Mitsubishi เปิดตัวกระบะ
All-New TRITON ด้วยการนำรุ่น
Double Cab 2.4 ULTRA 4WD AT ราคา 1,228,000 บาท รุ่น 4 ประตูยกสูงและหัวเดี่ยว 4X4 มาเป็นรุ่นชิมลางก่อน ส่วนแฟน ๆ หลายคนรอคอยรุ่น
All-New TRITON ATHLETE ที่ใช้ขุมพลัง
204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ว่าจะเริ่มจำหน่วยเมื่อไหร่ดี ซึ่งกิจกรรมครั้งก็มีมาจอดโชว์ตัวหล่อแบบยังไม่ได้ลองขับ (สักที) แต่ว่า....มีเซอร์ไพร์สเล็ก ๆ ด้วยการให้ทดลอง
All-New TRITON MEGA CAB หรือรุ่น สร้างเนื้อสร้างตัวกับเครื่องยนต์รหัส 4N16 ใหม่ 2.4 ลิตร เสื้อสูบอลูมิเนียมกับพลัง 150 แรงม้า 330 นิวตันเมตร VG Turbo ที่พัฒนาใหม่หลายจุด!
All-New TRITON ประกาศราคาหัวเดี่ยวตัวเตี้ย, เมกะแค็บตัวเตี้ย และดับเบิ้ล แค็บ ยกสูงขับ 2 ล้อ
รุ่น ซิงเกิ้ล แค็บ ตัวเตี้ย (All-New Mitsubishi Triton Single Cab Low Rider) มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นโปร (Pro) รุ่นแอคทีฟ (Active) และรุ่นแอคทีฟ เฉพาะแค็บและแชสซีส์ (Active with only cab & chassis) ราคาเริ่มต้น 565,000 บาท
รุ่น เมกะ แค็บ ตัวเตี้ย (All-New Mitsubishi Triton Mega Cab Low Rider) มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นโปร (Pro) และรุ่นแอคทีฟ (Active) ราคาเริ่มต้น 622,000 บาท
รุ่น 4 ประตู ดับเบิ้ล แค็บ โปร ตัวเตี้ย (All-New Mitsubishi Triton Double Cab Low Rider Pro) ราคา 712,000 บาท
รุ่น เมกะ แค็บ พลัส (All-New Mitsubishi Triton Mega Cab Plus) ตอนครึ่ง ยกสูง มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นอัลตรา (Ultra) รุ่นไพรม์ (Prime) และรุ่นโปร (Pro) ราคาเริ่มต้น 740,000 บาท
ในกิจกรรมนี้จะเป้นช่วงทดสอบเล็ก ๆ จัดขึ้นเพื่อให้ทางดิลเลอร์มาร่วมทดลองขับ จึงใช้พื้นที่ไม่มาก แต่ก็พอได้ลองสมรรถนะแบบ Off-Road กับเครื่องยนต์ 184 แรงม้าระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์ซีเล็คต์ โฟร์วีลไดร์ฟ ทู (Super Select 4WD II) เจ้าเดียวในตลาดที่มี 4H ฟูลไทม์ กับระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) และพลัง 150 แรงม้า ระบบควบคุมการทรงตัวในรุ่น Mega Cab Low Rider ที่ให้ลองทั้งแบบบรรทุกของหนัก 700 กิโลกรัมและรถเปล่าให้เหวี่ยงเล่นในโค้ง
สำหรับเครื่องยนตใหม่รหัส 4N16 นั้น พัฒนาใหม่ในหลายจุด เช่น ระบบฉีดน้ำมันแรงดันสูง 2,000 bar ห้องเผาไหม้เหนือลูกสูบใหม่ เสื้อสูบอลูมิเนียม ระบบปั้มน้ำมันเครื่องใหม่ ระบบเทอร์โบผันด้วยไฟฟ้า และระบบ ECU ใหม่ฟังก์ชั่นที่ละเีอยดมากขึ้น
ลองขับ Super Select 4WD II ใน Double Cab ULTRA 4WD AT
เริ่มลองขับ
All-New TRITON Double Cab ULTRA 4WD AT ด้วยการการขับเส้นทางแบบ Off-Road สั้น ๆ ในสามจำลองทางทางฝุ่น ทราย กรวดลอย การกลับรถทางฝุ่นในจุดแคบ ๆ เพื่อลองระบบ ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและสมดุลขณะเข้าโค้ง (Active Yaw Control: AYC) รวมถึงการลุยทางโคลนลึก ปีนเนินเอียงสลับและลงไป "อาบน้ำ" ความลึกระดับ 60 เซ็นติเมตร
การขับเน้นให้ลองใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ที่มีโหมดขับขี่ให่เลือกมากมายในการขับขจริงนั้นเลือกใช้ ทางลูกรังหรือทางฝุ่น (Gravel) ในทางฝุ่นพื้นลื่น ๆ ซึ่งสามารถควบคุมได้ง่าย ไม่มีอาการเป้ หรือปัดไปมาในขณะใช้ความเร็วสูง ๆ เลย หลังจากนั้นหักเลี้ยวกลับรถในมุมแคบให้ระบบ AYC ทำงาน สัมผัสได้ถึงการเลี้ยวที่แคบลงกลับรถง่าย โดยระบบจะใช้เบรกในการขับล้อหลังด้านอยู่ในโค้งเพื่อดึงให้เป็น "จุดหมุน" ทำให้ระยะเลี้ยวแคบลง โดยที่ผู้ขับไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ประคองพวงมาลัยเท่านั้น
หลังจากนั้นขับผ่านโคลนลื่น ๆ ด้วยการหมุนปรับโหมด ลุยโคลนหรือผิวทางที่เหนียวลื่น (Mud) ซึ่งเป้นทางดค้งซ้ายและขวาและขับผ่านไปได้อย่างสบาย ๆ ควบคุมทิศทางได้ดี มีอาการหน้าไถลเล็กน้อย แต่รถก็ดึงหัวกลับเข้าทางที่บังคับอยู่ได้ดั่งใจ นับว่าขับผ่านบ่อโคลนไปได้ง่ายมาก ๆ เลยครับ
เมื่อออกจากบ่อโคลนก็ขับขึ้นเนินสลับ เพื่อให้ลองใช้กล้องในมุมมองด้านหน้ารถและด้านข้างที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (เกินกว่านั้นกล้องจะไม่ทำงาน) ซึ่งก้ขับผ่านไปโดยง่ายและภาพบนจอมุมมองก็ชัดเจนสะดวกมากขึ้น ไปต้องกะระยะในการปีนเนินให้เสี่ยงอีกต่อไป
มาถึงบ่อน้ำลึก ทดสอบการดำน้ำ โดยใช้กล้องมองแทนสายตาเช่นเดิม พร้อมกับค่อย ๆ หย่อนตัวรถลงไปในบ่อ จนเสียงน้ำกระทบใต้ท้อง โดยจะเป็นการทดลองเมื่อเปิดใช้กล้องแสดงภาพด้านหน้าและด้านข้าง ช่วยให้ขับขี่ผ่านอุปสรรค์ได้ง่ายขึ้น และยังโชว์ว่ารถสามารถลุยน้ำท่วมหนักน้ำรอระบายได้อย่างสบาย ๆ โดยสามารถลุยได้จริงจากสเปคโรงงานเคลมไว้ถึง 80 เซ็นติเมตร หลังจากนั้นจบภาระกิจช่วง Off-Road
Triton Mega Cab Low Rider ขับสนุกควบคุมง่ายแม้บรรทุกของ 700 กิโลกรัม
จุดทดสอบขับ All-New Mitsubishi Triton Mega Cab Low Rider เกียร์ธรรมดา ในถนนปิดสั้น ๆ ด้วยการใช้รถ 2 คัน คันแรกมีการบรรทุกของที่ท้ายกระบะขนาด 700 กิโลกรัม และอีกคันเป็นรถเปล่า ใช้การขับผ่านถนนเล็ก ๆ ขดเคี้ยวไปมาและมีการวางแผ่นชะลอความเร็ว เพื่อให้ขับผ่านและจับความรู้สึกของระบบกันสะเทือนของรถทั้ง 2 แบบ
คันที่บรรทุก 700 กิโลกรัม มีอาการออกตัวห้อยเล้กน้อย ก่อนจะเร่งขึ้นไปอย่างรดเร็ว แต่ช่วงล่างกลับให้ความนุ่มนวลสบายมาก และการควบคุมทิศทางของรถเป็นได้อย่างง่าย สมูทนุ่มและมีอาการเหวี่ยงน้อย แม้จะเข้าทางโค้งแคบ ๆ ในคามเร็วระดับ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ยังความคุ้มได้อย่างสบายเลยครับ ส่วนในจุดทดสอบออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง แน่นอนว่ามีน้ำหนักบรรทุกอยู่ จึงมีการรอรอบเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ไต่ความเร็วขึ้นไปในแต่ละเกียร์ และเมื่อถึงจุดเบรกอาจจะต้องออกแรงเหยียบเพิ่มบ้างแต่ก็ไม่มากนัก
คันรถเปล่าขับแล้วสนุกมากขึ้น ด้วยน้หนักที่เบา ออกตัวง่าย ไม่รอบรอ แต่เมื่อขับผ่านเนินชะลอมีอาการเด้งและดีดเยอะกว่า พวงมาลัยเบาขึ้นอีกเล็กน้อย ในการขับเข้าโค้งพริ้วกว่า คล่องตัว เบรก ชะลอ หรือเร่งออกตัวทำได้ดีกว่า มาถึงจุดเร่งออกตัว ยิ่งออกตัวได้เร็วและไม่รอรอบมากนักเท่าคันที่บรรทุกหนัก และเมื่อเยียบก็ใช้แรงน้อยลงกว่า ส่วนตัวคิดว่ารถเปล่าขับสนุกและคล่องเหมาะกับการนำไปจัดทรง ลงซิ่งได้สบาย ๆ ส่วนเมื่อมีน้ำหนักส่วนท้ายก็นับว่าไม่แย่มากนัก เพราะยังให้สมรรถนะโดยรวมดีอยู่ ดรอปลงไปไม่มากนัก และที่สำคัญการขับรถบรรทุกของหนักก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วมากเกินไปอยู่แล้ว สรุปคร่าว ๆ ว่า แตกต่างกันไม่มากนักระหว่างการบรรทุกหนักและรถเปล่า ถือว่ากำลังของเครื่องยนต์ใหม่ ให้สมรรถนะที่ดีไม่มีแรงตกเลยทีเด่ยวครับ
ใครสนใจไปลองขับสัมผัสคันจริงก่อนตัดสินใจ เลือกรุ่นที่เหมาะกับการใช้งาน และราคาที่สบายกระเป๋าได้ที่โชว์รูมมิตซูบิชิใกล้บ้านครับ