รถกระบะ หรือ รถปิกอัพ เป็นรถที่นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการทำมาหากินในธุรกิจหลายประเภท หรือที่เรียกว่า รถเพื่อการพานิชย์ ดังนั้นรถประเภทนี้จึงมีความเสี่ยงที่มากกว่ารถปกติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจาก อุบัติเหตุ, รถถูกขโมย ผู้ที่เป็นเจ้าของรถเพื่อการพาณิชย์จึงจำเป็นที่จะต้องทำประกันรถประเภทนี้เพื่อที่จะได้รับความคุ้มครองตรงกับความต้องการ และตอบโจทย์การใช้งานได้มากที่สุด แต่..ประกันรถกระบะเพื่อการพาณิชย์นั้นจะมีค่าเบี้ยประกันสูงกว่าประกันภัยแบบปกติ โดยอัตราเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับจำนวนทุนเอาประกัน, อายุการใช้งานรถยนต์, อายุผู้ขับขี่ และอื่น ๆ ตามที่บริษัทประกันจะพิจารณา
การนำรถมาใช้งานเชิงพาณิชย์ นั้นหมายถึง การใช้งานเพื่อก่อให้เกิดรายได้และกำไร ซึ่งจะต่างจากการใช้งานส่วนบุคคล เช่น ขนส่งสินค้า, บริการรับ-ส่งคน ฯลฯ โดยแบ่งออกเป็นประเภทง่าย ๆ ดังนี้
- การขนส่งสินค้า : ในกลุ่มนี้จะเห็นค่อนข้างบ่อย ในการนำสินค้า ไปจนถึงวัตถุดับในธุรกิจนั้น ๆ อาทิเช่น รถขนส่งสินค้าของบริษัทต่าง ๆ ไปจนถึงรถใช้ในการขนส่ง เช่น วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
- การให้บริการ : รถประเภทนี้ที่เราจะเห็นกันชัด ๆ ก็คือรถสองแถวที่เป็นรถโดยสาร หรือในบางแห่งก็นำมารับส่งพนักงาน
- การใช้งานในที่ทำงาน : ในกลุ่มนี้จะเป็นรถที่ใช้เพื่อการทำงาน เช่น ก่อสร้าง, การเกษตร หรือการใช้งานอื่น ๆ
ฉะนั้น รถในกลุ่มนี้จุงมีความต้องการ ประกันภัย ที่แตกต่างไปจากรถยนต์ส่วนบุคคล เนื่องจากเป็นรถที่มีความเสี่ยง และมีความต้องการปรกันภัยที่มีความครอบคลุมที่แตกต่างกันไป เพราะประกันภัยเชิงพาณิชย์มักจะครอบคลุมการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงความเสียหายต่าง ๆ นั่นเอง
การเลือกทำประกันรถกระบะเชิงพาณิชย์ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ความครอบคลุมของประกัน : มองหาประกันภัยเชิงพาณิชย์ที่มีแผนความคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งความเสียหายส่วนตัว, ความเสียหายต่อบุคคลภายนอก รวมถึงความเสียหายต่อสินค้าที่ขนส่ง
- เบี้ยประกัน : ตรวจสอบเบี้ยประกันให้มีความเหมาะสมกับงบประมาณ และความคุ้มครองเป็นไปตามที่คุณต้องการ
- บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน : ตรงจุดนี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับรถกระบะเชิงพาณิชย์ เนื่องจากเป็นรถที่มีการใช้งานหนักอาจต้องการความช่วยเหลือบนท้องถนนเวลามีความเสียหาย
- ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน : เลือกบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียง (ดี) และการบริการที่ดีเพื่อความสบายใจของท่าน
- รีวิวและคำแนะนำ : ก่อนตัดสินใจ พยายามอ่านรีวิว และขอคำแนะนำจากผู้ใช้งานจริงเพื่อเข้าใจประสบการณ์จริงของผู้ที่เคยซื้อประกันนั้น ๆ
- การปรับแต่งความครอบคลุม : บางบริษัทประกันอาจเสนอการปรับแต่งความครอบคลุมให้ตรงกับความต้องการของคุณได้มากกว่า
การเลือกประกันที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมีความสบายใจในการใช้รถกระบะเชิงพาณิชย์และคุ้มครองความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ดีที่สุด
แล้วรถกระบะเชิงพาณิชย์ที่มีการดัดแปลง (ใส่คอก) นั้นจะต้องแจ้งประกันหรือไม่ คำตอบของคำถามนี้ ก็คือ นับเป็นการต่อเติม/ดัดแปลงตัวรถรึเปล่า ถ้าใช่ก็จะต้องจดทะเบียนอย่างถูกต้องเสียก่อนที่จะนำไปใช้งาน ไม่อย่างนั้นจะมีความผิดฐานดัดแปลงรถ (ตามพ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522) ทำให้มีโทษตามกฎหมาย แล้วถ้าไม่มีการแจ้งต่อบริษัทประกันก็อาจทำให้ไม่ได้รับความคุ้มครอง ดังนั้นจึงควรทำดังนี้ (ตามกฎหมายแล้วการใส่คอกจะต้องมีความสูงไม่เกิน 3 เมตร แต่ถ้าตัวรถมีความกว้างเกิน 2.3 เมตร จะสามารถบรรทุกสูงได้ไม่เกิน 3.8 เมตร)
- แจ้งบริษัทประกันภัย : ถ้ามีการดัดแปลงทีหลังจะต้องติดต่อไปทางบริษัทประกันภัยและแจ้งการเปลี่ยนแปลง เพราะการติดตั้งคอกอาจเพิ่มความเสี่ยงในบางกรณี เช่น ความเสียหายที่เกิดจากขนส่งสินค้า อาจมีผลให้เบี้ยประกันภัยเปลี่ยนแปลง
- ตรวจสอบความครอบคลุม : หลังจากแจ้งการเปลี่ยนแปลงไปที่บริษัทปรกันภัยแล้ว ควรตรวจสอบว่าประกันภัยที่ได้รับมีความครอบคลุมเพียงพอและเหมาะสมกับการใช้งานหรือไม่
- รับการประเมินราคาใหม่ : เนื่องจากมีการดัดแปลงตัวรถบริษัทประกันภัยอาจจำเป็นต้องประเมินราคาเบี้ยประกันใหม่ตามการเปลี่ยนแปลง (หรืออาจจะเลือกซื้อประกันรถเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ต้น)
แล้วการเลือกประกันภัยรถกระบะเพื่อการพาณิชย์นั้นแบบไหนถึงจะดี ก็ต้องบอกว่าเป็นประกันที่มีคุ้มครองความเสียหายตามที่คุณต้องการ โดยไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถกระบะเพื่อการพาณิชย์ หรือประกันภัยทั่วไป ก็คำนึงถึงพฤติกรรมการขับขี่ และความสะดวกจากบริษัทประกันภัย นั่นคือ อู่ซ่อมได้มาตรฐานหรือไม่ ได้รับความไว้วางใจหรือไม่, รวดเร็ว-เชี่ยวชาญ และการให้บริการที่ดี นี่เป็นสิ่งที่เจ้าของรถต้องการมากที่สุด, ข้อเสนอและเบี้ยประกัน ควรนำมาเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเพื่อจะได้เห็นความคุ้มค่า นอกจากก็ให้ดูเงื่อนไขของกรมธรรม์
การเลือกประกันภัยที่ดีสำหรับรถเพื่อการพาณิชย์ของคุณ จะช่วยลดความเสี่ยง, ค่าใช้จ่าย และ เพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองตามที่ได้ส่งเบี้ยประกันไปนั่นเอง