เปิดวาร์ปกับ BMW i5 รถยนต์ซีดานไฟฟ้าล้วนใหม่ล่าสุด เทคโนโลยีเต็มคัน กระจังหน้าทรงไตคู่อันเป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ระบบไฟ BMW Iconic Glow บริเวณกรอบ ส่วนไฟหน้าทั้งสองดวง มีหลอด LED จัดเรียงเป็นแถบในแนวตั้งเพื่อทำหน้าที่เป็นทั้งไฟเลี้ยวและไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ในเวลากลางวัน มาพร้อม 2 รุ่นย่อยคือ i5 eDrive40 M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive สมรรถนะโดดเด่น และความปลอดภัยเพียบ กับราคาตั้งแต่ 4.999 - 5.599 ล้านบาท พร้อมกับรุ่นเล็กสเปคแรง i4 และพี่ใหญ่แต่คล่องตัว i7 ในสนามปทุมธานีสปีดเวย์
งานกิจกรรมทดสอบรถยนต์
BMW ตระกูล i ครั้งนี้มาพร้อมกันหลายรุ่นทั้ง i4, i5 และ i7 ให้ได้ลองขับกันในรูปแบบของสนามต่าง ๆ โดยมีด้วยกัน 4 รูปแบบ 1 การสลาลอมด้วย i7, การทดสอบเปิด-ปิด ระบบควบคุมการทรงตัวด้วยรถ i4 และต่อด้วยการขับในแทร็กสั้น ๆ ด้วย i5 ใหม่ทั้ง 2 รุ่นย่อย และทดลองระบบการออกตัว Launch Control ที่ "วาร์ป" ออกตัวเหมือนยานอวกาศ
i5 ใหม่มีอะไรเด่นบ้าง
BMW i5 มาพร้อม 2 รุ่นให้เลือกคือ
BMW i5 eDrive40 M Sport ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
BMW i5 M60 xDrive ราคาจำหน่าย: 5,599,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
การตกแต่งด้วยชุดแต่งสปอยเลอร์สีดำเงาแบบ high-gloss สำหรับ i5 M60 xDrive เบรกคาลิเปอร์ (สีน้ำเงินเข้ม dark blue metallic สำหรับรุ่น i5 eDrive40 M Sport และสีแดง red high-gloss สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive) และพิเศษสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive กับชุดแต่งไฟหน้าสีดำ M Lights Shadow Line ส่วนล้อแม็กมาในสองขนาดและสองสไตล์ ได้แก่ล้ออัลลอย BMW Individual aerodynamic ขนาด 21 นิ้ว สีดำ Jet Black แบบสลับสี สำหรับรุ่น i5 M60 xDrive และล้ออัลลอย M aerodynamic ขนาด 20 นิ้ว สีเทาเข้ม Black Grey แบบสลับสี
i5 eDrive40 M Sport พละกำลัง 340 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร และสามารถส่งแรงบิดได้สูงสุดถึง 430 นิวตันเมตรเมื่อเปิดใช้งานระบบ Sport Boost หรือ Launch Control และแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงชุดเดียวกับรุ่น i5 M60 xDrive จึงมอบอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 6 วินาที และมีระยะการขับขี่อยู่ที่ 497-582 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) หรือ 501 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
i5 M60 xDrive พร้อมมอบความแรงถึงขีดสุดด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพลังงานไฟฟ้า BMW xDrive Electric กับชุดมอเตอร์ที่ให้กำลังขับถึง 601 แรงม้า และแรงบิด 795 นิวตันเมตร หรือสูงสุดกว่า 820 นิวตันเมตร เมื่อเปิดใช้งานระบบ M Sport Boost หรือ M Launch Control อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 3.8 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยพลังจากชุดแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าสูงที่ติดตั้งอยู่ใต้ตัวถังรถ ความจุพลังงานสุทธิ 81.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งทำให้บีเอ็มดับเบิลยู i5 M60 xDrive มีระยะการขับขี่ถึง 455-516 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) หรือ 466 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
จุดเด่นน่าสนใจคือ ไฟหน้า Adaptive LED พร้อม Matrix High Beam ช่วงล่าง Adaptive Suspension พร้อม Electronic Shock Absorbers ระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อ ในรุ่น M60 xDrive และ การสตรีมมิ่งต่าง ๆ บนจอความบันเทิง ระบบเสียง Bowers & Wilkins ใน
M60 และ Harman Kardon สำหรับ
eDrive40 รวมถึง แพลตฟอร์ม AirConsole และ "Launch Control" โหมดขับขี่สุดมัน เหมือนออกตัวในการแข่งควอเตอร์ไมล์ เป็นต้น
เลนเชนจ์-สลามลอม-เลี้ยวง่ายใน i7 คล่องตัว มุมเลี้ยวแคบมาก...!!
ในงานมีการแบ่งกลุ่มตามสถานีต่าง ๆ สลับหมุนเวียนกันโดยจะเริ่มจากการขับ i7 ซีดานยักษ์ใหญ่ที่มีจุดเด่นนอกเหนือจากความหรูหรา ระบบต่าง ๆ มากมายแล้ว ยังเป็นรถที่ให้ความคล่องตัวไม่แพ้รถขนาดกลางเลย เพราะมีระบบ บังคับเลี้ยว 4 ล้อ (Integral Active Steering) ประมาณ 3 องศา ที่สามารถเห็นด้วยตาเปล่าชัดเจนมากในขณะเลี้ยว ที่จุดหยุดนิ่งหรือความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ล้อหลังจะเลี้ยวทำมุมตรงกันข้ามกับล้อหน้า เพื่อให้คล่องตัว ลดวงเลี้ยวให้แคบลง ทำให้ขับหรือเลี้ยวในทางแคบ ๆ ได้ง่าย และเมื่อความเร็วมากกว่านั้น ล้อหลังจะปรับมุมไปในทิศทางเดียวกับล้อหน้า เพื่อลดอาการท้ายกวาด แต่กลายเป็นท้ายช่วยเลี้ยวเปลี่ยนช่องทาง ทำให้รถเบี่ยงตัวส่วนหน้าและหลังออกไปพร้อมกัน (คล้ายปูเดินเซ) รถจึงไม่เสียการทรงตัว
สถานีนี่เป็นการทดลอง เร่งออกตัวจากจุดสตาร์ท ไปที่ความเร็ว 70 กม./ชม. พร้อมกับหักหลบแบบ "เลนเชนจ์" เปลี่ยนเลนกระทันหัน และเบรกลดความเร็ว เข้าโค้ง ต่อด้วยการสลาลอมผ่านไพล่อนในระยะแคบ ซึ่งเจ้าเรือรบ i7 คันใหญ่โต สามารถขับขี่ได้ง่ายคล่องตัว และให้ความนุ่มนวลไม่แตกต่างจากรถคันเล็ก ๆ แถมยังขับสนุก เร่งทันใจอีกด้วย นอกจากนี้เรื่องการทรงตัวยิ่งนิ่ง ไม่ว่าจะใช้ความเร็วในระดับเกินจากที่ อินสตรัทเตอร์กำหนดอยู่บ้าง แต่ก็สามารถควบคุมให้ไปในทิศทางต่าง ๆ ได้ดั่งใจ
เมื่อผ่านจุดสลาลอมแล้วก็ลดความเร็วเพื่อเข้าสู่ช่องไพล่อนที่ตั้งให้จำลองการเลี้ยวในที่แคบ ๆ ที่เอาไว้ นับว่า เป็นรถหรูพรีเมียม คันใหญ่ แต่ขับสนุกคล่องตัว และสามารถขับได้โดยแทบไม่ต้องปรับตัวจากที่เคยขับรถขนาดกลางหรือเล็กมากนัก และเมื่อเวลาล้อหลังทำมุมเลี้ยวผู้ขับขี่ก็สามารถรับรู้ได้ เพราะเมื่อส่วนหน้ารถเลี้ยวในทิศทางใด ส่วนท้ายจะขยับฝั่งตรงข้ามทันทีครับ
ลอง "ปิด-เปิด" ระบบควบคุมการทรงตัวใน i4 บอกเลย แตกต่างอย่างชัดเจน
มาถึงการในลองขับ
i4 แบบไม่ธรรมดานั่นคือ ขับผ่านน้ำเปียกลื่น ๆ ในทางโค้ง ๆ ที่เตรียมไว้ โดยเป็นการทดลองระบบควบคุมการทรงตัวในการขับขี่ทางลื่น ๆ ของ i4 ว่าจะทำงานได้ดีจริงหรือไม่อย่างไร? ด้วยการขับ 3 รอบ รอบแรกปิดทุกระบบ หักพวงมาลัยขวาครึ่งรอบ และกดคันเร่งเต็ม ๆ
ผลคือ...หมุนติ้วเป็นลูกข่าง ด้วยแรกบิดมอเตอร์ไฟฟ้าระดับ 286 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร ทำให้ล้อหลังปั่นจนควบคุมรถไม่ได้เลย (แม้อินสตัคเตอร์เองก็บอกว่ายังทำได้ยาก) เรียกว่าเมื่อปิดระบบช่วยเหลือการทรงตัวขับผ่านถนนลื่น ๆ เท่ากับว่า "บังคับทิศทางรถแทบไม่ได้เลย"
รอบที่สองเริ่มเปิดระบบแทร็กชั่นคอนโทรล (ควบคุมล้อหมุนฟรีอย่างเดียว) ทำการขับขี่เงื่อนไขเดียวกับรอบแรก ผลคือ...ท้ายก็ยังคงปัดจนหมุน แต่ก็ยังพอควบคุมพวงมาลัยและทิศทางรถได้บ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถทำรถให้ตรงพอที่จะขับไปอย่างปลอดภัยได้
รอบที่สามเปิดทุกระบบทั้งป้องกันล้อหมุนฟรีและระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของ i4 และขับในเงื่อนไขเดียวกัน ผลคือ...สามารถเข้าโค้งได้ง่าย และรถแทบไม่เสียอาการ ผู้ขับขี่ก็ขับต่อไปได้โดยไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก นับว่า "ควรเปิด" ระบบช่วยเหลือเอาไว้ตลอดดีกว่าครับ เพื่อความปลอดภัยในสภาวะถนนลื่นจะได้ขับไปอย่างง่ายดาย ชิล ๆ เลย
สรุปว่าการมีระบบควบคุมการทรงตัวต่าง ๆ เอาไว้ย่อมดีกว่าไม่มีและระบบเองต้องทำงานได้แม่นยำ ฉับไว ไม่ต้องรอให้เกิดอาการลื่นไถล ระบบต้องจัดการให้ได้รวดเร็วมากที่สุดเหมือนอย่างใน i4 คันนี้
เกาะหนึบในแทร็ก-วาร์ปด้วย "Launch Control" จาก i5 ใหม่
ที่มาของ
0 - 100 กม./ชม. 3.8 วิ ในลองในสถานีนี่นี้เอง........จาก
BMW i5 M60 xDrive ที่มากับพลัง 600 กว่าม้า แรงบิด 820 นิวตันเมตร นี่หรือรถบ้านหรือซูเปอร์คาร์!!.. โดยเริ่มจากการขับในแทร็กสั้น ๆ ครึ่งสนาม เพื่อลองการทรงตัว การบังคับพวงมาลัย เร่งและเบรก ซึ่งมีดีอยู่แล้วทั้งช่วงล่างและกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งเมื่อเร่งความเร็วจะมีเสียงสังเคราะห์เพิ่มระดับความดังขึ้นเรื่อย ๆ (คล้ายเสียงยานอวกาศในหนัง) ตามน้ำหนักเท้าที่กดคันเร่ง สร้างความเพลิดเพลินได้ดี ไม่เหงาหูไปอีกแบบครับ
ในการทดสอบตรงนี้ช่วงจุดสตาร์ท ได้ออกแบบให้เป็นการสลาลอมด้วยเช่นกัน เพื่อสัมผัสความคล่องตัวของการเลี้ยวมุมแคบและการเข้าโค้งรวมถึงการเปลี่ยนเลนกระทันหัน เพราะใน i5 M60 xDrive นั้นมีระบบบังคับเลี้ยว 4 ล้อแบบเดียวกับใน i7 จึงทำให้ควบคุมรถง่าย คล่องตัวอีกด้วยครับ
แต่ในการทดลอง "Take-off" ออกตัวด้วยโหมดพิเศษ "Launch Control" ใน i5 M60 คันนี้ เหมือนการออกตัวของยานอวกาศหรือก็ใกล้เคียง เพียงเลือกโหมด "Sport" และเมื่อรถตั้งตรง มีระยะที่ปลอดภัยก็เริ่มต้นความสนุกด้วย "เหยียบเบรกด้วยเท้าซ้ายให้สุด" จากนั้น "ใช้เท้าขวาเหยียบคันเร่งให้จมพื้นรอเอาไว้" จะมีเสียงสังเคราะห์เหมือนระบบพลังงานในยานอวกาศแบบในหนังดังขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมหน้าจอที่มีระดับเลเวล ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่เหยียบเบรกอยู่ เมื่อพร้อมก็แค่ "ปล่อยเบรก" รถก็จะพุ่งตัว เหมือน "วาร์ป" อย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นโหมดการขับขี่ที่เพิ่มความมันเร้าใจได้อีกแบบหนึ่งครับ (คำเตือน โหมดนี้แรงมาก ควรมีความชำนาญก่อนการขับขี่นะครับ)
ต่อด้วยขับในรุ่น
i5 eDrive40 M Sport ที่ให้ความสุขุมนุ่มนวลกว่า และพลังเบากว่า แต่ความจริงแล้วก็ยังเกินพออยู่ดีกับ 340 แรงม้า แรงบิดระดับ 430 นิวตันเมตร นับว่ากำลังลงตัวพอ ๆ ขับสนุก แต่ไม่เกร็งมือและไม่เครียดในการต้องควบคุมรถมากเท่าในตัว M60 นับว่าความแรง ระบบช่วงล่างและการควบคุมพวงมาลัย เหมาะสมกับการขับขี่ในชีวิตประจำวันมากที่สุดครับ
ฟังก์ชั่นที่ใหม่สุด ๆ ของ i5 คือ สามารถเล่นเกมในรถผ่านหน้าจอระบบแพลตฟอร์ม AirConsole ระหว่างรอทำธุระหรือชาร์จไฟฟ้าในรถ ได้ โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ เกม เพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ดบนจอก็เล่นเกมได้ ซึ่งหลังจากที่ได้ทดลองนั้น จุดที่จัดกิจกรรมระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่เสถียรพอ จึงทำให้โหลดข้อมูลนานกว่าปกติ แต่โดยรวมแล้ว ก็เป็นอีกลูกเล่นนึงให้เจ้าของรถมีอะไรทำคั่นเวลาในระหว่างนั่งรอในรถนั่นเอง
สรุปพี่น้องตระกูล "i"
BMW i นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ตอบโจทย์ทั้งด้านความประหยัด ความแรง และรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยกระบวนการผลิต วัสดุ ต่าง ๆ และการจัดระบบการใช้พลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ให้คุ้มค่ามากที่สุดใน โดยทางบีเอ็มดับเบิ้ลยู เน้นว่า ใน i5 นั้น มีอัตราการใช้พลังงานที่ต่ำเทียบเท่ารุ่น i4 ด้วยซ้ำ แม้จะเป็นคันใหญ่กว่า แต่ก็ใช้พลังงานคุ้มค่าด้วยเช่นกัน
ในกิจกรรมครั้งนี้เหมือนเป็นการ ให้ลองขับขี่ใช้งานระบบที่โดดเด่นต่าง ๆ ของรถยนต์ BMW i ทั้งความแรง การทรงตัว ระบบช่วยเหลือต่าง ๆ และ ความสนุกของการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนที่ไม่ละทิ้งความมันเช่นเดียวกับใน "เครื่องยนต์สันดาป" เลยครับ
ใครสนใจไปทดลองขับ หรือร่วมกิจกรรมของ BMW ได้ที่โชว์รูมทั่วประเทศครับ ส่วนตัวแล้วหลังจากได้ลองขับครั้งนี้บอกเลย ชอบ
BMW i7 xDrive60 M Sport มากที่สุด เพราะว่าได้ทั้งความหล่อหรู แรง นุ่มนวลและคล่องตัวขับง่ายอีกด้วยครับ