนแรกที่โหดและท้าทายคือ ขับไปตามกระแสรถติดของถนนรามอินทราต่อเนื่องแจ้งวัฒนะ แทบไม่มีโอกาสเข้าเกียร์ 3 เลย ต้องวนอยู่กับ 1-2 และการชะลอหยุด ออกตัวด้วยรถซิ่งเกียร์แมนนวลไม่ใช่เรื่องน่าภิรมณ์เท่าไหร่ ดีที่ Civic Type R ในยุคนี้นอกจากแรงระดับ 320 แรงม้าจากโรงงานแล้ว ยังให้ความสะบายในการเข้าเกียร์พอสมควร น้ำหนักคลัตช์กำลังพอสู้ไหว ที่ประทับใจในช่วงแรกของการขับคือ ตำแหน่งการขับ เบาะแดงที่โอบกระชับแต่สบาย นั่งแล้วรู้สึกพร้อมทุกการควบคุมและหล่อสุดๆ ฟิลลิ่งการตอบสนองของระบบช่วงล่างที่แน่น หนึบ แบบหาที่สุดไม่ได้ ตำแหน่งการจัดวางทุกส่วนนับว่าลงตัว แต่ปรับตำแหน่งเบาะ พวงมาลัย ให้เข้ากับสรีระตามพื้นฐานการขับ โหมดการขับช่วงแรกเน้นไปที่ Comfort ซึ่งตอนขับในสนามช้างฯ ปีก่อนใช้แต่ +R
จากถนนแจ้งวัฒนะได้จังหวะขึ้นทางด่วนมาลองขับในเมืองย่านราชประสงค์ สีลม สามย่าน บรรทัดทอง เยาวราช พอสรุปกับการขับในเมืองแบบชีวิตประจำวันได้ว่า เกียร์แมนนวลของ Civic Type R ไม่ได้ใช้งานยากลำบากเท่าไหร่ ด้วยระยะการเข้าที่สั้น กระชับและง่าย นอกจากนี้ขุมพลัง วีเทค เทอร์โบ ก็ให้แรงบิดที่ดีตั้งแต่รอบต้นทำให้การเดินคันเร่งในช่วงความเร็วต่ำกระฉับกระเฉง อาจมีบ้างที่เป็นจังหวะกระตุกหรือดึงเมื่อบูสต์ติด แต่นั่นก็เป็นปกติวิสัยของรถซิ่งเทอร์โบเกียร์แมนนวล ไปเทียบกับรถทั่วไปเกียร์แมนนวลไม่ได้ (ยุคนี้ไม่น่ามีนอกจากรถกระบะ) แต่ที่น่าสังเกตุคือ อัตราสิ้นเปลืองวันแรกกับ
การขับในเมืองท่ามกลางรถติดวัดจากหน้าจอได้ประมาณ์ 5-6 กม./ล. !!! นับเป็นเรื่องปกติของรถเทอร์โบที่ขับในเมือง ระยะทางที่บอกไว้ว่าวิ่งได้เท่าไหร่จากตอนเติมน้ำมันเต็มถัง (47 ลิตร เท่ากับซีวิค แฮทช์แบค เทอร์โบ RS) มาก็ราว 260 กม. ข้อควรระวังคือ ชุดสเกิร์ตรอบคันทำให้รถดูเตี้ยและจริงๆ ก็ต้องระวังให้มากกับถนนเมืองไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีการทำทางเยอะมาก กลายเป็นมาเครียดกับถนนแทน การขับขึ้นเนินชันก็ต้องระวังเช่นกัน
วันที่ 2 กับการขับ
ฮอนด้า Civic Type R เริ่มจากการขับเข้ามาในเมืองช่วงเช้าเสมือนขับไปทำงานในชีวิตประจำวัน นับเป็นความรู้สึกที่แตกต่างออกไปกับความคุ้นชินเอสยูวีเกียร์ออโตเมติกที่ใช้ประจำ เป็นความยินดีและสนุกไปกับทุกจังหวะมากกว่า เพราะเป็นฟิลลิ่งที่สปอร์ตสุดๆ เหมือนนักกีฬาที่มีความพร้อมที่จะพุ่งทะยานไปข้างหน้าเสมอ นอกจากนี้ยังสะกดทุกสายตาของรถรอบข้างได้เป็นอย่างดี การเปิดไฟเลี้ยวขอทางง่ายกว่าทุกครั้ง จากราชประสงค์ไปถนนพระราม ๔ เพื่อขึ้นทางด่วนไปบางนาต่อยกระดับไปลงชลบุรีเพื่อไปบางแสน ลองการขับทางไกลบนถนนเปิดโล่ง นอกจากนี้ยังได้ลองการขับขึ้นลงเขาและโค้งสั้นๆ พอสรุปได้ว่า ขุมพลัง วีเทค เทอร์โบ แสดงสมรรถนะได้มากขึ้น ให้อัตราเร่วที่ยอดเยี่ยมอย่างที่คาดหวัง
ทำให้การขับมีแต่ความสนุกไม่ใช่แค่ขับเพื่อเดินทาง ช่วงล่างที่ตอบสนองได้อย่างดีเยี่ยมก็ช่วยให้มั่นใจและเบาใจ ตลอดจนฟิลลิ่งเบรกเบรมโบ้ที่หน่วง ชะลอ เบา ได้ละเอียดและตอบรับตามน้ำหนักเท้าได้เที่ยงตรงมากๆ น่าเสียดายที่การทำความเร็วบนถนนเปิดโล่งมีข้อจำกัดด้านความเร็ว แต่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ได้ลองจับเวลาอยู่ที่ไม่เกิน 6 วินาที การเข้าโค้งซ้ายขวาเฉียบคมและฉับไวตามการขยับพวงมาลัย การขับโค้งลงเขา ช่วงล่างทำหน้าที่รับการถ่ายน้ำหนักตัวรถได้ดีมาก ทำให้การเลี้ยวแทบไม่มีอาการอันเดอร์สเตียร์เลย ล้อและยางติดรถเป็นขนาด 19 นิ้ว ยางหน้ากว้าง 265/30 เหมือนกันทั้งด้านหน้า-หลัง น่าจะเป็นสเปคที่มากที่สุดในบรรดารถขับเคลื่อนล้อหน้า สำหรับระบบเอนเตอร์เทนเม้นต์ในรถการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธและ แอนดรอยด์ออโต้ ทำได้สะดวก ระบบเซฟตี้และช่วยเหลืออย่าง ฮอนด้า Sensing นับว่าเหมาะและลงตัวไม่ว่า CMBS ระบบเตือนการชนพร้อมช่วยเบรก งานนี้ก็ทำงานอยู่หลายจังหวะเลย , RDM กับ LDW ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเส้นทางช่องจราจร ดีเลยเมื่อต้องขับทางโล่งยาวๆ หลังอาหารมื้อกลางวัน, LCDN ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว เหมาะกับการใช้งานในเมืองมากๆ ฯลฯ เราขับกลับถึงกรุงเทพฯ ในช่วงค่ำจบการขับในวันที่ 2 ด้วยอารมณ์ที่แตกต่างไปจากวันแรกอัตราสิ้นเปลืองดีดกลับมาอยู่ที่ ระดับ 9 กม./ล. กับระดับน้ำมันที่มีไฟเตือนให้เติม
วันสุดท้ายของการขับ
ฮอนด้า Civic Type R เรายังคงมุ่งหน้าขับเข้าเมืองในช่วงเช้าเสมือนขับในชีวิตประจำวันอีกครั้งพร้อมแวะ
เติมน้ำมันเบนซิน gasohol 95 ก่อนขับไปคืนรถที่ มีนบุรี จบการขับทดสอบด้วยระยะทางขับรวมทั้งหมด 563 กม. อัตราสิ้นเปลืองบนหน้าจอแสดงผลบอก 8.3 กม./ล. พร้อมกับความสุขในการขับเกียร์แมนนวลที่หาไม่ได้จากรถรุ่นไหนอีกแล้วในยุคนี้นอกจาก ฮอนด้า Civic Type R
ด้วย
ราคาค่าตัว 3,990,000 บาท วันนี้ใครที่อยากได้ครอบครอง ต้องบอกเลยว่าหมดโอกาสแม้มีเงินในบัญชีพร้อมโอน เพราะล็อตแรกที่ ฮอนด้า ออโตโมบิล ได้โควต้ามาก็หมดไปในพริบตาทันทีที่เปิดจอง และคงไม่มีใครที่ได้ไปคิดขายต่อง่ายๆ ทางเลือกที่น่าสนใจต่อจากนี้คือ เลือกและเสี่ยงซื้อกับเกรย์มาร์เกต, รอเปิดจองรอบใหม่ซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่หลังจากถามมาล่าสุด (15/01/2567) สำหรับใครที่อยากได้ฟิลใกล้เคียงและลุคแบบ
ฮอนด้า Civic Type R ก็
ต้องลุ้นให้มีรุ่นแฮทช์แบค 1.5 เทอร์โบ ใหม่ ทำตลาดในไทย โดยเฉพาะเกียร์แมนนวล 6 สปีด รับรองว่าจองกันจนส่งมอบไม่ทันแน่นอน
.
.