Nissan Terra Sport (นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต) รถยนต์อเนกประสงค์ที่ให้ความหรูหราพรีเมี่ยม แต่ยังมีใจรักความสปอร์ตในคันเดียว ใช้พื้นฐานจากรุ่นท็อปสุด Terra 2.3 VL 4WD ที่ราคา 1,519,000 บาท กับชุดแต่ง Sport รอบคัน ในราคา
1,555,000 บาท เพิ่มเพียง 36,000 บาท คุ้มไหม ไปดู 5 จุดเด่นความคุ้มค่ากันครับ
ทริปนี้ได้ขับบนถนนกรุงเทพฯ - เพชรบูรณ์ ซึ่งความจริงแล้ว สมรรถนะการขับขี่ระบบช่วงล่างนั้น รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและความบันเทิงที่มาแบบครบ ๆ จากรุ่นปกติหรือ
VL เลย เพียงแค่เพิ่มชุดตกแต่งเพิ่มความเข้มดุดันด้วยสีดำมากขึ้น รายละเอิยดชุดมาดังนี้
- กระจังหน้าสีดำ สปอร์ตพรีเมียม
- ชุดตกแต่งกันชนหน้า และ กันชนหลังสีดำเงาสไตล์สปอร์ต
- แผงกันกระแทกด้านหน้าและหลังสีดำ
- ฝาครอบไฟตัดหมอกสีดำ
- กระจกมองข้างสีดำ
- ราวหลังคาสีดำ
- มือจับประตูสีดำ
- คิ้วตกแต่งซุ้มล้อสีดำ และ บันไดข้างสีดำ
- เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ
- สปอยเลอร์หลังสีดำ พร้อมคิ้วและแผงประตูท้ายสีดำ
- สัญลักษณ์ Sport ด้านหลัง
- ห้องโดยสารภายในตกแต่งโทนสีดำสไตล์สปอร์ตพรีเมียม
จุดเด่นใน Nissan TERRA Sport
นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต ให้ความทันสมัย สะดวกสบายครบครัน มาตรวัดอนาล็อค พร้อมแสดงผลการทำงานของรถ รวมถึงแสดงมุมเอียงตาง ๆ ให้ใช้งานขับขึ้น-ลงเขาสะดวกขึ้น พวงมาลัยทรง "D" ขนาดกำลังเหมาะ หัวเกียร์ใช้งานง่าย ๆ สไตล์ไทย ๆ แต่อาจจะทันสมัยไปบ้างด้วยการใช้ระบบเบรกไฟฟ้า ที่มีไม่กี่ค่ายในระดับนี้ เบาะคนขับปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พร้อมที่ดันหลังปรับไฟฟ้า ฝั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะแถว 2 แบบแยก 60:40 เลื่อนตำแหน่งหน้า-หลัง, ปรับเอนได้และพับด้วยสวิตช์ไฟฟ้าตรงคอนโซลกลางนี่ก็เป็น 1 เดียวในรถระดับนี้อีกเช่นกัน
ออปชั่นเสริมสำหรับครอบที่แท้ทรู
หน้าจอสัมผัส Display Audio ขนาด 9 นิ้ว และเทคโนโลยี NissanConnect ที่รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay แบบไร้สาย และรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Android Auto** พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) และส่วนของหน้าจอมีเทคโนโลยีลดแสงสะท้อนอีกด้วย
กับผู้โดยสารในแถวสอง และสาม ที่สามารถชมความบันเทิงผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 11 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อ ผ่านช่อง HDMI หรือ การเชื่อมต่อแบบสมาร์ททีวี นอกจากนี้ยังมีช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์และชาร์จไฟแบบ USB (Type A และ Type C) ถึง 5 จุด แถมด้วยชุดอุปกรณ์เชื่อมต่อ Smart TV
ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose Premium Audio System ติดตั้งลำโพง 8 ตำแหน่ง และแอมพลิฟายเออร์ รวมถึงการเพิ่มฉนวนเพื่อลดเสียงรบกวน และกระจกบังลมตอนหน้าและกระจกที่ประตูคู่หน้ายังเป็นแบบ Acoustic Glass
นอกจากนี้ผู้โดยสารแถวสองและสามถูกยกระดัะบให้เป็นแบบโรงหนังหรือ "Theater Seat" มองเห็นด้านหน้าได้ชัดเจน และยังเข้า-ออกสะดวกด้วยระบบพับเบาะแถวสองแบบไฟฟ้าด้วยสวิตช์ที่โคนโซลกลาง ส่วนเบาะแถวสามอาจจะนั่งได้ไม่สบายนักเนื่องจากเบาะอยู่ระดับต่ำเท่ากับพื้นรถ แต่ก็มีพื้นที่กว้างขวางชดเลยกันไป และเบาะแถวสามพับเก็บแบบราบได้อีกด้วยครับ
เทคโนโลยีความปลอดภัย 360° Safety Shield* จาก ADAS ขาดแค่ ICC ควบคุมความเร็วแปรผัน
ความปลอดภัยจัดเต็มรอบคันพร้อมด้วยระบบกล้องหน้าตรวจจับความเคลื่อนไหว ADAS ที่กำลังนิยมก็มีใน
Nissan Terra Sport ใหม่ - เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) ที่ช่วยประเมินว่ารถมีความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันข้างหน้าหรือไม่ รวมถึงจะคอยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และส่งกำลังเบรกเบาๆ หากพบว่าผู้ขับขี่ยังไม่ลดความเร็วและมีความเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากประเมินว่ามีความเสี่ยงในการชนที่สูง ระบบก็จะทำการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติทันที
- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
- เทคโนโลยีเตือนรถในมุมอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW)
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning - LDW)
- เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning - IFCW)
- เทคโนโลยีเตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness - IDA) ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยเตือนความปลอดภัยอีกหนึ่งขั้น โดยเฉพาะในยามที่ต้องขับรถทางไกลที่อาจเกิดความเหนื่อยล้า
- กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror ที่ยังเป็นเจ้าในรถระดับนี้
พลัง 190 แรงม้า 450 นิวตันเมตร เกียร์ 7 สปีด แรงกำลังเหลือเฟือ
เครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง และประหยัดน้ำมัน รองรับน้ำมันดีเซลได้ทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20 ขับสนุกอัตราเร่งดี พร้อมความนุ่มนวลด้วยการเซทระบบคันเร่งให้มีความนุ่มนวล ลดอาการกรชาก เพื่อเน้นการเดินทางที่สะดวกสบาย แต่อัตราเร่งยังคงดีต่อเนืองราบรื่น ทันใจ ขับขึ้นเขา ได้อย่างสบาย ๆ
ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 ลิงค์ (5-Link) ที่นุ่มนวล เกาะถนน ให้ตัวได้ดี ลดอาการโคลงและซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น ผู้โดยสารตอนหลังนั่งสบาย ไม่โยนและไม่กระเด้งมากจนจุก ถือว่า ให้ความนุ่มนวลได้การโดยสารได้ในระดับที่น่าพอใจเลยครับ ส่วนระบบเบรกจานดิกส์ด้านหน้าขนาดใหญ่ 350 มม.จานเบรกหลังขนาด 330 มม. เบรกอยู่ทุกสถานะการณ์ลดอาการ "เบรกเฟด" แม้ต้องลงทางชันยาว ๆ ก็ยังเบรกได้มั่นใจ
น้ำหนักพวงมาลัยกล้าบอกเลยว่า เบาสบายขับง่ายไม่เปลืองแรง ควบคุมง่าย คมกระชับ นับว่าเป็นรถ PPV ที่ใช้ระบบเพาเวอร์ด้วยน้ำมันไฮดลอลิกส์ที่ให้น้ำหนักพวงมาลัยเบากำลังดีติด 1 ใน 3 ก็ว่าได้เลยครับ ผู้หญิงขับได้ไม่ต้องออกแรงควบคุมเยอะ และเป็น 1 ในไม่กี่ค่ายที่มี "เบรกมือไฟฟ้า" มาให้แล้ว สะดวกสบายมากขึ้น
ระบบขับเคลื่อ 4 ล้อ ที่ใช้งานง่าย เมื่อขับผ่านเส้นทางแบบออฟโร้ด เพียงหมุนสวิตช์เลือกระบบขับเคลื่อนตามต้องการ เช่น จาก 2H - 4H สามารถปรับได้ทันที ระบบจะทำงานให้ในไม่กี่วินาที และเมื่อต้องการลุยหนักแบบออฟโร้ดขั้นสุด เพียงจอดรถเข้าเกียร์ว่าง (N) ปรับสวิตช์ไปที่ 4L ใส่เกียร์เดินหน้าแล้วไปต่อระบบก็จะเปลี่ยนให้อย่างรวดเร็วเช่นกัน นอกจากนี้หากเจอสภาพบ่อโคลนลึกที่อาจจะผ่านได้ยากก็สามารถกดปุ่ม ล็อคระบบเฟือนท้ายได้ การส่งกำลังไปที่ล้อหลังก็จะช่วยให้ล้อทั้ง 2 ข้างหมุนและตะกายขึ้นมาได้ง่ายขึ้น
สรุปความคุ้มค่า
Nissan Terra Sport รถยนต์อเนกประสงค์มีพื้นฐานจากรุ่นท็อปสุดและมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พวงมาลัยเบาขับง่าย ช่วงล่างนุ่มนวลแต่ไม่ยวบเกาะถนนและไม่โคลงจนผู้โดยสารเวียนหัว เครื่องยนต์แรงนุ่มนวลราบรื่นและตอบสนองได้ค่อนข้างเร็วและแรงแซงขาดทุกสถานการณ๋ กับระบบความปลอดภัย ADAS รอบด้าน และมาพร้อมชุดแต่ง "SPORT" เพิ่มของดำรอบคันให้ดุดันเข้ามากขึ้จบที่ราคา
1,555,0000 บาท ถือว่าราคาระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ทะลุไป 1.7 - 1.9 ล้าน ถึงจะได้รุ่นท็อป