บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ชวนสื่อมวลชนรวมทั้งตัวแทนจาก เพจ Carguru Thailand เว็บไซต์ Checkraka.com ขับรถยนต์ตระกูล M ,รุ่นปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าตระกูล “i” บนสนามแข่งข้าง อินเตอร์เนชั่นแนล กับกิจกรรม BMW Driving Challenge 2023
กิจกรรมครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 วัน มุ่งให้ลองรถหลายรุ่นและหลายรูปแบบการขับ เพื่อให้เข้าถึงสมรรถนะของตัวรถบีเอ็มดับเบิลยูมากที่สุด ไม่ว่า จิมคาน่า ที่เป็นครั้งแรกที่มีทั้งออนและออฟโร้ด, มินิแลปกับการขับเข้าโค้งความเร็วสูงและแฮนเดอลิ่ง ส่วนไฮไลท์เป็นการขับแบบเต็มรอบด้วยรถ
บีเอ็มดับเบิลยู M2 และ
X4 M Competition พิสูจน์สมรรถนะตัวรถอย่างแท้จริงกับการขับในแทร็ค โดยเฉพาะการใช้โหมดอย่าง Sport+
โดยวันแรกผู้เขียน
เริ่มต้นกับการขับ Gymkhana Dirt ด้วยรถบีเอ็มดับเบิลยู iX xDrive40 Sport โดดเด่นด้วยดีไซน์ทรงพลัง คงความเรียบง่ายและบึกบึนสไตล์ SAV มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับและนวัตกรรมหลากหลายเหนือกว่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูทุกรุ่น ด้วยความสามารถในการคงแรงบิดได้แม้ระหว่างรอบสูง
นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่ได้ขับรถพลังไฟฟ้าจริงจังและเน้นสมรรถนะการเข้าไลน์บนทางฝุ่นซึ่งมีทั้งหญ้า, เลน และฝุ่นแห้งตัวรถให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมฉับไว ระบบช่วยเหลือต่างๆ ทำงานสอดประสานเพื่อให้รถเคลื่อนตัวได้อย่างลื่นไหลตามการควบคุมอย่างแม่นยำ จากนั้นมาต่อด้วยการขับแก้อาการโอเวอร์สเตียร์บนพื้นผิวที่ลื่นจากการรดน้ำด้วยรถ
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport สปอร์ตซีดานยอดนิยม เครื่องยนต์เบนซินเทคโนโลยี TwinPower Turbo และระบบปลั๊กอินไฮบริด สถานีนี้สร้างความสนุกสนานในการบังคับควบคุมหาจังหวะที่พอดีของการแก้อาการท้ายปัดด้วยการยกคนเร่งเค้าเตอร์พวงมาลัย เพื่อให้รถกลับคืนและไปต่อได้ ซึ่งเป็นการจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เมื่อต้องเจอกับสภาพพื้นผิวถนนที่ลื่นมาก ผ่านไป 2 สถานีในครึ่งวันแรก พักกลางวันแล้วมาต่อภาคบ่ายด้วยสถานีการแฮนด์เดอริ่งเข้าโค้งต่อเนื่อง ตลอดจนขับตามไอเดียไลน์ของแทร็ค เรียนรู้จุดผ่อนความเร็ว เบรกเบาและหนัก ตลอดจนเอเปกของโค้งที่แตกต่างโดยใช้รถ
บีเอ็มดับเบิลยู M340i xDrive ใหม่ โดดเด่นด้วยระบบควบคุมที่แม่นยำและเทคโนโลยีการขับใหม่ล่าสุดพร้อมการยกระดับอีกขั้นด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะสูง
สถานีนี้ใช้โค้งของสนามช่วงระหว่าง 5 - 12 ซึ่งเป็นการปรับความคุ้นชินกับตัวรถเน้นเข้าไลน์ได้อย่างถูกต้อง ถอนคันเร่งในจุดที่ควร และเบาเบรกให้พอดีก่อนเข้าโค้ง ตลอดจนขับกอดเอเปกเพื่อส่งต่อออกจากโค้งด้วยความเร็วที่ต่อเนื่อง นับเป็นช่วงที่สนุกเร้าใจและขับซ้ำได้ไม่รู้เบื่อ ทั้งนี้เป็นการทยอยเนียนรู้ให้ครบถ้วยทุกองค์ประกอบของการขับแบบเต็มรอบก่อนที่จะไปลองของจริงในวันถัดไป
สถานีสุดท้ายใช้รถ
บีเอ็มดับเบิลยู i4 eDrive35 M Sport ใหม่ รถยนต์ Gran Coupé สี่ประตูที่ผสมผสานความโอ่อ่ากว้างขวางภายใน รวมถึงคุณสมบัติหลากหลายเน้นการขับทางไกล
โดยให้ขับส่วนหนึ่งของสนามช้างฯ ช่วงโค้ง 1-4 ที่เน้นทำความเร็วสูงมีทางตรงให้กดกันยาวๆ มากที่สุด ความเร็วที่ได้ก่อนเข้าโค้ง 3 หลายคนทำทะลุ 200 กม./ชม. ก่อนยกและเบรก แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะตัวรถที่ยอดเยี่ยมแม้เป็นซีดานใหญ่แบบคูเป้
วัดถัดไปเริ่มด้วยสถานี Gymkhana ขับจับเวลาด้วยรถ
บีเอ็มดับเบิลยู iX3 M Sport ที่ให้ความคล่องตัวสูง สามารถเร่งและเบรกหยุดสนิทได้อย่างน่าทึ่ง จากนั้นก็เป็นไฮไลท์ขับแบบเต็มรอบสนามช้างฯ เริ่มกับรถ
บีเอ็มดับเบิลยู X4 M Competition ความแรงไม่ต่ำกว่า 500 แรงม้า การขับแบบเต็มรอบด้วยรถตัวถัง SUV แบบนี้อาจดูไม่น่าสนุกเร้าใจ แต่สำหรับรุ่นนี้ขุมพลังและระบบช่วงล่างตอบสนองได้สนุกอย่างไม่คาดคิด อาจมีอาการบ้างช่วงเบรกหนักที่ต้องรับภาระตัวถังอันหนักอึ้งที่ไปตามแรงเฉื่อย แต่ก็ชะลอเบาเอาอยู่อย่างมั่นใจ สุดท้ายกับ
บีเอ็มดับเบิลยู M2 พระเอกของงานนี้ เป็นรถที่ตอบสนองการขับบนแทร็คได้สนุกและเร้าใจที่สุดตลอด 2 วันนี้ การควบคุมของตัวรถและการเข้าโค้ง (Handling) ต่างๆ ของสนาม ทำได้อย่าดีเยี่ยมระบบส่งกำลังที่ต่อเนื่องทำให้สามารถขับได้ไม่รู้เบื่อ นับเป็นสปอร์ตซีดานสมรรถนะสูงที่ครองใจสายซิ่งได้อย่างแน่นอน และการได้มาขับในสนามแข่งระดับโลกแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เห็นถึงศักยภาพที่ซ้อนเร้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งในถนนทั่วไปไม่น่าจะมีโอกาสได้สัมผัสเข้าถึงมากขนาดนี้
ด้วยราคา 6,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard คุ้มครองการบำรุงรักษาระยะเวลา 3 ปีหรือ 60,000 กม.) เป็นบีเอ็มดับเบิลยู ตระกูล M ที่พร้อมให้หลายคนได้ครอบครองได้ง่ายที่สุด สำหรับคนที่ไม่มีลิมิตชีวิตเน้นความเร้าใจ บีเอ็มดับเบิลยู M2 ใหม่ ขุมพลังเบนซิน 6 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ส่งพลังสูงสุด 338 กิโลวัตต์ / 460 แรงม้า ที่ 6,250 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ที่ 2,650 – 5,870 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0 -100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลาเพียง 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สมรรถนะแบบไดนามิกยังผสานเข้ากับระบบขับเคลื่อนล้อหลังร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic เพิ่มการเปลี่ยนเกียร์ให้สปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยระบบการเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์โดยตรง พร้อมความสามารถในการลดเกียร์ลงหลายระดับจนถึงเกียร์ต่ำสุด ระบบส่งกำลังพื้นฐานนี้มีส่วนสำคัญในการเร่งความเร็วแบบทันทีทันใดได้อย่างน่าประทับใจ โหมดการขับ M Drive Professional ช่วยเสริมความเร้าใจในการขับให้มากขึ้น มาพร้อมระบบเฟืองท้าย M Sport เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและเสถียรภาพในการขับเมื่อเปลี่ยนเลนหรือเร่งความเร็วออกจากโค้ง และเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงหรือบนพื้นผิวถนนที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น ช่วงล่าง Adaptive M Suspension ยังช่วยให้ผู้ขับสามารถเลือกได้อย่างอิสระระหว่างรูปแบบการขับแบบสะดวกสบายหรือสไตล์สปอร์ต