โลตัส เปิดตัวรุ่น
Eletre (อีเลททร้า) ที่ฉีกภาพลักษณ์เดิมๆ ของแบรนด์ที่เน้นยานยนต์สไตล์สปอร์ตขับสนุกมาตลอด ด้วยการกระโดดไปเล่นในตลาด EV และเลือกเซกเม้นต์ เอสยูวี ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในยุคนี้ โลตัสที่เริ่มผลิตรถยนต์พลังไฟฟ้าแนวไลฟ์สไตล์ครั้งแรกก็ยังคงเน้นความสำคัญด้านสมรรถนะควบคู่ไปกับดีไซน์ที่สวยงามและโดดเด่น พร้อมติดตั้งฟังก์ชันระบบต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการขับใช้งานชีวิตประจำวันครบครัน
Eletre เป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของโลตัส โดยเป็นการผสมผสานระหว่างรถโลตัส 2 รุ่นคือ
Emira กับ Evija จนได้เป็นไฮเปอร์เอสยูวีรูปแบบใหม่พร้อมให้เลือกด้วย 2 รุ่นย่อย S กับ R สิ่งที่ทำให้รถรุ่นนี้โดดเด่นนอกเหนือไปจากราคาเริ่มต้นที่ 5,890,000 บาท
ดีไซน์ภายนอก ภาพรวมให้ความรู้สึกแบบไดนามิค การสร้างช่องเปิดหลายจุดเพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศและแรงต้านที่น้อยลง ดีไซน์ด้านหน้าสวยโฉบเฉี่ยวด้วยไฟ LED กระจังหน้าแบบแอ็กทีฟ และระบบเซ็นเซอร์ LIDAR ที่ถูกวางตำแหน่งอย่างประณีต ด้านข้างดูโค้งมนตามหลักอากาศพลศาสตร์ พร้อมติดตั้งกระจกบังลมที่เรียกว่า air blade ตรง D-pillar ด้านหลังสวยงามด้วยแนวไฟยาวตลอดความกว้างสามารถเปลี่ยนสีเพื่อระบุสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ สปอยเลอร์หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์มีรูปทรงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และเป็นจุดติดตั้งเซ็นเซอร์ LIDAR
ภายในห้องโดยสารของ Eletre ได้ออกแบบที่นั่งคนขับให้เป็นศูนย์กลางการควบคุมพร้อมคอนโซลทรงสูง หลังคาพาโนรามิคช่วยให้ห้องโดยสารโปร่งโล่ง ภายในมีฟีเจอร์มากมาย เช่น ระบบชาร์จไร้สาย ที่วางแก้วแบบพับซ่อนได้ และช่องเก็บสัมภาระข้างประตูขนาดใหญ่ และมี Option แบบรักาษ์โลกกับเบาะนั่งทั้งแบบเส้นใย Re-Fibre ที่รีไซเคิลจากขยะ และพรม Econyl ที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ 100%
ด้านฟีเจอร์ประกอบด้วย ระบบถุงลมกันสะเทือนแบบแอ็กทีฟ, ระบบควบคุมการหน่วงต่อเนื่อง, ระบบแรงบิดเวกเตอร์, ระบบ Lotus Intelligent Dynamic Chassis Control, ล้อขึ้นรูปขนาด 23 นิ้วแบบ 5 ก้านพร้อมเคลือบผิวแบบ Diamond-turned (รุ่นมาตรฐานในไทยใช้ล้อขนาด 22 นิ้ว), ไฟหน้า Matrix LED, ระบบ Adaptive Cruise Control, ระบบ Visual Park Assist, ระบบปรับอากาศ 4 โซน, เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง, เทคโนโลยีแสดงผลบนกระจกหน้ารถแบบ Head-up Display, ระบบ Apple Carplay และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึงระบบเสียง KEF Premium Audio 1,380W 15 ลำโพง
Eletre S ตอบโจทย์ความหรูหราและเน้นการใช้งานด้วยระยะทางที่ไปได้ไกลที่สุด (ต่างจากรุ่น R ที่เน้นสมรรถนะเป็นหลักกับการทำเวลา 0-100 กม./ชม. ไม่ถึง 3 วินาที) ทั้งยังครบครันด้วยฟีเจอร์ การปิดประตูแบบดูด, กระจกเคลือบดำเพิ่มความเป็นส่วนตัว, สปอยเลอร์หลังแบบปรับระดับอัตโนมัติ, ระบบไฟตกแต่งในห้องโดยสารตั้งค่าได้, กาบประตูเรืองแสง, ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ, ระบบเครื่องเสียง KEF Reference 2,160 วัตต์ 23 ลำโพง และล้อขนาด 22 นิ้ว
Eletre ทุกรุ่นสามารถเลือกออปชันทั้งด้านความสวยงาม สมรรถนะ และความปลอดภัยเพิ่มได้เองหลายรายการ แต่ก็ต้องเพิ่มเงินมากน้อยตามรายการที่เลือก เช่น เบาะนั่ง Executive Seat Pack, ชุดเบาะนั่ง Comfort Seat Pack, อุปกรณ์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์, ชุดตกแต่งภายในด้วยคาร์บอนไฟเบอร์, Parking Pack, Highway Assist Pack, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ, ระบบควบคุมป้องกันการพลิกคว่ำและเวกเตอร์แรงบิด, ระบบบังคับเลี้ยวกลไกไฟฟ้าและระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังแบบแอ็กทีฟเพิ่มการควบคุมที่แม่นยำ และระบบเบรกกับทางเลือกคาลิเปอร์หกลูกสูบและเบรกคาร์บอนเซรามิก
Eletre สร้างขึ้นบนโครงสร้างแบบโมดูลาร์ Electric Premium Architecture (EPA) เอกสิทธิ์เฉพาะแบรนด์ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมาก ทั้งจากการสร้างจุดศูนย์ถ่วงต่ำโดยวางแบตเตอรี่ไว้ระหว่างเพลาและใต้ท้องรถ การใช้วัสดุขั้นสูงยังทำให้โครงแชสซีมีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่ง
Eletre S คือไฮเปอร์เอสยูวีสมรรถนะสูง ที่เหมาะทั้งการขับทางไกลและการใช้งานในชีวิตประจำวัน แบตเตอรี่ขนาด 800 โวลต์ 112kWh สามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพ ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นรุ่นแรกของโลตัส ทำงานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าน้ำหนักเบาและอุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ขั้นสูง กำลังขับเคลื่อน 603 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 4.5 วินาที และวิ่งได้ระยะทาง 600 กม.
สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อ เวิร์นส์ ออโตโมทีฟ ประเทศไทย โดยรถสามารถส่งมอบได้ประมาณไตรมาส 2 ปี 2567
ตามลำดับการจอง ซึ่งต้องนำเข้าจากประเทศจีน