GURU Ratings : 8.9/10 คุ้มไม่คุ้ม เช็กก่อน! All new Honda Accord (ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่) รุ่น E ราคา 1.529 ล้านบาท รถยนต์ซีดานสุดพรีเมี่ยมรุ่นเริ่มต้นก็มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC ผสานมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวในระบบเกียร์ E-CVT กำลังรวมสูงสุดทั้งระบบ 207 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กม./ลิตร มีเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ครบถ้วนพร้อมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) กว่า 1 กม. และเพิ่ม Charge Mode และระบบจอแผนที่ Google Built-in ครั้งแรก ในแอคคอร์ดใน ราคา 1,529,000 บาท จุดเด่น | จุดสังเกต | - Full Hybrid แรง-ประหยัด
- Google built-in
- Head-up Display: HUD
- อัตราส้นเปลือง 25 กม./ลิตร
- เพิ่ม Charge Mode
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง
- Honda SENSING
| - ไม่มีเตือนมุมอับด้านข้าง BSM
- ภาพจากกล้องรอบคันและHonda LaneWatch
ยังไม่ชัด - ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายเชย ๆ
- เสียงยางลอดเข้าในรถ
- ฝาท้ายไม่มีระบบไฟฟ้า
- มีแต่กล้องมองหลัง-ขาดกล้องรอบคัน
| |
ทริปไปกลับภูเก็ต-กระบี่ รวม 270 กม.
Honda Accord e:HEV ในครั้งนี้มีทั้งหมด 6 คัน คละรุ่น ซึ่งซุ่มได้รุ่นเริ่มต้น
E ราคา 1.529 ล้านบาท ทดสอบแบบครึ่งวัน ไปกลับจากภูเก็ต-พังงา ระยะทางร่วม 270 กม. กลับกันขับขี่ 2 คน ต่อ รถ 1 คัน โดยได้ทดลองขับทั้ง ใช้ความเร็วตามสภาพจราจร เร่งแซง ทำความเร็วสูง ๆ และด้วยเส้นทางเป็นเนินเขาสลับทางโค้งมากมาย จึงได้ลองการเข้าทางโค้ง การเร่งแซงขึ้นเนิน การเบรก และทดลองระบบช่วนละลอดความเร็ว บนแพดเดิ้ลชิพ และการใช้โหมด Batt-Charge สุดท้ายลองฟังพลังเสียงจากลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง บอกเลยว่าเสียงใสนุ่มลึกเบสตรึม!
มิติตัวถังยาว 4,962 มม. กว้าง 1,862 มม. สูง 1,449 มม. ระยะฐานล้อ 2,828 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 134 มม. น้ำหนักรถ 1,560 มม. ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ระบบเปิด - ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ เสาอากาศครีบฉลามสีเดียวกับรถ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีเงิน
ภายในห้องโดยสารโทนสีดำ Piano Black สะดวกสบาย เช่น การจัดการข้อมูลบนหน้าจอ Display Audio พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ปุ่มควบคุมครบทุกระบบ พร้อมแพดเดิ้ลชิพสำหรับหน่วงความเร็วและระบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตฯ
ของใหม่ ใส่ในฮอนด้า แอคคอร์ด รุ่นเริ่มต้น E คือ
- ใหม่ ปุ่ม Experience Selection Dial ที่สามารถหมุนเพื่อเลือกและบันทึกฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถปรับเลือกระบบปรับอากาศ ระบบเครื่องเสียง และไฟสร้างบรรยากาศภายในรถยนต์ได้ (EL/RS) และสามารถตั้งค่าผู้ใช้งานได้จำนวนสูงสุดถึง 8 ผู้ใช้งาน
- ใหม่ ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง
- ใหม่ เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- ใหม่ ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
- ใหม่ ครั้งแรกของรถยนต์ฮอนด้า ที่มาพร้อม Google built-in ที่มาพร้อมแอปและบริการของ Google ได้แก่ Google Assistant, Google Maps และ Google Play
- ใหม่ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto
Honda SENSING ที่มีครอบคุมหลายระบบแล้ว คือ
- ใหม่ ครั้งแรกใน แอคคอร์ด กับ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
- มีระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) มากถึง 6 ระดับเป็นครั้งแรก
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) โดยระบบยังสามารถปรับลักษณะการเร่งความเร็วได้ตามโหมด ACC ที่เลือก ซึ่งถือเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ใหม่
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
- ใหม่ ระบบเพิ่มความเสถียรและความคล่องตัวในการขับขี่ (Motion Management System: MMS)
- ถุงลม 8 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมด้านข้าง และ ใหม่ ถุงลมหัวเข่าคู่หน้า
- ใหม่ ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
- ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า และ ใหม่ ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหลัง
- ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC) ซึ่งรุ่น RS จะมีเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)
- ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch)
ออปชั่นพื้นฐาน
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง
- ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ 2 ตำแหน่ง พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ
- ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ม่านบังแดดกระจกข้างด้านหลัง
- อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- ใหม่ ความลำบาก เอ้ย! สะดวกสบายใหม่...ด้วย ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง ได้แก่ ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
ขุมพลังระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด (Intelligent Multi-mode drive) ประกอบไปด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) นอกจากนี้ ในขณะลดความเร็ว ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นจากการลดความเร็วนั้นให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ (Regeneration) กำลังรวมทั้งระบบ 207 แรงม้า แรงบิด 335 นิวตันเมตร
โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Switch) ซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงอารมณ์การขับขี่ด้วยไฟฟ้า โดยมีการเพิ่ม Charge Mode เข้ามาเป็นครั้งแรกใน แอคคอร์ด ซึ่งเป็นโหมดที่จะชาร์จแบตเตอรี่ ในขณะที่รถวิ่งด้วยน้ำมัน โดยการวิ่ง 1 นาทีที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จะสามารถชาร์จไฟเพิ่ม เพื่อสามารถขับเคลื่อนด้วยระบบ EV เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มแรงขับเคลื่อนของ EV ในช่วงความเร็วไม่เกิน 50 กม./ชม. ซึ่งเหมาะแก่การวิ่งในย่านชุมชน เพื่อยืดระยะของการวิ่งด้วย EV ให้ยาวนานขึ้น
แรงแบบนุ่ม ๆ ประหยัด 18 - 19 กม./ลิตร ตีนปลายมีแผ่ว ๆ
เร่งแซงทันใจ-แรงแบบพรีเมี่ยม
สมรรถนะและอัตราเร่งไม่ถึงกับหลังติดเบาะ เมื่อออกตัว จะมีแรงดึงแบบเบา ๆ แต่ระดับความเร็วก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ และเร่งแซงได้อย่างทันใจ อาการสุภาพสุขุมนุ่มนวลแบบผู้ใหญ่ ไม่กระชากเป็นวัยรุ่นแบบในรุ่น
ซีวิค และเมื่อเร่งแซงในช่วงความเร็วลอยลำแล้ว จะรู้สึกว่า อากรดึงลดลงเล็กน้อย แต่ยังพอรับรู้ถึงความเร่งของตัวรถ และความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อช่วงความเร็วสูง ๆ เกิน 180 กม./ชม. ไปแล้ว จะเริ่มรู้สึกว่าหนืด ๆ ขั้นได้ช้าลง เพราะเครื่องยนต์ทำงานเป็นหลักมอเตอร์เสริมแรงบางเล็กน้อยเท่านั้น (หมดแรง) มาตั้งแต่ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม.+++ แต่ว่าไม่น่าเป็นปัญหามากนักเพราะควรใช้ความเร็วเกินกำหนด
(ทำสอบระยะสั่นถนนโล่ง ๆ) ซึ่งน้ำหนักตัวที่มากกว่าใน ซีวิค เอง และการปรับคันเร่งให้ตอบสนองนุ่มนวลตามคาร์เร็ตเตอร์ที่ต้องให้เป็นรถครอบครัว รถพรีเมี่ยม ที่เน้นการสะดวกสบายเป็นหลักมากกว่าความสปอร์ต
นุ่มนวลไม่ย้วยแถมเกาะถนน
ช่วงล่างดีมาก นุ่มนวล แต่เกาะถนน ไม่ดีด กระเด้ง หรือโดด แม้ขับขี่ผ่านสภาพถนนที่ขรุขระมาก ๆ พวงมาลัยน้ำหนักดี ปรับตามความเร็วรถ และคมกระชับ หมุนเลี้ยวได้ตามมือทันทีไม่มีช่องระยะฟรี มั่นใจทุกครั้งเวลาเข้าทางโค้งความเร็วสูง ๆ แม้จะเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็วก็ยัง "นิ่ง" และควบคุมทิศทางได้ง่ายมาก
ลอง Charge Mode ชาร์จเร็วมาก!
โหมดพิเศษ EV และ Charge Mode เพียงกดปุ่ม EV ค้างไว้ 1 วินาที เครื่องยนต์จะติดขึ้นเพื่อปั่นไฟกลับแบตฯ ขับไปชาร์จไฟไป เอาไว้ใช้ขับ EV ล้วนจากสเปคโรงงานว่า ขับ 100 กม./ชม. ใน 1 นาที จะได้ระยะทางเพิ่มอีกประมาณ 1 กม. ใช้ขับ EV ล้วงที่ความเร็วไม่เกิน 40-50 กม./ชม. ในการทดสอบจริงขับไป 1 นาที แต่ความเร็วไม่ถึง 80 กม./ชม. ระดับปริมาณไฟกลับขึ้นเร็วมาก ๆ นับว่าช่วยให้วางแผนในการขับย่องเบา เข้าบ้านได้เป็นอย่างดี ในระยะไม่เกิน 1 - 2 กม.
วิศวกรชาวญี่ปุ่นของฮอนด้า เน้นย้ำนำเสนอว่า เราเค้ามีโหมด หน่วงความเร็ว (Deceleration Paddle Selectors) ระดับ 5 และ 6 เพิ่มมาจากเดิมมีแค่ 4 ระดับ และทำงานคล้ายกับ one-Paddle ชับด้วยคันเร่งเดียว ทั้งเร่งทั้งชะลอและหยุดรถได้เกือบจะจอดสนิท เมื่อความเร็วต่ำกว่าราว ๆ 20 - 30 กม. ต้องเบรกเอาเองด้วย โดยฟังก์ชั่นนี้ใช้ตัวควบคุมระบบ ABS ช่วยสั่งให้ล้อเบรกแบบ "เลีย ๆ" พร้อมกับแรงหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้าไปพร้อมกัน (เพราะมอเตอร์ไฟฟ้ายังหน่วงไม่พอในระดับนี้) เรียกว่าได้แรงบันดาลใจจาก "Honda e" ตัวเล็กน่ารักนั่นเองครับ ซึ่งจะโชว์บนมาตรวัดขับครับข้าง ๆ สัญลักษณ์ตำแหน่งเกียร์ต่าง ๆ และยังสามรถล็อคในระบบหน่วงค้างเอาไว้ (เหมือนคันเร่งในรถยนต์ไฟฟ้าล้วนจริง) เพียงแค่ดึงฝั่งลบ (-) เข้าหาตัวค้างไว้ 1 วินาที ก็กลายเป็นรถไฟฟ้าล้วน (ชั่วคราว) ที่ขับด้วยคันเร่งเดียวด้วย และเมื่อยกเลิกให้ดึงฝั่งบวก (+) เข้าหาตัวค้าวไว้ 1 วินาทีก็ปลดออกเรียบร้อยครับ
ความประหยัดแบบขับโหด ๆ ระยะทาง 270 กม. ได้ 18 - 19 กม./ชม.
จากการทดสอบครั้งนี้ แม้จะมีบางช่วงขับตามความรถทั่วไป มีเร่งแซง ออกตัวแรง ๆ และขับผ่านถนนโค้ง เนินสูงต่ำสลับกันไป และทดลองทำความเร็วสูง ๆ รวมถึง ออกตัว 0 - 100 กม. /ชม. จับเวลา โดยรวมแล้ว มันประหยัดจริงจังมาก ๆ ครับ ด้วยตัวรถคันใหญ่ขนาด 1.5 ตันเศษ ทำตัวเลขบนมาตรวัดได้ 18 - 19 กม./ลิตร ถ้าหากชับใช้งานปกติ จริงแบบไม่จิกกระชากเหมือนการทดสอบแบบนี้ อาจทำให้ทะลุ 20 กม./ลิตร แน่นอนครับ ส่วนความเร็ว 0 - 100 กม./ชม. นั่ง 2 คน ออกตัวมีล้อฟรีเล็กน้อยอยู่ที่ 8.6 วินาที (ใช้แอปฯ ในสมาร์ทโฟนจับเวลา)
เสียงยางยังเข้าในรถ
การเก็บเสียงรอบคันหรือว่าเสียงเครื่องยนต์ทำได้เงียบกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ว่าในส่วนเสียงยางที่วิ่งบดพื้นในหลาย ๆ สภาพถนนยังคง "ดังก้อง" อยู่ในใจ แม้จะมีระบบตัดเสียงที่ใช้ความถี่จากลำโพงมาช่วยแก้ แต่เสียงยาง Michelin รุ่นพิเศษ ePRIMERCY ก็ยังทะลุเข้าอยู่บ้าง โดยยางตัวนี้เป็นรุ่นที่ฮอนด้าญี่ปุ่นเองกับมือ และใช้เพื่อรถยนต์ไฟฟ้ากับไฮบริดโดยเฉพาะ หากไม่คิดมากแล้ว เสียงยางที่ดังก็ไม่ได้น่ารำคาญเท่ากับรุ่นอื่น ๆ ของ H ที่ดังมากกว่า แต่ทว่า..รถระดับยิ่งเงียบยิ่งดีเพราะเป็นเรื่อธงแล้ว หากปรับปรุงระบบซับเสียงใต้ท้องอีกนิดจะสมบูรณ์แบบมากที่สุดเลย
BOSE 12 ตัว พลังกระหึ่มเกินพอแล้ว
"เปิดเพลงดัง ๆ ให้เบสดังบูม ๆ" ใช้ได้กับระบบพลังเสียง BOSE คันนี้ ที่ให้ทั้งรายละเอียดเสียงเล็กน้อยของดนตรีและการแยกซ้าย-ขวาของเครื่องดนตรี ทำให้ชัดเจนมาก ไม่แพ้เครื่องเสียงระดับท็อปคลาสในรถยุโรป (ยกเว้นคนหูทองมาก ๆ) นับว่าเพียงพอและแทบไม่ต้องไปปรับเปลี่ยนอะไรเพิ่มเติมแล้ว แถมยังเลือกปรับการแยกเยอะเสียง หรือปรับ equalizer และเลือกรูปแบบการกระจายเสียงลำโพงได้หลายแบบอีกด้วยครับ
แก้ปัญหาแผนที่หายเมื่อใช้ Honda LaneWatch
การมีอากู๋แบบบิวอิน ช่วยแก้ปัญหาการเปิดแผนที่ดูทางแล้วหายจากจอเมื่อเปิดไฟเลี้ยวซ้ายได้ ด้วยการเลื่อนเมนูที่ปุ่มนิ้วโป้งขวาในเป็นระบบนำทางซะ ภาพจาก Google Map ก็จะขึ้นบนมาตรวัดคนขับพร้อมกันด้วย เมื่อคุฯเปิดไฟเลี้ยว แม้แผนที่ตรงจอจะหายกลางเป็นกล้องมัว ๆไม่ต้องกลัวครับ บนมาตรวัดยังดูได้ปกติเลย หรือถ้าลืมปรับหน้าจอเป็นการนำทาง ถ้ายังเป้นระบบแผนที่อยู่ เมื่อมีการเตือนจะเลี้ยวหรือเตือนการใช้เส้นทาง แผนที่จะขึ้นบนจอคนขับให้เองอีกด้วย ไม่หลงแน่นอน!
สุดท้ายสิ่งที่น่าจะให้มาในรุ่นนี้
- ภาพแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ไม่ชัดเท่าที่ควร
- รถพรีเมี่ยมราคาระดับนี้เพิ่ม BSM เตือนมุมอับสายตามจะดี หรือแทนกล้องด้านข้างไปเลยย่อมได้
- บุพื้นหนาเก็บเสียงมากขึ้นยิ่งลงตัว
- ถ้า....มีกล้องมองรอบคัน...ยิ่งช่วยให้หายลังเลได้เยอะขึ้นอีกนิด
สรุปความแตกต่างของ 3 รุ่นย่อยอีกรอบ!
- ไฟส่องมือจับประตูด้านนอก
- หลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof)
- ไฟเลี้ยวด้านหน้าและด้านหลังแบบ LED Sequential
- ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) พร้อม Honda Smart Key Card
- ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (ACL)
- ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง
- มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับเสียงรบกวนจากพื้นถนน (Road noise ANC)
- Head-up Display: HUD
- ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร (ANC)
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS)
- เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด
- กระจกมองข้างด้านซ้ายปรับลดอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง
- ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
- ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster
- ใหม่ ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสารแบบปรับเฉดสีได้
- ล้ออัลลอย 18 นิ้ว
สรุปความคุ้มค่ากับราคา
Honda Accord e:HEV E ราคาเพียง
1,529,000 บาท รถที่เหมาะกับการขับขี่สบาย ๆ ได้ทั้งสมรรถนะ ความประหยัดปลอดภัยไม่แตกต่างจากรุ่น
EL ที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก
140,000 บาท และ รุ่น
RS เพิ่มอีก
270,000 บาท ซึ่งออปชั่นที่เพิ่มมาอาจจะเป็นเฉพาะกลุ่มจริง ๆ แต่ถ้าคุณเน้นใช้งาน จะขับเองหรือมีคนขับให้และนั่งทำงาน รุ่นนับว่าคุ้มค่า ได้ความนุ่มนวลมากขึ้นอีกด้วย และ แน่นอนว่ารถยนต์ไฮบริดก็ยังเป็นรถที่เหมาะสมกับสภาพราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ใช้งานสะดวกสบายไม่ต้องปรับตัว ขับไปไหนก็ได้ไม่ต้องวางแผนมาก ประหยัดน้ำมัน ประหยัดเวลา ช่วงล่างแน่นหนึบแต่นุ่มนวลพอตัว และได้ฟังก์ชั่นเต็มคันแบบนี้ แม้รุ่นเริ่มต้นนี้จะแพงกว่ารุ่นก่อนหน้าแต่นี่คือ รถยนต์ Full Hybrid ที่เทคโนโลยีสูงมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งในรถจากค่ายญี่ปุ่นเลยครับ
ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่
เสริมความมั่นใจในการใช้งานยิ่งขึ้น ด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และทีมงานที่เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ด้าน e:HEV (e:HEV Expert) จากเครือข่ายศูนย์บริการฮอนด้าที่ได้มาตรฐานและครบวงจรครอบคลุมทั่วประเทศ
เช็กรายละเอียดโปรโมชันตามแบรนด์
- ถุงลม 8 ตำแหน่งในทุกรุ่นย่อย
- ลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง
- หน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว ช่องเชื่อมต่อ USB type C 4 ตำแหน่ง อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger)
- ล้ออัลลอย 17 นิ้ว
- สีขาวแพลทินัม (มุก)
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
- สีดำคริสตัล (มุก)
- พร้อมภายในสีดำ และสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)