รถยนต์ใหม่ในสไตล์ SUV กำลังมาแรง โดยเฉพาะ 5 รุ่นสุด HOT ในระดับราคาไม่เกิน 9 แสน ที่น่าสนใจและมีจุดขายที่ดีและด้อยแตกต่างกันไป จนทำให้หลายคนทั้ง ลังเล ไม่มั่นใจ เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว แต่สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ "ตั้งสติ" แล้วคิดถึงความต้องการความจำเป็นและความเหมาะสมกับตัวเองว่าจะซื้อรุ่นไหน เพื่ออะไร ต้องการใช้งานในแบบไหน เน้นจุดเด่นด้านไหนของรถนั้น ๆ หรือว่างบประมาณเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังต้องดูกันยาวในส่วนของบริการหลังการขาย การบำรุงรักษา ที่ตามมาอีกด้วย
ในบทความนี้แม้ว่าจะไม่ใช่ความคิดเห็นทั้งหมด แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ที่ได้สัมผัสรถยนต์ จากความคิดเห็นในหลายแง่มุมในสังคมโซเชียวและเพิ่มความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเข้าไป ให้ผู้อ่านได้ลองประเมินดูว่าคันไหนรุ่นใด ถึงจะเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ไม่ใช่ซื้อเพราะ "กระแส" แรงเพียงอย่างเดียวต้องมาพร้อม "เหตุและผล" ด้วยครับ โดยรถที่เข้ารอบในครั้งนี้อยู่ในกลุ่มขนาดตัวรถ รูปแบบ ราคาที่ใกล้เคียงกัน และไม่ลงลึกถึงรายละเอียดสเปคข้อมูลทุกรุ่นย่อย แต่จะเน้นเรื่องการตอบสนองการใช้งาน จุดเด่น จุดด้อยและควรปรับปรุงในแบบ "ความจริงในใจ" และ "ไม่อวย"
All new Toyota Yaris Cross HEV ราคา 789,000 - 899,000 บาท
All new Toyota Yaris Cross นับเป็นรถใหม่ล่าสุดที่มาแบบเหนือความคาดหมาย มาพร้อมสมรรถนะเครื่องยนต์ไฮบริด เน้นประหยัดน้ำมันกว่า 26.3 กม./ลิตร (จากโรงงาน) จากประสบการณ์แล้วเมื่อแล้วขับขี่จริง มีโอกาสทำตัวเลขนี้ได้จริง แต่!.. ต้องปั่นคันเร่งและถนนโล่งวิ่งยาว ๆ ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. หรือไม่ติดหรือติดไฟแดงได้เล็กน้อยอาจจะพอเป็นไปได้ ส่วนใครที่ขับแบบทั่ว ๆ ความประหยัดยืนพื้นอยู่ในช่วง 20 กม./ลิตร เพราะรถที่มีความเล็กว่าโคโรลล่า ครอส หรือใกล้เคียงกับ C-HR ตัวเลขระดับนี้สบาย ๆ เลยครับ
สมรรถนะโดยรวม (ยังไม่ทดลองขับ) จากขุมพลัง 1.5 ลิตร ไฮบริด กำลังรวม 111 แรงม้า แต่แรงบิดทั้ง 2 ระบบที่ไม่มีตัวเลขเป็นทางการ แต่คาดว่ามีให้ใช้งานในช่วงขณะหนึ่งเพื่อออกตัวหรือเร่งแซงราว ๆ 190 - 200 นิวตันเมตร คาดว่าจะให้สมรรถนะอัตราเร่งที่ใกล้เคียงรถเครื่องยนต์ 1.6 - 1.8 ลิตร NA ระบบช่วงล่างยังไม่อิสระ 4 ล้อ แต่ได้ดิสก์เบรก 4 ล้อ มาครบทุกรุ่นย่อยก็นับว่าใช้ได้ดี
ภายในนับว่ากว้างขวางโปร่งสบายเกินคาด เบาะใหญ่นั่งสบายสัมผัสนุ่มพอตัว ในส่วนของออปชั่นเกินมาตรฐานที่ให้มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น การออกแบบภายในในบางจุดดูลงตัวบางจุดดูไม่ค่อยเข้ากับความทันสมัย ยังมีความ "โบราณ" ผสมผสานอยู่บ้าง อย่างเช่น คอนโซลหน้าที่เน้นความเหลี่ยมมากไปยังดูขัดลูกตาแปลก ๆ ยังไม่ล้ำสมัยสักเท่าไหร่ หนังหุ้มพวงมาลัยบางและแข็งไม่ค่อยนุ่มมือนัก วิสัยทัศนเมื่อเข้าไปนั่ง เสาหลังทั้ง 2 ข้างยังบังสายตา เหมือใน โคโรลล่า ครอส โดยนวมแล้ว ภายนอกดู "หน้าบึ้ง" ภายในแอบเชย ๆ โบราณเล็กน้อย แต่ยอมรับว่าในออปชั่นมาแบบ "กลบ" ข้อด้อยไปได้เยอะเลย เช่นหลังคาพาโนรามิค ประตูท้ายไฟฟ้า หรือช่องแอร์หลัง เป็นต้น
All new Toyota Yaris Cross HEV เหมาะกับผู้ต้องการความมั่นใจ ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงหรือเสี่ยงในการลงทุน เน้นบริการหลังการขาย ราคาขายต่อ การใช้งานที่คุ้มค่า และสดใหม่ที่สุดในกลุ่มรถระดับนี้ เป็นกลุ่มคนที่ต้องการขยับไซต์รถหรือเซกเมนท์จากรถเล็กขึ้นมาใช้ SUV หนี้น้ำท่วม ลุยอุปกรณ์ได้ดีกว่ารถเก๋ง ประหยัดน้ำมันหรือประหยัดค่าเดินทางได้ไม่แพ้รถยนต์ไฟฟ้าล้วน แต่สำหรับสายโมดิฟายด์ต่อยอดเครื่องยนต์อาจต้อง "ตัดใจ" เพราะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหรือแทบจะเป็นไม่ได้เลย โดยเฉพาะหากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับระบบเครื่องยนต์ การรับประกันระบบไฮบริดขาดทันที ยกเว้นใครที่ไม่สนใจก็อาจต้องลองปรึกษาสำนักแต่งที่มีประสบการณ์ดู ซึ่งก็นับว่ายังยากอยู่ดีสำหรับการโมดิฟายด์รถยนต์ไฮบริด สรุปว่าในตอนนี้ Yaris Cross HEV น่าจะเหมาะกับการ "จัดทรง" เท่านั้น
Honda WR-V ราคา 799,000 - 869,000 บาท
Honda WR-V ว่ากันด้วยรถยนต์ที่กลายเป็นจุดอ่อนสุด ๆ ของค่าย "H" ทั้งที่ตัวรถเองก็มีจุดเด่นคือ ยกสูงใต้ท้องสูงสุด 220 มม. รูปทรงพร้อมลุย อุปกรณ์ภายนอกทันสมัยพอตัว ให้ความอเนกประสงค์กับไลฟ์สไตล์สายลุย ขุมพลังที่ยังคงความเป็นเบนซินล้วน ๆ ที่เหลือไม่กี่เจ้าในตลาดบ้านเราขนาด 1.5 ลิตร 121 แรงม้า นับว่าขับสนุกพอตัวและให้ความประหยัดแบบ "งงๆ" กับตัวเลขที่ใช้งานจริงราว ๆ 16 - 18 กม./ลิตร นับว่าเกินคาดจากมิติและขนาดรถระดับนี้ ที่คู่แข่งเบนซินล้วนพิกัดเดียวกันทำได้ไม่ถึง 14 กม./ลิตร หรืออาจจะต่ำกว่านั้น
สมรรถนะต้องยอมรับว่า หากไม่เทียบเคียงกับเหล่า "ไฮบริดทั้งหลาย" นับว่าแรงพอตัวในรถระดับนี้ แม้จะมีอาการหนืด ๆ รอบรอบตอบสนองช้า ๆ ชิว ๆ บ้าง แต่ก็เป็นปกติของรถใหญ่เครื่องเล็ก แต่ด้วยความที่โลกปัจจุบันเคยหันไปเพิ่งพามอเตอร์ไฟฟ้ากันหลายรุ่นแล้ว WR-V จึงกลายเป็นรถที่ถูกมองข้ามไป แต่ถ้าเป็นสายต่อยอดความแรงต้องบอกเลย ไม่ควรมองข้าม เพราะนับเป็นรถที่สามารถจะนำไปปรุงแต่งเพิ่มเติมสมรรถนะได้อีกเยอะ โดยอาจจะไม่เน้นเรื่องรับประกันชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพราะอะไหล่หลายชิ้นยังใช้ร่วมกับใน BR-V หรือแม้แต่ Jazz เพราะเรื่องยนต์พื้นฐานเดียวกันครับ
ภายในดูอึดอัดและแคบกว่าที่คิด เบาะนั่งสั้นและเล็กผิวสัมผัสแข็ง ๆ หน่อย มาถึงออปชั่นและวัสดุตกแต่งภายในรถต้องบอกเลยว่า "ยังไม่ประทับใจเท่าไหร่" งานประกอบหรือชิ้นส่วนวัสดุต่าง ๆ ภายในห้องโดยสารนั้นยังไม่ค่อยลงตัว คอนโซลหน้ามีความ "โบราณ" ย้อนยุคถอยหลังไปไกล เบรคมือ "ดึง" ของอนุรักษ์นิยม ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งที่แทบจะเป็นไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว รวมถึงการออกแบบที่มีความมนโค้งสลับสีสันสวยงามทันสมัยแบบ "มิลเลเนี่ยม" แต่อย่างน้อยมีออปชั่นที่ทันสมัยยกมาจากรุ่นอย่าง Civic, Accord และ CR-V นั่นคือ HondaSensing แต่! ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนติดอยากโดยเฉพาะเมื่อใช้ IOS ไม่มีกล้องรอบคันและ Honda Lanwacth ที่ให้ภาพชัดแบบมัว ๆ และระบบเตือนมุมอับสายก็ไม่ยอมให้มาสักที เมื่อเทียบกับค่าตัวระดับนี้ของมันต้องมีแล้วครับ
Honda WR-V เหมาะกับผู้มั่นใจในแบรนด์ ยังหลงไหลความเป็นเครื่องยนต์เพียว ๆ ชอบเสียงหรืออาการของการเร่งออกตัวในแบบมัน ๆ นอกจากนี้ยังนำไปตกแต่งเพิ่มเติมสมรรถนะได้ง่าย อะไหล่เพียบ การดูแลง่ายไม่ยุ่งยากและไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อม หมดอายุ โดนกระแทกเสียหาย และที่สำคัญค่าประกันภัยต่ำกว่ารถไฮบริดที่เก็บสูงเทียบเท่าเลทเดียวกับรถ EV เลยครับ
(ดูรีวิว)
Nissan Kicks e-POWER ราคา 779,000 - 979,000 บาท
สำหรับ
นิสสัน คิกส์ต้อง ขอชมเรื่องการรวมสมรรถนะขับเคลื่อนแบบรถยนต์ EV ล้วน เพียว ๆ แต่ไม่ต้องชาร์จไฟฟ้าตามตู้ชาร์จจากเทคโนโลยี e-POWER แค่เติมน้ำมันใส่เครื่องปั่นไฟขนาด 1.2 ลิตร ก็ขับได้ทั่วไทยเหมือนรถน้ำมันปกติเลย ข้อดีคือ แน่นอนว่าคุณจะอัตราเร่งเร้าใจ ได้ความมันสนุกในการขับขี่ ขึ้น-ลงดอย ไม่ต้องกลัวแรงตก แซงไม่ต้องรอรอบ ถือว่าให้อัตราเร่งดีที่สุดในรถกลุ่มนี้ก็ว่าได้ และยังให้ความประหยัดแบบรถยนต์ไฮบริดระบบ Series-Hybrid แต่ข้อเสียคือ แม้จะเป็นไฮบริด แต่ถ้าวิ่งทางไกลยาว ๆ กลับกินน้ำมันกว่ารถที่ใช้ระบบ Full Hybrid จากประสบการณ์จริง วิ่งยาว ๆ ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม. ทำได้สูงสุด 24 - 25 กม./ลิตร ถ้าเหยียบมากกว่านั้นก็จะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ
สมรรถนะจากพลังมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน ๆ กำลัง 136 แรงม้า แต่แรงบิด 280 นิวตันเมตร ไม่มีเครื่องยนต์ช่วย (หน่วง) ทำให้มีอัตราเร่งจัดจ้าน ไม่รอรอบพร้อมพุ่งตลอดเวลา ยกเว้นถ้าขับขึ้นเขาหรือทางชันติดต่อกันนานหลายชั่วโมงก็อาจมี หนืด ๆ บางเพราะแบตฯ ไม่เพียงพอและรอเครื่องยนต์ปั่นไฟเข้ามาช่วย แต่โดยรวมแล้วนับเป็นรถที่ขับสนุกที่สุดในกลุ่มนี้ แถมด้วยระบบคันเร่งเดียว (e-Paddle Step) ช่วยควบคุมคันเร่งและชะลอความเร็ว โดยไม่ต้องขยับเท้ามาแตะเบรกเลย เว้นต้องจอดสนิทเท่านั้น (ความต่ำกว่า 10 กม./ชม.) ช่วงล่างอาจจะตึงตังที่ความเร็วต่ำแต่โยนตัวความเร็วสูง ๆ เป็นธรรมดาของรถยกสูง เดิม ๆ จากโรงงานฉบับรถบ้าน ระบบเบรกดีเพียงพอใช้งานเพราะมีระบบหน่วงของมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยเข้าไปอีกที และทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในเมืองรถติด ๆ 22++ กม./ลิตร (กรณีล้อเดิมรถเดิม ๆ ทุกอย่าง) รถติดแบบหลวม ๆ ก็แล้วแต่น้ำหนักเท้าอยู่ที่ราว ๆ 20 - 22 กม./ลิตร แต่ถ้าใช้ความเร็วก้อาจจะลดลงบ้างตามน้ำหนักเท้าอีกเช่นกันครับ
ภายในค่อนข้างแคบและเล็ก เบาะนั่งสั้นแคบผิวสัมผัสแข็ง ท่านั่งปรับให้พอดียาก แม้พวงมาลัยจะปรับ 4 ทิศทางหรือเบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้ก็ตาม ก็ยังปรับให้พอดียาก การออกแบบถือว่ากลาง ๆ ร่วมสมัยระหว่างเกือบใหม่และโบราณ แต่มองนาน ๆ ไม่ค่อยเบื่อ และมีปุ่มต่าง ๆ ที่ใช้งานแบบเรียบง่าย ไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่นัก ระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนรวดเร็วและง่ายมาก ๆ กล้องรอบคันที่ภาพมัว ๆ แต่ก็ยังพอมองเห็นได้ในที่มืด วิสัยทัศน์ด้านหน้าและข้างดีมองง่าย แต่ด้านหลังช่วงกระจกแคบมีมุมอับเยอะ ระบบการเข้าตำแหน่งเกียร์ใช้ยาก ต้องกะให้พอดี และยิ่งการจอดเกียร์ว่างต้องมีท่องจำ "สูตรในเกียร์ N" ในการใช้งาน ไม่มีช่องแอร์ด้านหลัง
Nissan Kicks e-POWER เหมาะกับคนที่ชอบสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน การขับเคลื่อนจากมอเตอร์ที่เร่งทันใจ เงียบขับสนุก แต่ว่าขี้เกียจต้องมาเสียบสายชาร์จ ติดตั้ง Wall Charger หรือไม่สะดวกสวกในการใช้งานเวลาต้องขับทางไกล ๆ คิกส์ทีแหละตอบโจทย์มากที่สุด ขับฟิวไฟฟ้า มีเครื่องปั่นไฟติดไปด้วยเติมน้ำมันจบ!
(รีวิว)
Haval Jolion HEV ราคา 799,000 - 999,000 บาท
Haval Jolion HEV สิงโตรุ่นนี้มีจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งในกลุ่มนี้ก็คือความ "ใหญ่โต-กว้างขวาง" เกือบจะเท่ากับรถในระดับ C-segment แล้ว ยังมีออปชั่นเยอะสำหรับรุ่นท็อปสุดอีกด้วย และอาศัยหน้าตารูปร่างที่ดูหรูหรูพรีเมี่ยมเบา ๆ ทำให้สะดุดตาใครหลายคน จนได้รับความนิยมไม่น้อยไปกว่ารถ "ในกระแส" เท่าไหร่นัก โดยพื้นฐานของตัวรถที่ใหญ่นี้คือจุดแข็งของ Jolion ที่ยังคงเหลือเหลือ เพราะว่า "ระบบไฮบริดหรือ HEV" ของน้องนั้่น "เน้นเพื่อให้สมรรถนะการขับขีที่ดีขึ้น แรงขึ้น (ซึ่งก็แรงจริง ๆนะ) แต่อาจจะทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองไม่เท่ารถยนต์ไฮบริดจากค่ายญี่ปุ่น
สมรรถนะเน้นความสนุกในการขับขี่ เพราะว่าเดิมทีถ้าจะมาในขุมพลัง 1.5 ลิตร NA ก็อาจจะไม่พอกับน้ำหนักตัว ส่วนจะเป็นเครื่องยนต์ 1.8 หรือ 2.0 ลิตร ก็จะยิ่งกินดุเดือด เลยใช้การเพิ่มพลังแบบ "ทางลัด" ที่มีรถร่วมค่ายถนัดอยู่แล้วคือการนำมอเตอร์ไฟฟ้ามีเป็นส่วนช่วยเพิ่มพลังกับเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จึงทำให้ Jolion HEV มีกำลัง 190 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร คันนี้ขับสนุกมากขึ้น เร่งทันใจ และให้ความประหยัดดีกว่าจะใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบอย่างแน่นอน แต่ว่าถึงแม้จะเป็นระบบไฮบริด แต่กลับไม่ได้ให้ความประหยัดในระดับที่รถไฮบริดคู่แข่งทำได้เกิน ซึ่งก็เข้าใจว่าต้องการพลังงานไฟฟ้ามาช่วยเสริมเครื่องยนต์ให้สมรรถนะดีขึ้น ระดับความประหยัดจึงลดลง แต่เท่าที่เคยลองขับต่ำสุด 12 กม./ลิตร แต่มากสุดเคยได้ถึง 15 กม./ลิตร ถ้ามองว่ารถตัวใหญ่สุดในกลุ่ม อัตราสิ้นเปลืองระดับกลาง ๆ ก็น่าจะพอเข้าใจได้ครับ เว้นแต่ต้องการประหยัดสุด ๆ ก้จะต้องตั้งใจขับให้เนียน ๆ หรือวิ่งทางไกลยาว ๆ เป็นต้นครับ แต่สำหรับรู้สึกว่าแม้จะไม่ประหยัด แต่ได้เรื่องอัตราเร่งจัดจ้าน เหยียบติดเท้ามีรอรอบบ้างเล็กน้อย ระบบช่วงล่างดี พวงมาลัยคมกระชับ ก็น่าจะชดเชยได้บ้าง
ภายในนับว่าใหญ่กว้างโปร่งสุดในกลุ่มนี้ อุดมไปด้วยสีครีม ส่วนรุ่นสปอร์ตก็ดำมึดกันไปเลย การดีไซน์ก็จะออกไปทางหรูหรากว่าใคร โดยรวมแล้วส่วนตัวชอบเรื่องความใหญ่โตนี่แหละครับ แต่ถ้าใครซื้อรุ่น Sport อาจจะไม่ปลื้มนักเพราะว่าถูกตัดออปชั่นทิ้งไปหลายตัวเลย ยังดีที่มีกล้องมองขณะถอยหลังมาให้ (ฮา) มีช่องแอร์หลัง ท่านั่งขับ (เกือบ) สบายขาดแค่พวงมาลัยปรับใกล้-ไกลไม่ได้ มีระบบล็อคความเร็งคงที่ ได้เบาะนั่งขับปรับไฟฟ้าใหญ่ซัพพอร์ตดี ไม่อึดอัด เครื่องแรงใช้ได้ขับสนุกทันใจ ส่วนเรื่องประหยัดเป็นรองคู่แข่งแบบไม่ต้องลุ้นเลยครับ
Haval Jolion HEV เหมาะกับผู้เน้นความ "ใหญ่สุดคุ้ม" กว้างขวางนั่งสบาย มีพื้นที่เหลือใช้งานเยอะ ดีไซน์แปลกไปจากรถกลุ่มนี้ เน้นความหรูหราหรือใครชอบดุดันก็ไปรุ่น Sport ที่ออปชั่นน้อยลงหน่อย แต่ยังให้อารมณ์ขับขี่ที่สนุก แรงสั่งได้ตามเท้า ช่วงล่างดี ยิ่งใครชอบขับรถเดินทางบ่อย อาจจะถูกใจสิ่งนี้ก็ได้ครับ แม้ว่ารุ่นที่ให้ของครบจะเข้าใกล้ล้านก็ตาม ส่วนใครขอขับสนุก ๆ อย่างเดียวก้เลือกรุ่น Sport ครับไม่ต้องวุ่นวายกับระบบไม่เสี่ยงระบบรวนอีกด้วย
MG VS HEV ราคา 859,000 - 919,000 บาท
MG VS HEV รถนอกสายตาใครหลายคน ทั้งที่ความจริงเป้นที่มีออปชั่นจัดเต็มและสมรรถนะดีไม่แพ้คันอื่นหรือ อาจจะขับสนุกว่ารถที่เป็นไฮบริดกลุ่มนี้ (เว้น Kicks e-POWER) จุดเด่นคือควาเป้นไฮบริดที่เน้น "มอเตอร์ไไฟ้าเสริมความแรง" อีกหนึ่งรุ่น เพราะจากที่เคยใช้เบนซิน 1.5 ลิตร อาจจะไม่ทันใจวัยรุ่นนัก จึงปรับเป้นเครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไปแทนที่ เพื่อเน้นการขับขี่ที่สนุกเร่งทันใจกว่า โดยอาจจะลืมไปว่า เรื่องประหยัดก็ยังเป็นรองคู่แข่งอยู่ (อัตราสิ้นเปลืองพอกับ Jolion)
สมรรถนะของ 1.5 ลิตร + มอเตอร์ไฟฟ้าก้ยังคงเน้นความแรงแทนการใช้ หอยนั่นเองทำให้เพิ่มพลังแบบดิจิตอลได้เป็น 177 แรงม้า ส่วนแรงบิดไม่แจ้งเป็นทางการแต่เฉลี่ยนทั้งระบบราว ๆ 300 กลาง ๆ นิวตันเมตร ซึ่งเมื่อลองขับจะรู้เลยว่า คันเร่งมาตึงเท้ามาก ๆ แม้ช่วงเร่งออกตัวหรือคิกดาวน์แซงบางครั้งยังมีอาการ "รอ" อยู่บ้าง แต่พอระบบทำงานเท่านั้นแหละครับ พุ่งพรวดจนยั้งไม่อยู่เลยจริง ๆ ซึ่งผู้ขับขี่ต้องเรียนรู้นิสัยพอสมควร เพื่อให้ขับได้สมูทและปลอดภัยมากขึ้น ส่วนช่วงล่างอยู่ในระดับกลางทั่วไป คือ นุ่ม โยนเล็กน้อย เน้นการเดินทางสะดวกสบายและเร่งแซงได้ทันใจเป้นหลัก และก็เป็นรุ่นให้ระบบความปลอดภัยต่าง ๆมาเยอะพอตัวเลย ถือว่าแม้รุ่นเริ่มต้นราคา 859,00 บาทก็ยังมีของเล่นให้ใช้งานเยอะอยู่นะ "น้องโจฯ!!"
ภายในดูคุ้มต่าเพราะใช้พื้ฐานจาก
MG ZS แต่ปรับเปลี่ยนแผงคอนโซลใหม่ ให้เป็นรุ่น VS โดยเฉพาะจอขนาดใหญ่ยาวเชื่อมเป้นอันเดียวกัน และดิสเพลย์ก็ใช้ร่วมกับใน
MG HS PHEV ทันสมัยไม่น้อย การออกแบบดดยรวมแล้วยังพยายามให้ดูแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆในแพรตฟอร์มเดียว ตกตแต่งให้ดูไอเทคและทันสมัยอวกาศนิด ๆ เบาะนั่งปรับไฟฟ้า และนั่งได้สบาย แต่จะเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย จึงไม่ค่อยคุ้นเคยนัก ออปชั่นมีให้ใช้ครบถ้วนไม่แพ้ใคร และได้ i-SMART ทุกรุ่นด้วย แต่เสียดายที่ไม่มีระบบควบคุมความเร็วแปรผัน มีแค่ล็อคความเร็วเท่านั้น
MG VS HEV เหมาะกับผู้ชอบความไม่เหมือนใคร (แค่เหมือนกันเองในค่าย) สีสันที่โฉบเฉี่ยว รูปทรงทะมัดทะแมง ดูสปอร์ตเทคโนโลยีจัดเกือบเต็มแม้รุ่นเริ่มต้น ภายในค่อนข้างจะล้ำอนาคตไม่น้อย จอขนาดใหญ่ หัวเกียร์ทรงล้ำ สมรรถนะที่ขับสนุกอัตราเร่งมันสะใจ ไม่ห่วงน้ำมันต้องคันนี้เลย
(ดูรีวิว)
หมายเหตุ*
ความจริงแล้วยังมี
Mazda CX-3 ที่มีเทคโนโลยีและความน่าสนใจไม่น้อย แต่อาจเพราะเป็นโมเดลที่อยู่มานานและเคยขายดีมาก ๆ ในช่วงที่ผ่านมาจึงไม่เข้าร่วมกับบทความนี้ ส่วน
Hyundai Creta เป็นรถที่มีเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจ แต่อาจเพราะเป็นนอกกระแสและในส่วนของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ยังไม่โดดเด่นมากนัก จึงขออุบเอาไว้ก่อนครับ
ฟังธงรุ่นไหนที่ตรงใจที่สุด
สมรรถนะโดดเด่นที่สุด Nissan Kikcs e-POWER(รีวิว) สำหรับผู้เขียนเองแล้ว ขาดการทดลองขับแค่ Yaris Cross (จะหาโอกาศนำมาทดสอบจริงเร็ว ๆ นี้) นอกนั้นในใจชื่นชอบเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่ทันใจอย่างใน Kicks e-POWER มากที่สุด มีคันเร่งเดียว e-Paddle step ที่ไม่เหมือนใคร และเพราะเป็นคนเท้าหนักในบางครั้ง ที่ต้องการอัตราเร่งขึ้นเนินหรือแซงแบบ "ขาดลอย" ไม่ต้องลุ้นและไม่ต้องกลัวว่ารถที่จะแซงนั้นแรงทันที เพราะคิกส์มี 280 นิวตันเมตรเอาไว้ใช้งานตลอกแบบไม่รอรอบ แต่ช่วงล่างไม่ไหวจะเคลียร์เพราะนอกจากแข้งในความเร็วต่ำ ที่ความเร็วสูงกลับนุ่มโยนเกินไปสไหรับพลงะกำลังระดับนี้ ควรปรับปรุงช่วงล่างก่อนจะ "กดคันเร่งเต็มที่" เพื่อความปลอดภัยและคสวบคุมรถได้ดีกว่า
ความคุ้มค่าที่สุด All new Toyota Yaris Cross (รีวิว) แต่ถ้าให้เลือกในองค์ประกอบรวม ๆ แล้ว แน่นอนว่า All new Toyota Yaris Cross เป้นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะความคุ้มค่าทั้งขุมพลังไฮบริด ออปชั่น ระบบช่วยเหลือการขับขี่และความปลอดภัย ตัวรถมีขนาดกว้างขวางเกือบเท่า Corolla Cross และเป็นแบรน์ที่ซื้อง่ายขายคล่อง ไม่ต้องคิดมาก
นับเป็นรถที่เน้น ใหญ่ โอ่อ่าหรูหราและมีพื้นที่ใช้สวยในรถมากที่สุด พร้อมกับระบบช่วงล่างที่หนึบแน่น อัตราเร่งดี
เพราะเป็นรุ่นที่กำลังต้องการกระตุ้นยอดขาย สมรรถนะโดยรวมก็นับว่าไม่พรรมดา ออปชั่นดีครบถ้วน โดยเฉพาะ ข้อเสนอพิเศษ เฉพาะ NEW MG VS HEV รุ่น D ราคาพิเศษ 739,000 บาท (จากราคาปกติ 859,000 บาท) พร้อมฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครองนาน 1 ปี รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) รับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ฟรี ชุดพรมปูพื้น ถึงกับดึงดูดใจไม่น้อยเลย
(เงื่อนไขทั้งหมดสำหรับลูกค้าที่จองภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึง 31 ตุลาคม 2566 และรับรถยนต์กับผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีอย่างเป็นทางการทุกแห่งทั่วประเทศภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2566 เท่านั้น และเงื่อนไขทั้งหมดไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้)
รถยนต์รุ่นไหนที่น่าจะตอบโจทย์โดนใจจากความคิดเห็นข้างต้นนี้อาจยังไม่เท่าต้องไปทดลองขับ สัมผัสระบบการทำงานต่าง ๆ ด้วยตัวเองดูครับ ว่าใกล้เคียงกับที่ผู้เขียนได้เล่าสู่กันฟังหรือไม่อย่างไร สุดท้าย ซื้อด้วยความพอดีและไม่เหนื่อยเกินไป อย่าลืมคำนวนเฟื่อในการจะต้องใช้งานรถยนต์คันใหม่นี้ไปอีกหลายปีด้วยนะครับ