รวม Eco Car ประหยัดน้ำมัน กับงบไม่เกิน 6 แสนบาท ในงาน Motor Expo 2023

ในยุคที่ราคาน้ำมันมีขึ้น-ลงแทบทุกวัน รถยนต์ประเภท ECO CAR นับว่าเป็นตัวเลือกในอันดับแรก ๆ สำหรับคนที่กำลังมองหารถยนต์ใหม่หรือรถยนต์คันแรกให้กับตนเอง ด้วยความที่ตัวรถอยู่ในช่วงราคาที่ไม่สูงมากนัก งบประมาณแค่ 600,000 บาท ก็สามารถออกรถใหม่ที่มาพร้อมออปชั่นและความปลอดภัยครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวันได้แล้ว สำหรับบทความนี้ ทีมงาน Checkraka จะพาทุกคนไปเช็คกันแบบหมดเปลือกไปเลยว่า ในงาน Motor Expo 2023 ระหว่างวันที่ 30 พ.ย. - 11 ธ.ค. 2566 งบ 6 แสนบาทอย่างที่ว่า จะมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง

 

 

 

 

TOYOTA YARIS Hatchback อีโคคาร์แฮทช์แบ็คยอดนิยมอันดับหนึ่ง ดีไซน์ภายนอกมีการปรับกระจังหน้าใหม่ให้ดูโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ส่วนภายในห้องโดยสารกว้างขวาง สะดวกสบาย ตอบรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างดี ด้านสมรรถนะการขับขี่ถือว่าทำออกมาได้ดี ให้ความคล่องตัว แน่นอนว่าเป็นอีโคคาร์ย่อมมีจุดเด่นในเรื่องการประหยัดน้ำมัน สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ Eco Car ในระดับราคาไม่เกิน 6 แสน ยาริส 5 ประตูก็นับว่าเป็นตัวเลือกแรก ๆ เลยก็ว่าได้

 

 

 

 

 

นี่คือรถยนต์ Eco Car ที่เปิดตัวมาแล้วปังมากที่สุด ณ เวลานี้ กับยอดขายที่ทำได้ทะลุ 200,000 คันต่อเดือน ก็การันตีได้เลยว่า Toyota Yaris Ativ เป็นรถที่คนให้ความสนใจมากขนาดไหน แม้ว่าในช่วงเรตราคาไม่เกิน 6 แสนบาท จะได้เพียงแค่รุ่นเริ่มต้นอย่าง Sport และรุ่นรองอย่าง Smart แต่ดีไซน์ก็มีการปรับปรุงใหม่ทั้งคันที่ให้ลุคดูเท่และสปอร์ต ภายในก็การปรับปรุงมาใหม่ที่ถือว่าทำได้เยี่ยม ด้านเครื่องยนต์ มาพร้อมขนาด 1.2 ลิตร แม้ว่าจะไม่มีเทอร์โบแบบคู่แข่ง แต่การขับชี่ก็ถือว่าตอบสนองการใช้งานได้ดี

 

 

 

 

 

 

 

ข้ามมาทางฝั่งคู่แข่งคนสำคัญ อย่าง Honda City Hatchback กันบ้าง สำหรับรุ่นนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้า ซิตี้ มาพร้อมดีไซน์ตัวถังแบบแฮทช์แบ็ก ดีไซน์ภายนอกสปอร์ตหรูหรา ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง มาพร้อมเบาะนั่งอัลตรา ซีท (ULTR) ที่สามารถปรับพับเพื่อเปลี่ยนพื้นที่ใช้สอยได้หลากหลายรูปแบบการใช้งาน อัดมาด้วยเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร VTEC TURBO 122 แรงม้า  และอัตราการประหยัดน้ำมันที่เคลมเอาไว้สูงถึง 23.3 กิโลเมตร/ลิตร นับว่าครบจบทุกความต้องการของคนที่ต้องการใช้งบซื้อรถใหม่แบบสบายกระเป๋าจริง ๆ

 

 

 

 

 

NISSAN ALMERA จัดได้ว่าเป็นรถคันแรก ๆ ให้นึก เมื่อถูกตั้งคำถามว่า "รถยนต์อีโคคาร์รุ่นไหนที่น่าสนใจ" ด้านดีไซน์ไม่ต้องพูดถึงกันมากนัก เพราะแล้วแต่มุมมองความชอบของแต่ละคน แต่ด้านสรรถนะเเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ มันช่างให้สมรรถนะแรงเร้าใจจริง ๆ แถมยังมีความประหยัดน้ำมันตามแบบฉบับของสไตล์อีโคคาร์อีกด้วย ด้านระบบความปลอดภัยก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะ นิสสัน อัลเมร่า เข้าให้มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นเป็นมาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ แถมใครที่ชื่นชอบในการแต่งรถก็มีชุดแต่งให้เลือกหลากหลายแพ็คเกจ พร้อมการรับประกันชุดแต่งนานถึง 3 ปี หรือ 100,000 กม. 

 

 

 

 

 

เรื่องของนิยามคำว่า "ขับสนุก เร้าใจ" ต้องยกให้กับ Mazda2 กับเครื่องยนต์เบนซินสกายแอคทีฟ 1.3 ลิตร (SKYACTIV-G) พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด แถมภายในยังมาพร้อมกับความเนี้ยบหรูที่สุดในคลาสเดียวกัน ดีไซน์ภายนอกก็ให้ความเรียบง่ายแต่สง่างาม มีตัวเลือกทั้งแบบซีดานและแฮทช์แบ็ก 5 ประตู กับช่วงบประมาณไม่เกิน 6 แสนบาท ก็มีรถสมรรถนะเจ๋ง ๆ อย่าง มาสด้า 2 มาเป็นตัวเลือกให้ตัดสินใจด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

 

Suzuki Swift ยังคงเป็นรถยนต์ที่น่าสนใจอยู่เสมอ แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ แต่ในปัจจุบันก็มีการปรับปรุงให้ตัวรถสดใหม่อยู่เสมอ โดยในปี 2023 มาพร้อมกับชุดแต่ง GL NEXT ดีไซน์ใหม่ ชุดสเกิร์ตรอบคันและสติกเกอร์ลายใหม่ GL NEXT Edition ยกระดับการดีไซน์ภายในกับการตกแต่งใหม่ด้วยลายเคฟลาร์ ตรงบริเวณคอนโซลและแผงประตูด้านข้าง พร้อมปรับใหม่ ภายในมาพร้อมจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooh และเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E20 ประหยัดเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยกว่า 23 กิโลเมตร/ลิตร สิ่งโดดเด่นที่สำคัญที่ทำให้ ซูซูกิ สวิฟต์ ครองใจใครหลาย ๆ คนมาอย่างยาวนั้นคือ การดูแลรักษาง่ายและไม่จุกจิก ในงบราคาไม่เกิน 6 แสนบาท ถือได้ว่าพลาดคันนี้ไปไม่ได้เลยจริง ๆ

 

 

 

 

 

ปิดท้ายด้วย Mitsubishi Attrage รถอีโคคาร์ที่มาพร้อมด้วยเครื่องยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขนาด 1.2 ลิตร DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC ที่ให้ความประหยัดและประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ได้แก่ ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM-LS) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็วเฉพาะด้านหน้า (RMS-Forward) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC) และระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า รวมถึงระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ซึ่งทำงานประสานกันเพื่อมอบความมั่นใจให้ผู้ขับขี่บนทุกเส้นทาง รถยนต์ทั้งสองรุ่นยังติดตั้งระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS) ทั้งหมดที่ว่ามาอยู่ในงบที่ไม่เกิน 600,000 บาท จัดว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเอามาก ๆ ครับ

 

 

 

 

---