GURU Ratings : 8.5 /10
คุ้มไม่คุ้ม เช็กก่อน!
All New GWM TANK 300 ULTRA HEV รถลุยรูปร่างแปลกด้วยซุ้มล้อขนาดใหญ่ โดยทริปนี้เป็นรุ่นท็อปราคา 1,799,000 บาท กันชนหน้าทรงหน้าไฟหน้ากลมคลาสสิกผสมเทคโนโลยีเต็มคันพลังเบนซินเทอร์โบผสานระบบไฮบริดที่ช่วยเพิ่มพลังขึ้นไปอีกรวมทั้งระบบประมาณ 350 แรงม้า แรงบิดประมาณ 600 นิวตันเมตร บวกเกียร์ 9 สปีดขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อสมรรถนะที่มันสนุกและลุยได้สบาย ๆ
จุดเด่น จุดสังเกต ทรงออฟโรดแท้ พลังเบนซินเทอร์โบไฮบริด 300 กว่าแรงม้า 4 โหมดออฟโรด 7 โหมดขับขี่ ยาง A/T พร้อมลุย ระบบปลอดภัยเต็มคัน ระบบกลับรถในที่แคบ Tank turn กล้อง 360 และแสดงภาพใต้ท้องรถ รูปทรงคล้ายรถหลายรุ่น อัตราสิ้นเปลืองยังไม่ประทับใจ เกียร์มีเสียงดังเวลาเปลี่ยนหรือใช้งานระบบออฟโรด ขับเร็วช่วงล่างโยน ฟังก์ชันปรับน้ำหนักพวงมาลัยไม่จำค่าที่ตั้งว้ก่อนหน้า ที่วางแก้วน้อยไป<
VIDEO
All new GWM TANK300 ULTRA HEV เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร เป็น
flat torque ในช่วง 1700 – 4000 รอบต่อนาทีทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้าและแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร ระบบเกียร์แบบ 9 สปีดที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายของรถยนต์ไฮบริดรองรับการขับขี่ที่หลากหลายพร้อม และช่วงล่างหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม ระบบกันด้านหลังแบบมัลติลิงก์และดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
สมรรถนะการขับขี่ในเส้นทางเรียบทั่วไป สมรรถนะเร่งดีทันใจ มีรอรอบบ้างในบางจังหวะที่คิกดาวน์ แต่เมื่อลอยลำไปแล้วสมูทราบรื่น ช่วงล่างความเร็วต่ำแข็งและดีดเล็กน้อย แต่ความเร็วสูงนุ่มจนออกอาการโยน ด้วยความสูงของตัวรถ และแก้มยาง A/T ที่สูงจึงยิ่งทำให้รถโยนตัวมากขึ้น
พวงมาลัยปรับน้ำหนักได้แต่ก็ยังเบา แม้จะปรับไปที่สปอร์ตแล้วก็ตาม และจะเปลี่ยนตามโหมดขับขี่อัตโนมัติ เช่น นอลมอล-สบาย อีโค่-เบา สปอร์ต-สปอร์ต แต่ถ้าเราเลือกเปลี่ยนน้ำหนักพวงมาลัยเอาไว้เองเมื่อดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ยังไม่จำค่าที่ตั้งไว้ จะกลับไปที่โหมดเดิมตามค่าโรงงาน ซึ่งตรงนี้อาจจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมหลังจากนี้
ช่วงล่างเน้นนุ่มนวลนั่งสบาย เก็บเสียงดีกว่าที่คิด เสียงลมน้อยถ้าไม่เกิน 120 กม./ชม. ส่วนเสียงยางหอนเบา ๆ ไม่ถึงกับรำคาญ นับว่าเก็บเสียงดีแม้จะใช้ยางแบบออฟโรดดอกใหญ่ขนาดนี้ เมื่อนั่งหลังยิ่งรู้สึกว่าไม่แตกต่างจากรถยุโรปที่หลายคนบอกว่านุ่มสบายที่สุดใน PPV เมืองไทย แต่ขับเร็วและเปลี่ยนเลนต้องระวังครับ จะมีอาการโยนมากกว่าเยอะ
OffRoad 7 โหมด
โหมดการขับขี่สูงสุดถึง 7 รูปแบบ อาทิ โหมดปกติ โหมดสปอร์ต โหมดประหยัด โหมดพื้นหิมะ โหมดพื้นโคลน โหมดพื้นทรายและโหมด 4L ระบบออฟโรดแบบจัดเต็ม 4 โหมด ทราย โคลน หิมะ ทำให้ขับในเส้นทางออฟโรดได้สบาย ๆ และระบบ Tank turn กลับในที่แคบบนทางโคลน ระบบควบคุมความเร็วต่ำ 4 - 12 กม./ชม. ให้ขับผ่านอุปสรรคได้โดยอัตโนมัติตามความเร็วที่ตั้งไว้ได้ง่ายมาก ๆ แม้ไม่มีสกิลในการขับออฟโรดมาก่อน
เส้นทางออฟโรดที่ได้ขับขี่ทดสอบราว ๆ 10 กม. แต่ก็ถือว่ามีความยากระดับ 2 - 3 เพราะอากาศแห้ง ซึ่งถ้ามีฝนตกจะกลาบเป็นระดับ 6 - 7 เลย เพราะเป็นการปีนหิน กรวด และโคลนลื่น ๆ ขับลัดเลาะเข้าไปในป่าที่มีทางแคบ ๆ เจ้า TANK 300 นับว่าคล่องตัวและขับผ่านไปอย่างง่ายดาย ไม่ต้องใช้ทักษะมากนัก โดยเฉพาะมีสื่อบางท่านที่ไม่เคยขับออฟโรดมาก่อน ยังสามารถขับผ่านไปได้สบาย ๆ
โหมดจำเป็นในการเข้าป่า
การขับเข้าป่าเส้นทางมักเป็นโขดหินสูงสลับต่ำไปมาบ้าง หรือพื้นกรวดทรายลื่น ๆ ยิ่งมีฝนตกยิ่งลื่นและอันตรายต้องใช้ทั้งทักษะและระบบที่รถมีให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ใน Tank 300 มีระบบช่วยเหลือให้แบบครบ ๆ โดยที่คนขับอาจไม่ต้องมีทักษะมาก ๆ ก็สามารถขับผ่านไปได้ (ขึ้นกับแต่ละพื้นที่ด้วย) โดยการใช้โหลดออฟโรด ปรับเกียร์ว่างตำแหน่ง (N) ปรับปุ่มเลือกโหมดไป 4L จากนั้นรอสัญญาณตอบรับการเปิดใช้งานบนหน้าปัด จากนั้นก็สามารถลุยเข้าป่าได้ทันที
การใช้โหมด 4L จะทำเครื่องยนต์ใช้รอบสูง ๆ เพราะทดอัตราเกียร์และเฟืองท้ายให้มีกำลังมากขึ้น จึงไม่ควรขับเร็วเกินไป แต่เมื่อถึงทางปกติก็ให้ปลดออก เพื่อเป็นการถนอมระบบขับเคลื่อน และในการทดสอบครั้งนี้สภาพพื้นที่แห้งจึงขับได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ระบบดริฟท์ล็อกแต่อย่างใด แม้จะมีมาให้แบบทั้งหน้าและหลัง แต่ด้วยเส้นทางแห้งแบบนี้ผ่านได้สบายครับ
ช่วงล่างที่นุ่มนวลจนออกโยนโคลงบนทางเรียบกลับดีมาก ๆ ในทางฝุ่น หรือ ออฟโรดนี่เอง เพราะอาการโคลน โยน เหวี่ยง เมื่อขับขี่ผ่านโขดหินต่าง ๆ มีน้อยและให้ความสมูท ไม่กระชาก ไปมา ทำให้คนขับควบคุมรถได้ง่าย คนนั่งก็ไม่มึนหัวมากนัก ถือว่าเหมาะสมกับทางแบบนี้มาก ๆ
TANK TURN ระบบกลับรถแคบลงเกือบ 1 เมตร!
ปุ่มรูป (รถ/ลูกศรกลับรถ) ซ้ายล่างสุด ระบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใครใน GWM TANK 300 คือ ระบบกลับรถในที่แคบ บทความทางออฟโรด ในระหว่างขับในป่า อาจเจอทางที่ไปไม่ได้ จำเป็นต้องกลับรถ ระบบนี้จะช่วยลดวงเลี้ยวให้แคบลงจากเดิมเกือบ ๆ 1 เมตร เพื่อให้กลับรถได้ง่าย โดยอยู่ในโหมด 4L กดปุ่ม "Tank Turn" หักพวงมาลัยทิสทางที่จะเลี้ยวให้สุด แล้วปล่อยเบรก โดยไม่ต้องเติมคันเร่ง รถจะออกตัวไปและใช้ระบบเบรก "ล็อกที่ล้อหลังฝั่งด้านในโค้งเอาไว้เป็นจังหวะเพื่อเป็นจุดหมุน" ส่วนอีก 3 ล้อที่เหลือจะหมุนปั่นไปเรื่อย ๆ ทำให้วงเลี้ยวแคบลง และระบบนี้ใช้เฉพาะในทางลื่น โคลน ทราย เท่านั้น ห้ามใช้บนทางเรียบ ๆ ปูน หรือยางมะตอย เพราะจะทำให้ระบบเสียหายได้
อัตราสิ้นเปลืองระดับกลาง ๆ ไม่ประหยัดมากแต่ก็ได้ไม่กินดุตามความแรงมากนัก ด้วยพลังกว่า 300 แรงม้า แรงบิดระดับ 500-600 นิวตันเมตร ลากตัวรถขนาด 2 ตันนิด ๆ ให้เร่งได้ทันใจ โดยมีตัวเลขเฉลี่ยราว ๆ 9 - 10 กม./ลิตร ขึ้นไป ถือว่ารับได้เมื่อแลกกับความแรงที่มีให้ตามสั่ง
ความสะดวกสบายระดับพรีเมียม
ความสะดวกสบาย หน้าจอมาตรวัดขนาดใหญ่ ขนาด 12.3 นิ้ว จอสัมผัสกลางไหลลื่นใช้งานง่าย พร้อมเชื่อมต่อ Alpple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย ปุ่มแอร์แยกออกมาจากจอแล้วใช้งานง่าย ไฟเลี้ยวปรับมาไว้ทางขวา หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว ลำโพง Infinity 8 ตำแหน่ง พร้อมซับวูฟเฟอร์ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ที่พวงมาลัยและนาฬิกาแบบคลาสสิก
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5 และ Ionizer ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เบาะคนขับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มีเป่าลม นวด หนัง NAPPA พร้อมระบบ Memory Seat และระบบ Welcome Seat เพื่อความสะดวกสบายในการขึ้น-ลงจากรถ เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง เบาะหลังเอนหรือพับแบนราบได้ ซันรูฟ การตกแต่งห้องโดยสารด้วย Ambient Light
เบาะแถวสองกว้างมีมือจับด้านข้างขึ้นลงสะดวก มีพื้นที่เหลือ เบาะนั่งสบาย สามารถปรับพนักพิงหลังได้ 2 ระดับ มีที่วางแขนช่องวางแก้วน้ำ แต่ข้างประตูวางแก้วน้ำไม่ได้เพราะแคบ และเมื่อปิดประตูจะติดขอบเบาะนั่งพอดี แอร์ตอนหลังเย็นสบาย
มาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ตกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้วรถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่ ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้ กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัดระดับ Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์ ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
สรุปความคุ้มค่า
All new TANK300 Ultra HEV รถอเนกประสงค์ SUV เทคโนโลยีการขับขี่มากมาย ระบบออฟโรดเทียบเท่ารถระดับหลายล้าน สมรรถนะแรงสะใจ ประกอบไทยราคา 1,799,000 บาท ด้วยการลงทุนตั้งโรงงานและเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง ได้ระบบเยอะเท่ารถยุโรปพรีเมียมสายลุย ขับนุ่มนวลกว่ารถ SUV/PPV และลุยได้ไม่แพ้รถปิคอัพ 4X4 น่าจะตอบโจทย์คนเมือง เจ้าของกิจการ เข้าป่าเข้าสวนได้ดีเลยครับ
ใครอยากได้พรีเมียมออฟโรดยุโรป L หรือ รุ่น BRO...จากค่าย F หรือ ต้องการใช้งานฟังก์ชันบางอย่างต้องมีในรถหรูระดับ 3 - 4 ล้านบาทขึ้นไป แต่งบประมาณไม่สูงเกินจำเป็น หรือต้องการความนุ่มสบายและออปชั่นจัดเต็มเกินรถระดับเดียวกัน
All GWM TANK 300 HEV อาจเป็นคำตอบที่น่าสนใจและตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งานมากที่สุดก็ได้ครับ สุดท้ายต้องไปลองขับ สัมผัสคันจริงดู ก่อนตัดสินใจ!
รุ่นและสีรถยนต์
สีรถภายนอก : มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีส้ม ใหม่, ดำ เทา และขาว สีรถภายใน : สีดำ (ลักษณะของเบาะจะแตกต่างกันในรุ่น รุ่น ULTRA และรุ่น PRO)