ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

เดือด!...รถยนต์ B-SUV มาแรง 5 รุ่น คันไหนเหมาะกับใครแบบไม่อวย!

icon 18 ต.ค. 66 icon 8,077
เดือด!...รถยนต์ B-SUV มาแรง 5 รุ่น คันไหนเหมาะกับใครแบบไม่อวย!
รถยนต์ใหม่ในสไตล์ SUV กำลังมาแรง โดยเฉพาะ 5 รุ่นสุด HOT ในระดับราคาไม่เกิน 9 แสน ที่น่าสนใจและมีจุดขายที่ดีและด้อยแตกต่างกันไป จนทำให้หลายคนทั้ง ลังเล ไม่มั่นใจ เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ "ตั้งสติ" แล้วคิดถึงความต้องการความจำเป็นและความเหมาะสมกับตัวเองว่าจะซื้อรุ่นไหน เพื่ออะไร ต้องการใช้งานในแบบไหน เน้นจุดเด่นด้านไหนของรถนั้น ๆ หรือว่างบประมาณเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังต้องดูกันยาวในส่วนของบริการหลังการขาย การบำรุงรักษา ที่ตามมาอีกด้วย
 
ในบทความนี้แม้ว่าจะไม่ใช่ความคิดเห็นทั้งหมด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ที่ได้สัมผัสรถยนต์ จากความคิดเห็นในหลายแง่มุมในสังคมโซเชียวและเพิ่มความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเข้าไป ให้ผู้อ่านได้ลองประเมินดูว่าคันไหนรุ่นใด ถึงจะเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ไม่ใช่ซื้อเพราะ "กระแส" แรงเพียงอย่างเดียวต้องมาพร้อม "เหตุและผล" ด้วยครับ โดยรถที่เข้ารอบในครั้งนี้อยู่ในกลุ่มขนาดตัวรถ รูปแบบ ราคาที่ใกล้เคียงกัน และไม่ลงลึกถึงรายละเอียดสเปคข้อมูลทุกรุ่นย่อย แต่จะเน้นเรื่องการตอบสนองการใช้งาน จุดเด่น จุดด้อยและควรปรับปรุงในแบบ "ความจริงในใจ" และ "ไม่อวย"
 

All new Toyota Yaris Cross HEV ราคา 789,000 - 899,000 บาท

 
All new Toyota Yaris Cross นับเป็นรถใหม่ล่าสุดที่มาแบบเหนือความคาดหมาย มาพร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์ไฮบริด เน้นประหยัดน้ำมันกว่า 26.3 กม./ลิตร (จากโรงงาน) จากประสบการณ์แล้วเมื่อแล้วขับขี่จริง มีโอกาสทำตัวเลขนี้ได้จริง แต่!.. ต้องปั่นคันเร่งและถนนโล่งวิ่งยาว ๆ ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.  หรือไม่ติดหรือติดไฟแดงได้เล็กน้อยอาจจะพอเป็นไปได้ ส่วนใครที่ขับแบบทั่ว ๆ ความประหยัดยืนพื้นอยู่ในช่วง 20 กม./ลิตร เพราะรถที่มีความเล็กว่าโคโรลล่า ครอส หรือใกล้เคียงกับ C-HR ตัวเลขระดับนี้สบาย ๆ เลยครับ 
 
 
สมรรถนะโดยรวม (ยังไม่ทดลองขับ) จากขุมพลัง 1.5 ลิตร ไฮบริด กำลังรวม 111 แรงม้า แต่แรงบิดทั้ง 2 ระบบที่ไม่มีตัวเลขเป็นทางการ แต่คาดว่ามีให้ใช้งานในช่วงขณะหนึ่งเพื่อออกตัวหรือเร่งแซงราว ๆ 190 - 200 นิวตันเมตร คาดว่าจะให้สมรรถนะอัตราเร่งที่ใกล้เคียงรถเครื่องยนต์ 1.6 - 1.8 ลิตร NA ระบบช่วงล่างยังไม่อิสระ 4 ล้อ แต่ได้ดิสก์เบรก 4 ล้อ มาครบทุกรุ่นย่อยก็นับว่าใช้ได้ดี    
 
 
ภายในนับว่ากว้างขวางโปร่งสบายเกินคาด เบาะใหญ่นั่งสบายสัมผัสนุ่มพอตัว ในส่วนของออปชั่นเกินมาตรฐานที่ให้มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น การออกแบบภายในในบางจุดดูลงตัวบางจุดดูไม่ค่อยเข้ากับความทันสมัย ยังมีความ "โบราณ" ผสมผสานอยู่บ้าง อย่างเช่น คอนโซลหน้าที่เน้นความเหลี่ยมมากไปยังดูขัดลูกตาแปลก ๆ ยังไม่ล้ำสมัยสักเท่าไหร่ หนังหุ้มพวงมาลัยบางและแข็งไม่ค่อยนุ่มมือนัก วิสัยทัศนเมื่อเข้าไปนั่ง เสาหลังทั้ง 2 ข้างยังบังสายตา เหมือใน โคโรลล่า ครอส โดยนวมแล้ว ภายนอกดู "หน้าบึ้ง" ภายในแอบเชย ๆ โบราณเล็กน้อย แต่ยอมรับว่าในออปชั่นมาแบบ "กลบ" ข้อด้อยไปได้เยอะเลย เช่นหลังคาพาโนรามิค ประตูท้ายไฟฟ้า หรือช่องแอร์หลัง เป็นต้น 
 
All new Toyota Yaris Cross HEV เหมาะกับผู้ต้องการความมั่นใจ ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงหรือเสี่ยงในการลงทุน เน้นบริการหลังการขาย ราคาขายต่อ การใช้งานที่คุ้มค่า และสดใหม่ที่สุดในกลุ่มรถระดับนี้ เป็นกลุ่มคนที่ต้องการขยับไซต์รถหรือเซกเมนท์จากรถเล็กขึ้นมาใช้ SUV หนี้น้ำท่วม ลุยอุปกรณ์ได้ดีกว่ารถเก๋ง ประหยัดน้ำมันหรือประหยัดค่าเดินทางได้ไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้าล้วน แต่สำหรับสายโมดิฟายด์ต่อยอดเครื่องยนต์อาจต้อง "ตัดใจ" เพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหรือแทบจะเป็นไม่ได้เลย โดยเฉพาะหากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับระบบเครื่องยนต์ การรับประกันระบบไฮบริดขาดทันที ยกเว้นใครที่ไม่สนใจก็อาจต้องลองปรึกษาสำนักแต่งที่มีประสบการณ์ดู ซึ่งก็นับว่ายังยากอยู่ดีสำหรับการโมดิฟายด์รถยนต์ไฮบริด สรุปว่าในตอนนี้ Yaris Cross HEV น่าจะเหมาะกับการ "จัดทรง" เท่านั้น
ข้อมูล Yaris Cross HEV

Honda WR-V ราคา 799,000 - 869,000 บาท

 
Honda WR-V ว่ากันด้วยรถยนต์ที่กลายเป็นจุดอ่อนสุด ๆ ของค่าย "H" ทั้งที่ตัวรถเองก็มีจุดเด่นคือ ยกสูงใต้ท้องสูงสุด 220 มม. รูปทรงพร้อมลุย อุปกรณ์ภายนอกทันสมัยพอตัว ให้ความอเนกประสงค์กับไลฟ์สไตล์สายลุย ขุมพลังที่ยังคงความเป็นเบนซินล้วน ๆ ที่เหลือไม่กี่เจ้าในตลาดบ้านเราขนาด 1.5 ลิตร 121 แรงม้า นับว่าขับสนุกพอตัวและให้ความประหยัดแบบ "งงๆ" กับตัวเลขที่ใช้งานจริงราว ๆ 16 - 18 กม./ลิตร นับว่าเกินคาดจากมิติและขนาดรถระดับนี้ ที่คู่แข่งเบนซินล้วนพิกัดเดียวกันทำได้ไม่ถึง 14 กม./ลิตร หรืออาจจะต่ำกว่านั้น
 
 
สมรรถนะต้องยอมรับว่า หากไม่เทียบเคียงกับเหล่า "ไฮบริดทั้งหลาย" นับว่าแรงพอตัวในรถระดับนี้ แม้จะมีอาการหนืด ๆ รอบรอบตอบสนองช้า ๆ ชิว ๆ บ้าง แต่ก็เป็นปกติของรถใหญ่เครื่องเล็ก แต่ด้วยความที่โลกปัจจุบันเคยหันไปเพิ่งพามอเตอร์ไฟฟ้ากันหลายรุ่นแล้ว WR-V จึงกลายเป็นรถที่ถูกมองข้ามไป  แต่ถ้าเป็นสายต่อยอดความแรงต้องบอกเลย ไม่ควรมองข้าม เพราะนับเป็นรถที่สามารถจะนำไปปรุงแต่งเพิ่มเติมสมรรถนะได้อีกเยอะ โดยอาจจะไม่เน้นเรื่องรับประกันชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพราะอะไหล่หลายชิ้นยังใช้ร่วมกับใน BR-V หรือแม้แต่ Jazz เพราะเรื่องยนต์พื้นฐานเดียวกันครับ  
 
 
ภายในดูอึดอัดและแคบกว่าที่คิด เบาะนั่งสั้นและเล็กผิวสัมผัสแข็ง ๆ หน่อย มาถึงออปชั่นและวัสดุตกแต่งภายในรถต้องบอกเลยว่า "ยังไม่ประทับใจเท่าไหร่" งานประกอบหรือชิ้นส่วนวัสดุต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารนั้นยังไม่ค่อยลงตัว คอนโซลหน้ามีความ "โบราณ" ย้อนยุคถอยหลังไปไกล เบรคมือ "ดึง" ของอนุรักษ์นิยม ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งที่แทบจะเป็นไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว รวมถึงการออกแบบที่มีความมนโค้งสลับสีสันสวยงามทันสมัยแบบ "มิลเลเนี่ยม" แต่อย่างน้อยมีออปชั่นที่ทันสมัยยกมาจากรุ่นอย่าง Civic, Accord และ CR-V นั่นคือ HondaSensing แต่! ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนติดอยากโดยเฉพาะเมื่อใช้ IOS ไม่มีกล้องรอบคันและ Honda Lanwacth ที่ให้ภาพชัดแบบมัว ๆ และระบบเตือนมุมอับสายก็ไม่ยอมให้มาสักที เมื่อเทียบกับค่าตัวระดับนี้ของมันต้องมีแล้วครับ 
 
Honda WR-V เหมาะกับผู้มั่นใจในแบรนด์ ยังหลงไหลความเป็นเครื่องยนต์เพียว ๆ ชอบเสียงหรืออาการของการเร่งออกตัวในแบบมัน ๆ นอกจากนี้ยังนำไปตกแต่งเพิ่มเติมสมรรถนะได้ง่าย อะไหล่เพียบ การดูแลง่ายไม่ยุ่งยากและไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อม หมดอายุ โดนกระแทกเสียหาย และที่สำคัญค่าประกันภัยต่ำกว่ารถไฮบริดที่เก็บสูงเทียบเท่าเลทเดียวกับรถ EV เลยครับ (ดูรีวิว)
 

Nissan Kicks e-POWER ราคา 779,000 - 979,000 บาท

 
สำหรับนิสสัน คิกส์ต้อง ขอชมเรื่องการรวมสมรรถนะขับเคลื่อนแบบรถยนต์ EV ล้วน เพียว ๆ แต่ไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าตามตู้ชาร์จจากเทคโนโลยี e-POWER แค่เติมน้ำมันใส่เครื่องปั่นไฟขนาด 1.2 ลิตร ก็ขับได้ทั่วไทยเหมือนรถน้ำมันปกติเลย ข้อดีคือ แน่นอนว่าคุณจะอัตราเร่งเร้าใจ ได้ความมันสนุกในการขับขี่ ขึ้น-ลงดอย ไม่ต้องกลัวแรงตก แซงไม่ต้องรอรอบ ถือว่าให้อัตราเร่งดีที่สุดในรถกลุ่มนี้ก็ว่าได้ และยังให้ความประหยัดแบบรถยนต์ไฮบริดระบบ Series-Hybrid แต่ข้อเสียคือ แม้จะเป็นไฮบริด แต่ถ้าวิ่งทางไกลยาว ๆ กลับกินน้ำมันกว่ารถที่ใช้ระบบ Full Hybrid จากประสบการณ์จริง วิ่งยาว ๆ ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ทำได้สูงสุด 24 - 25 กม./ลิตร ถ้าเหยียบมากกว่านั้นก็จะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
 
 
สมรรถนะจากพลังมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ๆ กำลัง 136 แรงม้า แต่แรงบิด 280 นิวตันเมตร ไม่มีเครื่องยนต์ช่วย (หน่วง) ทำให้มีอัตราเร่งจัดจ้าน ไม่รอรอบพร้อมพุ่งตลอดเวลา ยกเว้นถ้าขับขึ้นเขาหรือทางชันติดต่อกันนานหลายชั่วโมงก็อาจมี หนืด ๆ บางเพราะแบตฯ ไม่เพียงพอและรอเครื่องยนต์ปั่นไฟเข้ามาช่วย แต่โดยรวมแล้วนับเป็นรถที่ขับสนุกที่สุดในกลุ่มนี้ แถมด้วยระบบคันเร่งเดียว (e-Paddle Step) ช่วยควบคุมคันเร่งและชะลอความเร็ว โดยไม่ต้องขยับเท้ามาแตะเบรกเลย เว้นต้องจอดสนิทเท่านั้น (ความต่ำกว่า 10 กม./ชม.) ช่วงล่างอาจจะตึงตังที่ความเร็วต่ำแต่โยนตัวความเร็วสูง ๆ เป็นธรรมดาของรถยกสูง เดิม ๆ จากโรงงานฉบับรถบ้าน ระบบเบรกดีเพียงพอใช้งานเพราะมีระบบหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเข้าไปอีกที และทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในเมืองรถติด ๆ 22++ กม./ลิตร (กรณีล้อเดิมรถเดิม ๆ ทุกอย่าง) รถติดแบบหลวม ๆ ก็แล้วแต่น้ำหนักเท้าอยู่ที่ราว ๆ 20 - 22 กม./ลิตร แต่ถ้าใช้ความเร็วก้อาจจะลดลงบ้างตามน้ำหนักเท้าอีกเช่นกันครับ 
 
 
ภายในค่อนข้างแคบและเล็ก เบาะนั่งสั้นแคบผิวสัมผัสแข็ง ท่านั่งปรับให้พอดียาก แม้พวงมาลัยจะปรับ 4 ทิศทางหรือเบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้ก็ตาม ก็ยังปรับให้พอดียาก การออกแบบถือว่ากลาง ๆ ร่วมสมัยระหว่างเกือบใหม่และโบราณ แต่มองนาน ๆ ไม่ค่อยเบื่อ และมีปุ่มต่าง ๆ ที่ใช้งานแบบเรียบง่าย ไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่นัก ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนรวดเร็วและง่ายมาก ๆ กล้องรอบคันที่ภาพมัว ๆ แต่ก็ยังพอมองเห็นได้ในที่มืด วิสัยทัศน์ด้านหน้าและข้างดีมองง่าย แต่ด้านหลังช่วงกระจกแคบมีมุมอับเยอะ ระบบการเข้าตำแหน่งเกียร์ใช้ยาก ต้องกะให้พอดี และยิ่งการจอดเกียร์ว่างต้องมีท่องจำ "สูตรในเกียร์ N" ในการใช้งาน ไม่มีช่องแอร์ด้านหลัง 
 
 
Nissan Kicks e-POWER เหมาะกับคนที่ชอบสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน การขับเคลื่อนจากมอเตอร์ที่เร่งทันใจ เงียบขับสนุก แต่ว่าขี้เกียจต้องมาเสียบสายชาร์จ ติดตั้ง Wall Charger หรือไม่สะดวกสวกในการใช้งานเวลาต้องขับทางไกล ๆ คิกส์ทีแหละตอบโจทย์มากที่สุด ขับฟิวไฟฟ้า มีเครื่องปั่นไฟติดไปด้วยเติมน้ำมันจบ! (รีวิว)
 

Haval Jolion HEV ราคา 799,000 - 999,000 บาท 

 
Haval Jolion HEV สิงโตรุ่นนี้มีจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งในกลุ่มนี้ก็คือความ "ใหญ่โต-กว้างขวาง" เกือบจะเท่ากับรถในระดับ C-segment แล้ว ยังมีออปชั่นเยอะสำหรับรุ่นท็อปสุดอีกด้วย และอาศัยหน้าตารูปร่างที่ดูหรูหรูพรีเมี่ยมเบา ๆ ทำให้สะดุดตาใครหลายคน จนได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่ารถ "ในกระแส" เท่าไหร่นัก โดยพื้นฐานของตัวรถที่ใหญ่นี้คือจุดแข็งของ Jolion ที่ยังคงเหลือเหลือ เพราะว่า "ระบบไฮบริดหรือ HEV" ของน้องนั้่น "เน้นเพื่อให้สมรรถนะการขับขีที่ดีขึ้น แรงขึ้น (ซึ่งก็แรงจริง ๆนะ) แต่อาจจะทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองไม่เท่ารถยนต์ไฮบริดจากค่ายญี่ปุ่น 
 
สมรรถนะเน้นความสนุกในการขับขี่ เพราะว่าเดิมทีถ้าจะมาในขุมพลัง 1.5 ลิตร NA ก็อาจจะไม่พอกับน้ำหนักตัว ส่วนจะเป็นเครื่องยนต์ 1.8 หรือ 2.0 ลิตร ก็จะยิ่งกินดุเดือด เลยใช้การเพิ่มพลังแบบ "ทางลัด" ที่มีรถร่วมค่ายถนัดอยู่แล้วคือการนำมอเตอร์ไฟฟ้ามีเป็นส่วนช่วยเพิ่มพลังกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จึงทำให้ Jolion HEV มีกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร คันนี้ขับสนุกมากขึ้น เร่งทันใจ และให้ความประหยัดดีกว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบอย่างแน่นอน แต่ว่าถึงแม้จะเป็นระบบไฮบริด แต่กลับไม่ได้ให้ความประหยัดในระดับที่รถไฮบริดคู่แข่งทำได้เกิน ซึ่งก็เข้าใจว่าต้องการพลังงานไฟฟ้ามาช่วยเสริมเครื่องยนต์ให้สมรรถนะดีขึ้น ระดับความประหยัดจึงลดลง แต่เท่าที่เคยลองขับต่ำสุด 12 กม./ลิตร แต่มากสุดเคยได้ถึง 15 กม./ลิตร ถ้ามองว่ารถตัวใหญ่สุดในกลุ่ม อัตราสิ้นเปลืองระดับกลาง ๆ ก็น่าจะพอเข้าใจได้ครับ เว้นแต่ต้องการประหยัดสุด ๆ ก้จะต้องตั้งใจขับให้เนียน ๆ หรือวิ่งทางไกลยาว ๆ เป็นต้นครับ แต่สำหรับรู้สึกว่าแม้จะไม่ประหยัด แต่ได้เรื่องอัตราเร่งจัดจ้าน เหยียบติดเท้ามีรอรอบบ้างเล็กน้อย ระบบช่วงล่างดี พวงมาลัยคมกระชับ ก็น่าจะชดเชยได้บ้าง 
 
 
ภายในนับว่าใหญ่กว้างโปร่งสุดในกลุ่มนี้ อุดมไปด้วยสีครีม ส่วนรุ่นสปอร์ตก็ดำมึดกันไปเลย การดีไซน์ก็จะออกไปทางหรูหรากว่าใคร โดยรวมแล้วส่วนตัวชอบเรื่องความใหญ่โตนี่แหละครับ แต่ถ้าใครซื้อรุ่น Sport อาจจะไม่ปลื้มนักเพราะว่าถูกตัดออปชั่นทิ้งไปหลายตัวเลย ยังดีที่มีกล้องมองขณะถอยหลังมาให้ (ฮา) มีช่องแอร์หลัง ท่านั่งขับ (เกือบ) สบายขาดแค่พวงมาลัยปรับใกล้-ไกลไม่ได้ มีระบบล็อคความเร็งคงที่ ได้เบาะนั่งขับปรับไฟฟ้าใหญ่ซัพพอร์ตดี ไม่อึดอัด เครื่องแรงใช้ได้ขับสนุกทันใจ ส่วนเรื่องประหยัดเป็นรองคู่แข่งแบบไม่ต้องลุ้นเลยครับ   
 
Haval Jolion HEV เหมาะกับผู้เน้นความ "ใหญ่สุดคุ้ม" กว้างขวางนั่งสบาย มีพื้นที่เหลือใช้งานเยอะ ดีไซน์แปลกไปจากรถกลุ่มนี้ เน้นความหรูหราหรือใครชอบดุดันก็ไปรุ่น Sport ที่ออปชั่นน้อยลงหน่อย แต่ยังให้อารมณ์ขับขี่ที่สนุก แรงสั่งได้ตามเท้า ช่วงล่างดี ยิ่งใครชอบขับรถเดินทางบ่อย อาจจะถูกใจสิ่งนี้ก็ได้ครับ แม้ว่ารุ่นที่ให้ของครบจะเข้าใกล้ล้านก็ตาม ส่วนใครขอขับสนุก ๆ อย่างเดียวก้เลือกรุ่น Sport ครับไม่ต้องวุ่นวายกับระบบไม่เสี่ยงระบบรวนอีกด้วย   
 

MG VS HEV ราคา 859,000 - 919,000 บาท

 
MG VS HEV รถนอกสายตาใครหลายคน ทั้งที่ความจริงเป้นที่มีออปชั่นจัดเต็มและสมรรถนะดีไม่แพ้คันอื่นหรือ อาจจะขับสนุกว่ารถที่เป็นไฮบริดกลุ่มนี้ (เว้น Kicks e-POWER) จุดเด่นคือควาเป้นไฮบริดที่เน้น "มอเตอร์ไไฟ้าเสริมความแรง" อีกหนึ่งรุ่น เพราะจากที่เคยใช้เบนซิน 1.5 ลิตร อาจจะไม่ทันใจวัยรุ่นนัก จึงปรับเป้นเครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปแทนที่ เพื่อเน้นการขับขี่ที่สนุกเร่งทันใจกว่า โดยอาจจะลืมไปว่า เรื่องประหยัดก็ยังเป็นรองคู่แข่งอยู่ (อัตราสิ้นเปลืองพอกับ Jolion) 
 
 
สมรรถนะของ 1.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้าก้ยังคงเน้นความแรงแทนการใช้ หอยนั่นเองทำให้เพิ่มพลังแบบดิจิตอลได้เป็น 177 แรงม้า ส่วนแรงบิดไม่แจ้งเป็นทางการแต่เฉลี่ยนทั้งระบบราว ๆ 300 กลาง ๆ นิวตันเมตร ซึ่งเมื่อลองขับจะรู้เลยว่า คันเร่งมาตึงเท้ามาก ๆ แม้ช่วงเร่งออกตัวหรือคิกดาวน์แซงบางครั้งยังมีอาการ "รอ" อยู่บ้าง แต่พอระบบทำงานเท่านั้นแหละครับ พุ่งพรวดจนยั้งไม่อยู่เลยจริง ๆ ซึ่งผู้ขับขี่ต้องเรียนรู้นิสัยพอสมควร เพื่อให้ขับได้สมูทและปลอดภัยมากขึ้น ส่วนช่วงล่างอยู่ในระดับกลางทั่วไป คือ นุ่ม โยนเล็กน้อย เน้นการเดินทางสะดวกสบายและเร่งแซงได้ทันใจเป้นหลัก และก็เป็นรุ่นให้ระบบความปลอดภัยต่าง ๆมาเยอะพอตัวเลย ถือว่าแม้รุ่นเริ่มต้นราคา 859,00 บาทก็ยังมีของเล่นให้ใช้งานเยอะอยู่นะ "น้องโจฯ!!"  
 
 
ภายในดูคุ้มต่าเพราะใช้พื้ฐานจาก MG ZS แต่ปรับเปลี่ยนแผงคอนโซลใหม่ ให้เป็นรุ่น VS โดยเฉพาะจอขนาดใหญ่ยาวเชื่อมเป้นอันเดียวกัน และดิสเพลย์ก็ใช้ร่วมกับใน MG HS PHEV ทันสมัยไม่น้อย การออกแบบดดยรวมแล้วยังพยายามให้ดูแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆในแพรตฟอร์มเดียว ตกตแต่งให้ดูไอเทคและทันสมัยอวกาศนิด ๆ เบาะนั่งปรับไฟฟ้า และนั่งได้สบาย แต่จะเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย จึงไม่ค่อยคุ้นเคยนัก ออปชั่นมีให้ใช้ครบถ้วนไม่แพ้ใคร และได้ i-SMART​ ทุกรุ่นด้วย แต่เสียดายที่ไม่มีระบบควบคุมความเร็วแปรผัน มีแค่ล็อคความเร็วเท่านั้น 
 
 
MG VS HEV เหมาะกับผู้ชอบความไม่เหมือนใคร (แค่เหมือนกันเองในค่าย) สีสันที่โฉบเฉี่ยว รูปทรงทะมัดทะแมง ดูสปอร์ตเทคโนโลยีจัดเกือบเต็มแม้รุ่นเริ่มต้น ภายในค่อนข้างจะล้ำอนาคตไม่น้อย จอขนาดใหญ่ หัวเกียร์ทรงล้ำ สมรรถนะที่ขับสนุกอัตราเร่งมันสะใจ ไม่ห่วงน้ำมันต้องคันนี้เลย (ดูรีวิว)
 
หมายเหตุ*
ความจริงแล้วยังมี Mazda CX-3 ที่มีเทคโนโลยีและความน่าสนใจไม่น้อย แต่อาจเพราะเป็นโมเดลที่อยู่มานานและเคยขายดีมาก ๆ ในช่วงที่ผ่านมาจึงไม่เข้าร่วมกับบทความนี้ ส่วน Hyundai Creta เป็นรถที่มีเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจ แต่อาจเพราะเป็นนอกกระแสและในส่วนของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ยังไม่โดดเด่นมากนัก จึงขออุบเอาไว้ก่อนครับ 
 

ฟังธงรุ่นไหนที่ตรงใจที่สุด

 
สมรรถนะโดดเด่นที่สุด Nissan Kikcs e-POWER(รีวิว) 
สำหรับผู้เขียนเองแล้ว ขาดการทดลองขับแค่ Yaris Cross (จะหาโอกาศนำมาทดสอบจริงเร็ว ๆ นี้) นอกนั้นในใจชื่นชอบเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ทันใจอย่างใน Kicks e-POWER มากที่สุด มีคันเร่งเดียว e-Paddle step ที่ไม่เหมือนใคร และเพราะเป็นคนเท้าหนักในบางครั้ง ที่ต้องการอัตราเร่งขึ้นเนินหรือแซงแบบ "ขาดลอย" ไม่ต้องลุ้นและไม่ต้องกลัวว่ารถที่จะแซงนั้นแรงทันที เพราะคิกส์มี 280 นิวตันเมตรเอาไว้ใช้งานตลอกแบบไม่รอรอบ แต่ช่วงล่างไม่ไหวจะเคลียร์เพราะนอกจากแข้งในความเร็วต่ำ ที่ความเร็วสูงกลับนุ่มโยนเกินไปสไหรับพลงะกำลังระดับนี้ ควรปรับปรุงช่วงล่างก่อนจะ "กดคันเร่งเต็มที่" เพื่อความปลอดภัยและคสวบคุมรถได้ดีกว่า 
 
ความคุ้มค่าที่สุด All new Toyota Yaris Cross (รีวิว) 
แต่ถ้าให้เลือกในองค์ประกอบรวม ๆ แล้ว แน่นอนว่า All new Toyota Yaris Cross เป้นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก  ๆ เพราะความคุ้มค่าทั้งขุมพลังไฮบริด ออปชั่น ระบบช่วยเหลือการขับขี่และความปลอดภัย ตัวรถมีขนาดกว้างขวางเกือบเท่า Corolla Cross และเป็นแบรน์ที่ซื้อง่ายขายคล่อง ไม่ต้องคิดมาก
 
ใหญ่โตหรูหราที่สุด Haval Jolion HEV(รีวิว)
นับเป็นรถที่เน้น ใหญ่ โอ่อ่าหรูหราและมีพื้นที่ใช้สวยในรถมากที่สุด พร้อมกับระบบช่วงล่างที่หนึบแน่น อัตราเร่งดี 
 
โปรฯ แรงที่สุดน่าจะเป็น MG VS HEV(รีวิว)
เพราะเป็นรุ่นที่กำลังต้องการกระตุ้นยอดขาย สมรรถนะโดยรวมก็นับว่าไม่พรรมดา ออปชั่นดีครบถ้วน โดยเฉพาะ ข้อเสนอพิเศษ เฉพาะ NEW MG VS HEV รุ่น D ราคาพิเศษ 739,000 บาท (จากราคาปกติ 859,000 บาท) พร้อมฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครองนาน 1 ปี รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ฟรี ชุดพรมปูพื้น ถึงกับดึงดูดใจไม่น้อยเลย
(เงื่อนไขทั้งหมดสำหรับลูกค้าที่จองภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 31 ตุลาคม 2566 และรับรถยนต์กับผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีอย่างเป็นทางการทุกแห่งทั่วประเทศภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 เท่านั้น และเงื่อนไขทั้งหมดไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้)
 
รถยนต์รุ่นไหนที่น่าจะตอบโจทย์โดนใจจากความคิดเห็นข้างต้นนี้อาจยังไม่เท่าต้องไปทดลองขับ สัมผัสระบบการทำงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองดูครับ ว่าใกล้เคียงกับที่ผู้เขียนได้เล่าสู่กันฟังหรือไม่อย่างไร สุดท้าย ซื้อด้วยความพอดีและไม่เหนื่อยเกินไป อย่าลืมคำนวนเฟื่อในการจะต้องใช้งานรถยนต์คันใหม่นี้ไปอีกหลายปีด้วยนะครับ 
แท็กที่เกี่ยวข้อง รถยนต์ suv suv รถ suv
CAR GURU
เขียนโดย สินธนุ จำปีศรี CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)