ฟอร์ดเปิดสนามออฟโร้ดให้ลองลุยแบบกับ
Raptor ทั้ง 2 ขุมพลัง
เบนซินวี 6 สูบ และ
ดีเซล 2.0 ลิตร บอกเลยลุยแบบนี้ดีเซลขับง่ายกว่า เบนซินแรงจนล้น แต่ก็มันไม่แพ้กัน เส้นทางทดสอบแบ่งเป็นเนินสูง ใช่กล้อง 360 ในการขับ พร้อมทดลองใช้ระบบ 4L ทั้ง 2 ขุมพลังเติมคันเร่งเบา ๆ ก็ขึ้นได้สบาย และใช้กล้องมองรอบคันในการข้ามสะพานปูนบาง ๆ นับว่าภาพจากกล้องนั้นมองง่ายและชัดเจนมาก
ลุยด่านโหดพร้อมเหาะ 3 เนิน
จุดต่อไปเป็นการใช้ระบบดริฟท์ล็อกซึ่งใช้เนินอุปสรรคสลับต่างกันโดยรุ่นเบนซินจะมีล็อกทั้งล้อหน้าและหลังจึงใข้หลุมบ่อที่ลึกสลับไปมามากกว่า และใช้คันเร่งเบา ๆ ก็ผ่านไปง่ายมาก ๆ ส่วนดีเซลจะมีดริฟท์ล็อกเฉพาะล้อหลังจึงเป็นเนินที่ต่ำกว่สเล็กน้อย และก็ผ่านไปง่าย ๆ เช่นกันและใช้คันเร่งน้อยกว่าเบนซิน โดยในจุดนี้สามารถใช้โหมดร็อคได้เลยเช่นกันครับ
ในช่วงลงเมื่อเปิดระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชันก็สามารถปล่อยเท้าออกจากเบรกได้เลย รถจะค่อย ๆ ลงอบ่างช้า ๆ ตามความเร็วที่ตั้งไว้ และไม่มีเสียงการทำงานของระบบ เบรก ระบบด้วยสั่งการช่วยเบรกเลย เพราะว่ารถจะค่อย ๆ ปรับให้แต่ละล้อทำงานสัมผัสกันโดยแทบไม่มีล้อไหน หมนุฟรีหรือเบรกจนล้อล็อกเลยครับ นับว่าทำงานได้เนียบมาก ๆ
ถัดมาเป็นการเน้นขับผ่านทางแคบหรือท่อนเสาที่พาดระหว่างร่องน้ำลึก โดยการใช้กล้อง 360 ในการขับผ่านไป และภาพจากกล้องถือว่าคมชัดและทำให้ง่ายในการขับผ่านไปได้ โดยที่ผู้ขับมองไม่เห็นพื้นหรือทางเลยด้วยซ้ำ
จุดต่อมาเนินเหาะ 3 ลูกในโหมด "บาฮา" ทดสอบความนิ่งช่วงล่างที่แข็งแรงและควบคุมง่ายมาก ๆ โดยในรุ่นเบนซินจะทำความเร็วได้สูงกว่าพร้อมเสียงเร้าใจ ส่วนดีเซลกำลังพอดีควบคุมคันเร่งง่ายกว่า และด้วยระยะทางที่เหลือหลังจาก "เหาะ" มีสั้น ๆ แต่ก็สามารถควบคุมและหยุดรถได้ดั่งใจพร้อมเลี้ยวขวาเข้าในสถานีถัดไปได้เลยครับ นับว่าบนผิวดินลื่น ๆ ระบบเบรกทำงานได้ดี
จุดสลาลอมทั้ง 2 ขุมพลังขับมันและสนุกมาก โดยเฉพาะในรุ่นเบนซินที่กำลังเหลือ ๆ ใช้ความเร็วสูงกว่าและปั่นดินได้สนุก แต่ควบคุมยากต้องคอยลดความเร็ว ส่วนดีเซลนับว่ากำลังเหมาะควบคุมง่ายทั้งคันเร่งและแรงบิดที่มาเร็วกว่าและความเร็วพอเหมาะในการใช้คันเร่งที่เท่ากัน
ต่อกันโหมด "ทราย" ขับขี่ผ่านถนนกรวดลอยควาทเร็ว 30 กม./ชม. ทั้ง 2 รุ่นขับผ่านเหมือนถนนเรียบ ๆ ปกตินับว่าระบบขับเคลื่อนฉลาดและปรับให้ขับขี่ง่ายจริง ๆ ครับ สถานีถัดมาลองอัตรราเร่งในทางฝาก่นด้วยโหมด "บาฮา" ในระยะทางประมาณ 200 เมตร รุ่นเบนซินรอบจัดกว่าทำให้ 100 กม./ชม. ก่อนถึงจุดเบรก แต่จะมีอาการสไลด์ตัวเล็กน้อยด้วยกำลังที่มากกว่า ส่วนดีเซล ทำได้ 90 กม./ชม. นิด ๆ แม้จะขึ้นช้ากว่าแต่ตัวรถควบคุมง่ายกว่า นับว่าความเร้วและการควบคุมคันเร่งง่ายกว่าในทางฝุ่นแบบนี้ครับ
สรุปการลุยทั้ง 2 เครื่องยนต์
สำหรับ Raptor ทั้ง 2 รุ่นเครื่องยนต์นั้น ส่วนตัวชอบรุ่นดีเซลเพราะกำลังดีรอบต่ำควบคุมคันเร่งง่ายกว่าและมีความหน่วง ๆ ช่วยให้ความเร็วไม่ล้นเกินไป ยิ่งช่วงไต่ทางชันดีเซลจะใช้คันเร่งน้อยมาก ๆ ทำให้ขับผ่านทั้งเนินสูง เนินสลับหลุมบ่อ สามารถผ่านไปได้ง่าย
แต่ข้อดีของรุ่นเบนซินคือ ความมันในเสียงเครื่องวี6 ระบบพวงมาลัยปรับน้ำหนักตามโหมดต่าง ๆ และโช้คอัพที่ปรับแข็งอ่อนตามอีกด้วย ทััง 2 ขุมพลังแตกต่างด้วยสไตล์เบนซินเน้นทางเรียบและควบคุมทางฝุ่นยากกว่ารุ่นดีเซลที่ในทางลุยขับง่ายมาก ๆ แต่ทั้งคู่ก็ลุยได้เหมือนกันครับ