รถยนต์ไฟฟ้า 2023 เป็นกระแสร้อนแรงมากที่สุดโดยมีรุ่นใหม่เพิ่มเข้ามาให้คนไทยได้เป็นเจ้าของมากขึ้น โดยค่ายรถทั้ง ORA, MG, BYD จากประเทศจีนที่เข้ามาตีตลาดแตกจนค่ายญี่ปุ่นเริ่มขยับตัวเน้นระบบและออปชั่นอัดแน่นเข้าไปมากขึ้นเพื่อกันพื้นที่เจ้าตลาดเอาไว้ ส่วน Tesla ก้เข้ามาทำตลาดเองพร้อมหั่นราคาเองยั่วเศรษฐีเมืองไทย และยิ่งในปีหน้ารถยนต์ค่ายใหญ่ จากประเทศจีนเตรียมพร้อมลุยตลาดในไทยอีกเพียบ เช่น Cheery, Link & co, Changan เป้นต้น แต่ชั่วโมงนี้จะเป็นใครไม่ได้ต้อง
ORA GOODCAT,
MG4,
BYD DOLPHIN และ
NETA V ที่นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคา "ชาวบ้าน" จับต้องได้ พร้อมกับมีจุดเด่นและสมรรถนะการใช้งานที่แตกต่างกันไป ใครลังเลกูรูช้างจะสรุปให้ครับ
หมายเหตุ "บทความนี้เป็นความคิดเห็นมุมมองและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียนจากที่ได้สัมผัสรถยนต์ทั้ง 4 รุ่น รวมถึงการขับขี่สภาพแวดล้อมแตกต่างกัน ไม่ใช้การนำมาเปรียบเทียบหรือจัดลำดับว่าคันไหนดีกว่ากัน และไม่มีเจตนาแอบแฝงใดใดทั้งสิ้น"
รูปทรงสวยไม่สวยแล้วแต่มุมมอง
รูปลักษณ์คือสิ่งแรกที่ทำให้เกิด
"จังหวะตกหลุมรัก" โดยใน 4 รุ่นนี้หากดูรวม ๆ มีความโดดเด่นคนละแบบ ขึ้นกับความชอบของแต่ละคน แต่ส่วนตัวแล้วต้องยอมน้องแมว ORA
Goodcat เลยครับน่ารักก็ได้ ดูคลาสสิกก็ดีหรือจะดุดันก็มีในรุ่น GT เรียกว่าได้ทั้งน่ารักผสมดุดันและสปอร์ตในคันเดียว
ORA Goodcat ภายนอกถูกเติมความน่ารักคลาสสิกสีสันให้เลือกตามแต่ละรุ่นย่อย จุดเด่นคือ.....เหมือน...........(จงนึกคำในช่องว่าง) ไฟหน้าทรงกลม ซุ้มล้อ หลังคามนโค้ง แต่จุดเด่นที่จัดเชนคือ ไฟท้ายเส้นยาว ๆ ที่เป็นเอกลักษณืของน้องแมว และมาพร้อมล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายคลาสสิก และไม่มีปัดฝนหลัง....
MG4 เน้นความสปอร์ตดิบ ๆ คล้ายซูเปอร์คาร์นิด ๆ (แล้วแต่จิตนาการนะครับ) มองดูมีความเป้นรถยนต์ไฟฟ้าหรือเกิดมาเพื่อเป็นรถไฟฟ้าได้ชัดเจน รูปทรงลุ่มหน้าแหลม ๆ ท้ายตัดสั่น ๆ ตัวแบน ๆ ให้ความสปอร์ตที่พร้อมจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว ใครชอบสายสปอร์ต ปราดเปรียวน่าจะโดนใจ และไม่มีปัดฝนหลัง....
BYD Dolphin ให้ความน่ารักแบบเบา ๆ รูปทรงให้ความอเนกประสงค์ในแบบ 4 ประตู หน้าตาเรียบง่ายเน้นความสบาย ๆ ไม่ซับซ้อน ไฟหน้าอาจจะดุเชยไปบ้าง แต่มองภาพรวมทั้งคันก้กำลังพอดีลงตัวได้สัดส่วนที่พอเหมาะคล้ายกับอีโค่คาร์หรือว่ารถยนต์สันดาปบี-เซกเมนต์ แต่ก็สะดุดตาด้วยสีสันดใส แต่คันนี้มีปัดน้ำฝนหลังมาให้ด้วยยยยย
NETA V ต้องยอมรับว่ารูปทรงอาจดูไม่ค่อยพอดี มีความสูงหลังโก่ง ๆ ช่วงหน้ามีความหนาทั้งไฟหน้ากระจัง ฝาประโปรงและซุ้มล้อ ด้านข้างจะดูสูงโปร่ง ๆ ส่วนท้ายจะตัดลงมาและมีระะยะสั้น ๆ จึงอาจดูไม่ได้สมดุลนัก และส่วนท้ายค่อนข้างโด่ง (แล้วแต่มุมมองแต่ละคน) โดยรวมแล้วเน้นไปทางด้านการใช้งานคุ้มค่าที่สุดในกลุ่มเพื่อน ๆ ทั้งราคาและระยะทางที่วิ่งได้ แต่ก็เป้นรุ่นเดียวที่ไฟหน้าใช้หลอดฮาโลเจน แต่เห้นหลายคนนำไปเปลี่ยนเป็น LED ก็สว่างตาแตกไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เลยครับ และไม่มีปัดฝนหลัง....
ภายในแตกต่างกันเยอะ
สำหรับภายในนั้นรถทั้ง 4 รุ่นนี้มีเอกลักษณ์หรือคาร์แร็คเตอร์แตกต่างกันมาก ซึ่งเมื่อขับขี่ในรถภายในก็เป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่พอสมควร เพราะผู้ขับจะมองเห็นรายละเอียด การออกแบบ การใช้งาน พื้นที่ต่าง ๆ ของห้องโดยสารตลอดเวลาที่ขับขี่ ยิ่งหากใครชอบนั่งมองรายละเอียดในรถบ่อย ๆ หรือมองแล้วมีความสุขในการเดินทาง การตกแต่งภายในก็ยอมเป็นสิ่งหนึ่งในการตัดสินใจซื้อไม่มากก็น้อย
ORA GOODCAT
ใครชอบความน่ารักที่ผสานความคลาสสิก แน่นอนว่า Goodcat มีครบ ทั้งคอนโซลหน้า เบาะ แผงประตู หรือหลังคา โทนสุภายในและวัสดุ ถูกออกแบบให้คล้ายรถคลาสสิกอดีตคือ "โฟล์ค เต่า" แต่มีความทันสมัยเทคโนโลยีเยอะ และยังตกแต่งโทนสีในน่าเข้าไปนั่งอีกด้วย มีทั้งทูโทนครีมตัดเขียว หรือขาวตัดน้ำตาล เป็นต้น แต่ก็มีความสปอร์ตในรุ่น GT ที่ใช้หนังอัลคันทาร่าสีดำ สลับและแดง
MG4
สายสปอร์ตชอบรถซิ่งหรือแต่งแบบรถแข่งมาทางนี้เลย MG4 เค้าตั้งใจให้เป็นรถทรงสปอร์ตปราวเปรียวคล่องตัว ภายในจึงดูมีความเป็นเหลี่ยมสัน โดยเฉพาะพวงมาลัยหัวท้ายตัด ยิ่งได้อารมณ์รถสปอร์ตแท้ ๆ แต่อาจจะขับขี่ลำบากหน่อยต้องค่อย ๆ ปรับตัวไป ส่วนสีสันเรียบ ๆ เน้นสปอร์ตด้วยสีดำหรือรุ่นท็อปก็จะเป็นสีดำสลับขาวด้ายแดง
BYD Dolphins
ภายในน่ารักไม่แพ้น้องแมวไฟฟ้า เพิ่มดีไซน์แปลกตาด้วยเส้นโค้งเว้ารับกันสลับไปมาระหว่างภายในห้องโดยสาร และมีกิมมิกซิเนเจอร์ของค่ายหลายจุด เช่น ช่องรูปคลื่นน้ำบนคอนโซลหน้า กรอกช่องแอร์ทรงแปลกตา หรือแม้แต่ที่เปิดประตุด้านใน "ครีบโลมา" และแผงควบคุมตรงกลางที่มีสวิตช์ควบคุมเกียร์แบบบิวอินที่แอบสะเนียนจนเกือบหาไม่เจอ พวงมาลัยท้ายตัด และสีภายในมีให้เลือกตามสีรถอีกเพียบ ทั้ง ชมพู-เทา ฟ้า-เทา น้ำเงิน-น้ำตามหรือน้ำเงิน-เทา เป็นต้น
NETA V
ในเนต้าแม้ว่าภายนอกจะไม่น่ารักเท่าใครแต่ภายในไม่น้อยหน้ามาในความเป้นสปอร์ตเต็มขั้น เริ่มด้วยพวงมาลัยสปอร์ตแบบห้วท้ายตัดเหมือนใน MG4 เบาะทรงสปอร์ตชัดเจน จอกลางที่หมุนได้ทั้งแนวนอนและตั้ง ตำแหน่งและการจัดวางต่าง ๆ นับว่าสะดวกสสบายใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนและให้ความกว้างขวางไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ เรียกว่าหน้าตาดูเรียบ ๆ แต่ข้างในความสปอร์ตเพียบแบบจัดเต็มนะครับ เอ๊ะหรือว่าไปได้ DNA จากรุ่นพี่ NETA S หนอ?
สิ่งอำนวยความสะดวกสบาย
ความสะดวกสบายขอนำมาย่อยให้สั้นลงเพราะว่าออปชั่นส่วนมากจะพอหาข้อมุลได้จากข่าวเปิดตัว
ORA GOODCAT,
MG4 ,
DOLPHIN ,
NETA V กันไปบ้างแล้ว ในบทความนี้ขอสรุปเฉพาะที่สำคัญและน่าจะจำเป็นต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน (ตามความคิดเห็นของผู้เขียน)
ในการขับขี่ใช้งานส่วนมากมักต้องการออปชั่นที่จำเป็นและใช้งานบ่อย ๆ อย่างเช่น ระบบกุญแจสมาร์ทคีย์ ที่เปิด-ปิดรถโดยไม่ต้องกด หรือว่าใช้มือกดหรือจับที่มือเปิด นับเป้นความสะดวกสบายอย่างแรกก่อนจะขึ้นรถเลย ต่อมาคือ เบาะนั่งขับปรับมือหรือไฟฟ้า มือจับประตูดึงสะดวกแค่ไหน กระจกมองหลัง ที่วางกุญแจหรือวางแก้วน้ำ ตำแหน่งเกียร์
มาตรวัดก้เป็นสิ่งที่ตำเป็นเพราะต้องแสดงรายละเอียดข้อมุลรถชัดเจน มองง่ายขนาดจอต้องใหญ่พอดี และเข้าไปเล่นฟังก์ชั่นไม่ยากเกินไป ที่สำคัญต้องไม่สะท้อนตาและไม่สว่างเกินไปในเวลากลางคืนอีกด้วย ถัดมาหน้าจะเป็นจอกลางที่มีทั้งความบันเทิง และการปรับตั้งค่าการทำงานของระบบในรถยนต์ทั้งคัน จะต้องใช้งานง่ายเป็นมิตรต่อคนขับ ยิ่งมีปุ่มล็อตคัตยิ่งดี และควรมีปุ่มใช้งานหลัก ๆ สำคัญแยกออกมาต่างหากไม่ต้องเข้าไปกดในหน้าจอเยอะมากนัก
นอกจากนี้ระบบการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนก็จำเป้นไม่ว่าจะเสียบสายหรือไร้สายจะต้องเชื่อมต่อแค่ครั้งเดียวจบ เมื่อกลับมาใช้งานใหม่จะต้องเชื่อมต่อได้ทันที ไม่งงไม่เอ๋อ โดยเฉพาะแบบเสียบสาย USB จะต้องชาร์จไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย ซึ้งในบางรุ่นและบางครั้งก็ชาร์จไม่เข้า แต่ยังสามารถใช้งานระบบ Google Map หรือฟังเพลงได้ และสุดท้ายการจอดดับสวิตช์หรือว่าต้องมีระบบจอดเกียร์ว่าง
GOODCAT ORA Goodcat สามารถใช้เปิดแตะมือจับประตูได้เลย แต่ตอนล็อคจะต้องกดปุ่นบนมือเปิดประตู ก็นับว่ายังให้ความสะดวกสบายในระดับที่ดี แต่ในบางจังหวะก็มีอาการแตะบ่อย ๆ เปิดไม่เปิดบ้างหรืออาจะเป็นเพราะจังหวะในการแตะมือจับแล้วเปิดทันที ทำให้ระบบยังไม่ทันจะเปิดล็อกก็เป็นได้ แต่โดยรวมแล้วเจอปัญหานี้ 3 ใน 10 ครั้งที่ใช้งานครับ เบาะคนขับไฟฟ้า และในรุ่น GT มีเลื่อนถอดหลังให้เข้ารถได้สะดวกอีกด้วย แต่ว่าเมื่อต้องการขับเพียงแค่เหยียบเบรก บิดเกียร์ ชิมครีม ผ่าม! ไม่ใช่สิ!!! บิดสวิตช์เกียร์ไฟฟ้าที่หมุนได้ลื่น ๆ ฟรี ๆ ไม่มีตัวล็อกใดใด ปล่อยเบรกแล้วขับได้เลย ถ้าใช้เบรกมือไฟฟ้าอยู่ก็สามารถเร่งออกตัวได้ทันทีไม่ต้องมาคอยกดปุ่มเบรกออกแต่ว่าคนขับต้องคาดเข็มขัดฯ จึงจะทำงานครับ
มาตรวัดขนาดใหญ่มองง่าย ไม่สะท้อนแสงมากนักในกลางวันส่วนกลางคืนมีระบบหรี่ให้ก็ชัดแจ๋ว ยอมรับว่าชัดสุดในกลุ่ม 4 กุมารนี้ก็ย่อมได้เลยครับ แต่การปรับฟังก์ชั่นอาจจะยังไม่ง่ายนัก ต้องทำความคุ้นเคยก่อน ส่วนของหน้าจอกลางมีรายละเอียดการตั้งค่าและใช้งานของรถทั้งหมดรวมอยู่ในนี้บอกเลยครับ ใช้ยากมาก ด้วยระบบสัมผัสจึงต้องมองตลอด ยิ่งเวลาขับไปกดไปยิ่งยาก อันตราย เพราะในบางครั้งต้องกดเปิด-ปิดระบบที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะเจ้าแมวที่ไม่จดจำค่าใด ๆ พอดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ต้องเข้าไปตั้งค่านั้น ๆ อีกครั้งเสมอ แต่ว่ากระจกมองหลังปรับลดแสงด้วยมือแม้จะเป็นรุ่น GT
ยิ่งระบบช่วยควบคุมรถออกนอกเลน ควบคุมรถให้อยู่ในเลน ไม่ค่อยเหมาะในการขับในเมืองรถเยอะ ๆ หรือแนวก่อสร้างทาง เพราะต้องเบี่ยงเลนบ่อย ๆ ระบบก็จะดึงดันยื้ดแย่งกับผู้ขับตลอดเวลา จึงต้องปิด หากต้องการเข้าไปปิดระบบในหน้าจอเจ้าแมวต้องเข้าไปหลายเมนู และต้องอ่านหัวข้อให้ถูกจึงจะปิดได้ นับว่าลำบากไม่น้อย ยกเว้นใช้งานบ่อย ๆ ตั้งค่าเป็นช็อตคัตได้ก็น่าจะหาง่ายขึ้นเยอะครับ ส่วนภาพจากกล้องรอบคันชัดเจนมองง่ายครับ แต่คันนี้มีระบบช่วยจอดอัตโนมัติ 3 รูปแบบทั้ง เข้าช่องจอดแบบตรงฒเฉียง และขนาด ถือว่าล้ำสุดในกลุ่มนี้เลย
มาถึงการจอดรถ Goodcat จะมีสวิตช์ "P" ต้องดึงขึ้นทุกครั้งเมื่อต้องการจอดถาวร แต่ว่าสามารถจะจอดแบบเข็นได้โดยเลื่อนเกียร์ไปตำแหน่ง "N" และไม่ต้องดึงปุ่มจอด "P" รถก้จะไหล เอ้ย เข็นได้เลยครับ ไม่ต้องเข้าระบบ ถอดรหัส ดูยูทูธให้วุ่นวาย แต่ว่าน้องแมวในรุ่น 500 ULTRA และ GT มีระบบช่วยจอด 3 รูปแบบคือ จอดเข้าช่องตรง,ขนาน และ จอดเข้าช่องแบบเอียงพร้อมระบบถอยหลังอัตโนมัติในระยะ 50 เมตรสุดท้ายที่ขับมาได้ด้วย
ที่วางแก้วน้ำของต้องดี!!!!
จำเป็นมากสำหรับผมมม เพราะเป็นคนชอบทานกาแฟบ้าง ชาบ้าง น้ำหวานบ้างใน Goodcat มี 2 ช่องตรงใต้คอนโซลกลาง ขนาดกำลังดีวางแก้วขนาดปกติได้ แต่ถ้าเป็นแก้วเยติ อาจจะแน่นหน่อย และในจุดที่วางนี้อาจจะหยับยาก เพราะไปมุดอยู่ด่านล่างเลย ส่วนช่องวางข้างประตูขนาดใหญ่ดี แต่ไม่ได้ทำเป็นรูปโค้งรับกับแก้วน้ำ แต่ก็สามารถวางได้ทุกรูปแบบ ยกเว้นแก้วเยติ และตรงแผนประตูนี้หากวางแก้วน้ำจริง ๆ ก็จะหยิบยากครับเพราะติดที่เท้าแขน
MG4 MG4 เปิดล็อคด้วยการเอามือจับที่เปิด และเมื่อต้องการล็อกก็แค่สัมผัส และเมื่อต้องการขับก็เพียงเหยียบเบรก เข้าเกียร์ก้ขับได้และถ้าใส่เบรกมือไฟฟ้าและคาดเข็มขัดฯ ก็เร่งออกไปได้ทันทีเช่นกัน เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ตนนั่งก็ปรับไฟฟ้าอันนี้ดีงานแม้รุ่นเริ่มต้นก็ให้มา ทำให้คนที่มีอำนาจสูงสุดตัดสินใจเคาะซื้อ กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตดนมัติในรุ่นท็อป "X"
มาตรวัดขนาดเล้กเล็ก แม้จะมีการแสดงข้อมูลต่าง ๆ ครบถ้วนและชัดเจน แต่ด้วยความที่มันเล็ก ทุกอย่างจึงเล็กไปหมด อยู่ในเกณฑ์ที่พอมองเห็น ต้องมองให้ชินว่าจุดไหนคือสัญลักษณ์อะไร ก็จะคุ้นเคยไปเองครับ ส่วนสวิตช์เลือกการแสดงผลยังใช้งานได้ง่ายอยู่บนพวงมาลัยใช้เพียงนิ้วโป้งเท่านั้น แต่ข้อดีคือ กลางวันไม่ค่อยสะท้อนแสง ยังช่วยให้มองเห็นง่าย อาจเป้นเพราะระบบแสงที่สว่างสู้แดด แต่เมื่อขับกลางคืน สเหมือนไฟส่องบนเวลทีเลยทีเดียวครับ คือ สว่างเวอร์มาก และไม่สามารถปรับลดแสงได้ ส่วนมากนิยมไปติดฟิล์มกรองแสงกันก็ช่วยแก้ได้ครับ
จอสัมผัสตรงกลางใช้งานง่ายกว่าน้องแมว เพราะเค้ามีปุ่มแข็งหรือสวิตช์ธรรมดาอยู่ใต้จอ อย่างน้อย ๆ นึกอะไรไม่ออกก็กดปุ่ม "บ้าน" แล้วค่อยว่ากัน ส่วนเมนูในหน้าจอก้ยังใช้งานไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเท่าน้องแมว (อีกแล้ว) เพราะในจอสัมผัสก้มีปุ่มช็อตคัตบางฟังก์ชั่นมาให้กดใช้ง่ายขึ้น แต่เมื่อเข้าหย้าเมนูนั้นแล้วก็มองยากเมื่อเดิมครับ ตัวหนังสือเล็ก และต้องอ่านหัวข้อก่อนเลือกเหมือนกัน ตัวภาพจากกล้องรอบคัดแจ๋วเก็บรายละเอียดดี
ในส่วนการตั้งค่าระบบก็ยังมีความยากเพราะด้วยจอสัมผัสขนาดเล็ก ตัวหนังสือเล็กตามจอ และระบบที่จำเป็นต้องปิดตลอดเวลาขับก้คล้าย ๆ กับน้องแมวเลยคือ ตัวช่วยออกนอกเลน ควบคุให้อยุ่ในเลน ที่ใช้กับจราจรในเมืองไทยลำบาก จึงต้องค่อยปิดตลอด แต่หากางโล่ง ๆ หรือขับกลางคืนก็ควรเปิดใช้งานกันหลับในได้ดีเลยครับ
การจอดรถ MG4 จอดกด "P" บนหัวสวิตช์เกียร์ได้เลย จะดึงหรือดึงเบรกมือไฟฟ้าก็แล้วแต่สะดวกก็ได้ จากนั้นลงรถปิดประตูล็อกรถจะใช้มือสัมผัสหรือจะกดปุ่มก็ได้ ระบบจะดับเครื่องหรือปิดสวิตช์ให้ทันที แต่ตรงระบบนี้อาจจะไม่สะดวกสำหรับการจอดชั่วคราวลงไปทำธุระหรือซื้อของและมีคนนั่งในรถ เพราะระบบก้จะตัดการทำงานเมื่อประตูคนขับเปิดออก ซึ้งความจิงแล้วอาจจะมีปุ่มเปิดระบบนั่งรอในรถได้ แต่ยอมรับว่าจำไม่ได้จริงครับ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ และการจอดเกียร์ในแบบซับซ้อน แต่ก้ยังง่ายด้วยเมนูบนจอกลางที่มีให้กดเลือกจอดเกียร์ได้เลยครับ
ที่วางแก้วน้ำของต้องดี!!!!
ที่วางแก้วน้ำของ MG4 วางแก้วได้หลายขนาด แต่ก็หยิบยากเพราะอยู่ใต้แผงสวิตช์เกียร์ ยังดีที่ตำแหน่งไม่ลึกมากนัก ส่วนด้านข้างแผงประตูเป็นเรียบ ๆ ขนาดเล็กวางได้เพียงขวดน้ำกับเอกสาร วางแก้วไม่ได้ นับเป็นจุดอ่อนที่น่าเสียดายยิ่งนัก (สำหรับผู้เขียนนะ)
BYD Dolphin น้องโลมา
Dolphin ใหม่ร้ายบริสุทธ์เปิดตัวมาราคาก็ทำเพื่อน ๆ สะดุ้งโดย กุญแจรุ่นท็อปเป็นคีย์การ์ด แตะที่กระจกมองข้าง!! มาแบบลำหน้ากว่าใคร เมื่อเข้ารถมีปุ่มกดเปิด-ปิดหรือสตาร์ทยังให้ความรู้สึกไม่แตกต่างจากสันดาป ว้าวต่อมาคือสวิตช์เกียร์ซ่อนแบบบิวอินดุกลมกลืนอยู่ที่คอนโซลหน้านับว่าแปลกใหม่กว่าใคร เบาะปรับไฟฟ้าสำหรับรุ่นท็อป กระจกมองหลัง......ปรับลดด้วยมือทุกรุ่นย่อย
มาตรวัดแสดงรายละเอียดเยอะยัดเต็มจอที่มีขนาดเล็กพอ ๆ กับ MG4 ทั้งที่ตัวกรอบออกจะใหญ่แต่พื้นที่โชว์จอแสดงผลน้อยนิด แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะว่ารายละเอียดต่าง ๆ ยังมองได้ชัดแจ๋ว แม้กลางวัน ส่วนกลางคืนนั้น อาจจะต้องคาดว่าแสงสว่างแยงตาน้อยกว่าใน MG4 เพราะว่าในวันที่เขียนบทความนั้นรถทดสอบยังไม่ปล่อยให้ทดลองแบบเดี่ยวจึงไม่ได้ขับช่วงกลางคืน แต่ว่าความเฟี้ยวคือ มีระบบจับเวลาวัดอัตราเร่งออกตัวจาก 0 - 100 กม./ชม.มาให้ในตัวด้วย เรียกว่าอยากลองชาเลนจ์ก็เปิดระบบวัดได้ทันที่
จอสัมผัสตรงกลางดีงามหมุนได้ทั้งแนวตั้งแนวนอน และมีขนาดใหญ่ มองชัดเจน และยังใช้งานง่ายอีกด้วย ตัวหนังสือค่อนข้างใหญ่รู้ใจวัยเก๋า ภาพจากกล้องคมชัด การใช้งานเปิด-ปิดฟังก์ชั่นต่าง แม่จะเป็นสัมผัส แต่ตัวหนังสือใหญ่มองง่าย จิ้มยังไงก็มีดอกาสโดน การเข้าในบางเมนูอาจจะลึกแต่โดยนรวมแล้วไม่ได้แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ เท่าไหร่นัก จึดเด่นที่เหนือกว่าคือ ตัวหนังสือใหญ่!!!!
การเข้าถึงเมนูของหน้าจอยังพอใช้งานไม่ยากไม่ลึกมาก แต่ในระบบตัวช่วยต่าง ๆ ทั้ง เตือนออกนอกเลน ควบคุมรถให้อยู่ในเลน ทำงานขยันไม่แตกต่างกันรุ่นอื่น ๆ ซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับในเมืองนัก แต่ถ้าขับขี่ในถนนโล่ง รถน้อย หรือกลางคืนช่วยได้ดีเลยครับ ปลอดภัยมากขึ้น
การจอดรถโดยการใช้ปุ่มดับเครื่อง แต่ถ้าจอดแล้วลงรถแล้วล็อคประตู รถก็ยังทำงานปกติ ซึ่งอันนี้แปลก ดังนั้นหากจะจอดถาวรควรกดสวิตช์ดับทุกครั้งก่อนลงและล็อค แต่ถ้ามีคนนั่งรถในรถแต่กลัวความไม่ปลอดภัยอันนี้ถือว่า เช่น มีเด็ก สัตว์เลี้ยงรอในรถ เป็นต้น
ที่วางแก้วน้ำของต้องดี!!!!
ที่วางแก้วน้ำใน dolphins ไม่ผ่านมาตรฐานการวางแก้วไทย (คิดไปเอง) เพราะว่า ช่องเล็กมาก (แบ่งความใหญ่ของขนาดจอมาให้ก็ดีนะ) เมื่อนำแก้วมาวางจะเบียดกันและหยิบยาก ดดยจะต้องหยิบแก้วที่วางที่หลังออกก่อน เพราะเบียดกันจนไม่สะสวกสบาย และยิ่งใครใช้แก้วขนาดใหญ่อดเลยครับ วิธีแก้คือ ต้องไปวางที่เท้าแขนเบาะหลัง เพราะมีขนาดใหญ่ใช้ได้ ส่วนด้านแผงข้างประตุก็ไม่สามารถวางแก้วได้ วางได้เพียงขวดน้ำเล็ก ๆ และในส่วนของที่เก็บของใต้คอนโซลกลางก็ถืกว่าใช้งานยาก ช่างสำหรับจะหยิบจะวางนั้นแคบมากเพราะอยู่ระหว่างเบาะนั่งกับคอนโซลกลาง แม้ข้างใต้จะมีพื้นที่เยอะแต่ก็ใช้งานลำบากมาก ๆ ครับ
NETA V NETA V ระบบเปิดประตูแบบกดรีโมทและกดปุ่มบนมือจับ เบาะปรับมือซึ่งก็ปรับง่ายเร็วทันใจดี เมื่อต้องการออกตัวรถแค่เหยียบเบรกเข้าเกียร์ที่เป็นก้านหลังพวงมาลัยก็ขับได้เลย ย้ำว่าต้องคาดเข้มขัดฯ ก่อนด้วยรถถึงจะขับได้ และระบบเบรกมือไฟฟ้าก็จะปลดให้เช่นกันหากคาดเข็มขัดฯ กระจกมองหลังปรับลดแสงด้วยมือ รวม ๆ แล้วก็เหมาะสมกับค่าตัวที่ไม่สูงนัก
มาตรวัดแนวประหยัดขนาดเล็กแบนแต่ยาว แต่ก็พอแสดงรายละเอียดได้ชัดเจนไม่น้อย แค่อาจจะดุแปลกตาไปบ้าง ข้อดีคือไม่บดบังทัศนวิสัยการขับขี่ด้านหน้า แต่ตัวเลขด้านล่างตัวเล็ก ๆ อาจมองไม่ถนัดนัก สำหรับความคมชัดถือว่าผ่าน ทั้งกลางวันและกลางคืน ผมมองว่าขนาดเล็กแบบนี้ก้ดีคนขับไม่ต้องละสายตาจากถนนมากนัก และเป็นตัวเลขดิจิทัล สีเข้ม ๆ ชัด ๆ ทำให้มองง่ายขึ้น
จอสัมผัสตรงกลางขนาดใหญ่แนวตั้งหมุนไม่ได้ ใช้งานง่ายและตัวหนังสือชัดเจน ส่วนฟังก์ชั่นการต้งค่าต่าง ๆ ก็ยังมีทั้งเข้าเมนูง่ายไปจนถึงลึก ๆ หน่อย ซึ่งยังถือว่าใช้งานไม่ลำบากมากนักเพราะจอใหญ่ และหากใช้งานขณะขับรถก็ยังสามารถกดได้ง่ายอีกด้วยครับ แต่ก็ควรจะมีปุ่มลัดติดตั้งเพิ่มเติมบริเวณอื่น ๆ เพื่อให้ใช้งานงา่ยโดยไม่ต้องมองจอจะยิ่งดีมากครับ
การจอดรถเพียงกดปุ่ม P ที่ปลายก้านเกียร์ ลงรถหรือจะเข้าไปกดดับสวิตช์บนหน้าจอก็ได้เพื่อความชัวร์ สำหรับการจอดแบบเกียร์เพื่อเข็นให้เข้าไปหาเมนูโหมดลากจูง เหยียบเบรก กดเลือก ตกลง ก็เรียบร้อย
ที่วางแก้วน้ำของต้องดี!!!!
ในส่วนที่วางแก้วน้ำตอนหน้านับว่าดีเยี่ยม สามารถวางแก้วใหญ่ได้ 2 ใบตรงคอนโซลกลาง และยังสำรองมีด้านล่างที่ติดกับพื้น ส่วนที่วางสิ่งของถือว่าเยอะ ทั้งใต้จอกลาง คอนโซลกลาง กล่องใส่ของใต้เท้าแขน ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน และช่องวางแก้วข้างประตูก็ยังวางได้อีกด้วย
สมรรถนะแต่ละรุ่นแบบสรุป
เรื่องของสมรรถนะอาจไม่เน้นมาก เพราะว่าแต่ละรุ่นมีกำลังแรงม้า แรงบิดแตกต่างกัน และมีระยะทางที่วิ่งได้ไม่ได้เท่ากับแบบ เป๊ะ ๆ ดังนั้น จะขอเล่าถึงภาพรวมอย่างเช่น น้ำหนักพวงมาลัย ช่วงล่าง การเก็บเสียง การเลี้ยว การจอด มุมมองและทัศนวิสัยรอบคัน แต่ก้อาจมีเรื่องอัตราเร่งมาแถมเล็กน้อยครับ
GOODCAT
ในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ๆ แบบรถขยับสลับหยุดนิ่ง จะไม่ค่อยสมู้ท เมื่อเหยียบเบรกและปล่อยเบรกโดยไม่ใช้คันเร่งในการจราจรหนาแน่น จะไม่การตัดต่อกำลังมอเตอร์ที่ช้าหรือรอก่อนรถจะขยับเคลื่อนที่ และเมื่อเพิ่มน้ำหนักเบรก ต้องใช้การกดมาก ๆ หน่อย รถถึงจะหยุด ทำให้มีความรู้สึกเหมือนการเร่งสลับเบรกแบบ "ยึกยัก" ไม่ต่อเนื่อง ทำให้คนนั่งมีอาการมึนได้ คล้ายกับการใช้คันเร่งเดียว ที่เมื่อยกคันเร่งรถก็จะชะลอทันทีทั้งทีไม่ได้เปิดใช้ระบบนี้ โดยรวมแล้วความเนียนของการตัดต่อกำลังขณะเบรกและปล่อยเบรกยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ปล. โดยปกติรถยนต์สันดาปเครื่องยนต์จะพยายามดันรถไปข้างหน้าเสมอ เมื่อเหยียบเบรกรถจะหยุดตามน้ำหนักเท้า และปล่อยเบรกรถก็จะขยับตามน้ำหนักเท้าที่ยกออก เป็นต้น
น้ำหนักพวงมาลัยปรับได้ 3 รูปแบบคือ เบา, สบาย และสปอร์ต แต่ไม่ค่อยรู้สึกแตกต่างมากนัก ส่วนตัวชอบแบบสบาย (เพราะไม่รู้จะปรับไปอันไหนดี) ที่ให้ความเบากำลังดีทั้งความเร็วต่ำและสูง เลี้ยวง่าย วงเลี้ยวค่อนข้างแคบ และพวงมาลัยยังมีความ "กลม" ไม่ต้องปรับตัวเยอะครับ
ช่วงล่างนั้นโดยส่วนตัวได้ขับทั้งรุ่น 500 ULTRA และ GT ตัด GT ออกไปเลยเพราะว่าเฟิร์มกว่าหนึบกว่า ในรุ่น 500 ULTRA จะออกไปทางแข็ง ๆ ตึงตังทั้งความเร็วต่ำและสูง หากใครชอบแบบสปอร์ต ๆ หน่อยขับแล้วแน่น ๆ มั่นใจ น่าตรงความต้อง และด้วยน้ำหนักรถที่กำลังดี ทำให้เวลาเลี้ยวโค้งหรือเปลี่ยนเลนทำได้ดีไม่โคลงไม่ย้วย ขับสนุกอัตราเร่งเกินตัวครับ
ระยะทางวิ่งจริงใกล้เคียง 500 กม.
ระยะที่วิ่งได้จริงในรุ่น 500 ULTRA คือ 500 กม. เมื่อชาร์จเต็มที่ 100% เมื่อเปิดสวิตช์พร้อมขับขี่ระยะทางที่โชว์บนหน้าปัดคือ 501 กม.และจากการได้ลองขับใช้งานดูเมื่อระดับแบตฯ ลดลงมาที่ 95% ระยะทางคงเหลือ 493 กม. และเมื่อระดับแบตฯ ลดลงมาจนถึง 37% ระยะทางที่วิ่งได้คงเหลือคือ 145 กม. โดยการขับขี่ในความเร้วตามกดหมาย และมีเร่งออกตัวและแซงในบางช่วง สรุปแล้วใกล้เคียงกับที่เคลมเอาไว้ และให้ลบระยะทางออกไป 50 - 80 กม. เผื่อเหลือเผื่อขาดครับ และไม่ควรให้ระดับแบตเตอรี่ต่ำกว่า 30% เป็นการถนอมให้ใช้งานได้นาน ๆ (ขึ้นกับภาพการขับขี่ที่ไม่แน่นอน)
ORA GOODCAT 400 PRO 828,500 บาท + Wall charger
500 PRO 959,000 บาท + Wall charger
500 GT 1,286,000 บาท + Wall charger
MG4
MG4 ปราดเปรียวคล่องตัวได้ฟิลลิ่งขับหลังการขับขี่ค่อนข้างสมู้ทที่ความเร็วต่ำ ปล่อยเบรกปุ๊บรถพร้อมจะขยับตัวทันใจคล้ายกับรถสันดาปไม่ต้องปรับตัวเยอะ คันเร่งเบา ไหลลื่นและตอบสนองไว ด้วยควาใเป็นคอนเซปต์สปอร์ต เร่งหรือเบรกฉับไวมาก ๆ
พวงมาลัยปรับได้ 3 ระดับเช่นกัน แต่ว่าน้ำหนักเบาไปต้องเลือกสปอร์ต ซึ่งก็แตกต่างไม่มาก โดยน้ำหนักจะเบาทั้งความเร็ต่ำและสูง ยิ่งขับเร็วยิ่งรู้สึกเบาหวิวมากขึ้น อาจเป้นเพราะรถทดสอลเติมลมยางแข็งมากที่ 35-38 psi เลยทำให้หน้าลอบ และยิ่งเป้นรถขับเคลื่อนล้อหลัง น้ำหนักของอุปกรณ์ต่าง ๆ ส่วนมากอยู่ช่วงกลางและท้ายรถยิ่งทำให้หน้ามีอาการ "เหิน" อาจจะต้องระมัดระวังในการขับขี่มาขึ้นครับ
ช่วงล่างโดยรวมดีเกาะแน่นหนึบออกไปทางแข้งกระเด้งเบา ๆ ในความเร็วต่ำ ๆ ที่ความเร็วสุงจะกำลังพอดี มีเด้งและดีดอยู่บ้าง ได้อารมณ์รถซิ่งนิด ๆ ครับ และด้วยความที่หน้าไวการบังตับทิศทางที่ความเร็วสูง ๆ อาจต้องระวังเป็นพอเศษ มุมเลี้ยวในที่แคบดีมาก ขับเข้าออกซอกซอยคล่องตัวและหมดกังวลเรื่องเพลาขับเพราะไม่มีอีกด้วย
ระยะทางไม่ไกล้เคียงแต่ขับแล้วประหยัดวิ่งได้นาน
ระยะทางของ MG4 ที่เคลมไว้ 425 กม. แต่เมื่อชาร์จเต็ม 100% เมื่อดึงหัวชาร์จออกมากระยะทางจริงเท่ากับ 360 กม. แต่เวลาขับใช้งานจริง ๆ แล้ว กลับใช้พลังงานได้ค่อนข้างประหยัด เรียกว่าระดับแบตฯ กับตัวเลขระยะทางลดลงช้า ทำให้ใช้งานได้นานขึ้น เมื่อระดับแบตฯ เหลือ 95% ระยะทางขับอยู่ที่ 344 กม. จากระยะทางที่วิ่ง 15 กม.และเมื่อแบตฯเหลือ 56% ระยะทางวิ่งคงเหลือที่ 202 กม. ก็นับว่าลดไปตามปกพอดี ๆ เลยครับ แต่ก็ยังต้องเผื่อเอาไว้ด้วยการบลออกไป 50 กม. บวก/ลบ และไม่ควรให้ระดับแบตเตอรี่ต่ำกว่า 30% เป็นการถนอมให้ใช้งานได้นาน ๆ (ขึ้นกับภาพการขับขี่ที่ไม่แน่นอน)
MG4 D 869,000 บาท + Wall charger
X 969,000 บาท + Wall charger
BYD Dolphins
สำหรับ
Dolphins ส่วนตัวได้ลองทั้งโลมาน้อง Standard Range และพี่ Extended Range ซึ่งชอบคนพี่มากกว่าเพราะแรงเหยียบสนุกมาก แม้ช่วงล่างด้านหลังจะแหวกแนวด้วย มัลติลิงค์ แต่โช้คอับและสปริงยังนุ่มนวลเกินไปเหมาะกับการขับขี่แบบเรียบเรียบและยิ่งในเมืองยิ่งลงตัวครับ ส่วนคนน้องจะไปแบบช้า ๆ อย่างมั่นใจคงแรงน้อยกว่า แต่ช่วงล่างและกำลังพอดีตัวขับเร็วก้ยังถือว่าแน่นมั่นใจมากกว่า พวงมาลัยควบคุมได้ดีพอ ๆ กันไม่แตกต่าง ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้ หากไม่นับเรื่องของระยะทางวิ่งและความรง ก็แทบจะใกล้เคียงกันทั้งฟิลลิ่งขับขับในความเร็วต่ำ ๆ น้ำหนักพวงมาลัยเบา ๆ ทั้ง 3 โหมดก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนักเหมือนรุ่นอื่น ๆ การเลี้ยวให้ความคล่องตัว การตอบสนองคันเร่งและเบรกสมู้ทเนียนเกือบจะใกล้เคียงรถสันดาป ต่างแค่เหยียบแล้วไม่รอบรอบเท่านั้นเองครับ
ช่่วงล่างรุ่น Extended นุ่มนวลและมีอากาโยนและโคลงที่ความเร็งสูงเมื่อเปลี่ยนเลน หรือเข้าทางโค้งที่ความเร็วสูง ๆ เมื่อกระโดดคอสะพานให้ความนุ่มในระดับที่ยวบเลนทีเดียว อาจเพราะน้ำหนักตัวที่มากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าโช้คอับและสปริงไม่ได้ปรับค่าความแข็งและหนืดตาม จึงให้ความรู้สึกเหมือกับมีผู้โดยสารนั่งหลังมา 2 คนตลอดเวลาครับ แต่ถ้าขับในความเร็วต่ำ ทางตรง ๆ นิ่ง ๆ หรือในตัวเมืองถือว่านุ่มนวลกำลังสบายใช้ได้เลยครับ
รุ่น Standard ถือว่าลงตัวพอดี กำลังกลม ๆ ไม่แรงไป ไม่นุ่มเกินไป และนุ่มสบาย เพราะตัวรถมีน้ำหนักแบตเตอรี่เบากว่า ความจุน้อยกว่า นับว่าเพียงพอต่อการใช้งาน โดยให้สมรรถนะเทียบเท่ารถเบนซินสันดาปขนาด 1.6 ลิตร ใครหารถใช้งานในเมืองทุก ๆ วัน ต้องรุ่นนี้เลยครับ
สรุประยะทางใกล้เคียงสเปค
ทั้ง 2 รุ่นเมื่อระดับแบตเตอรี่เต็ม 100% ระยะทางที่แสดงบนมาตรวัดใกล้เคียงสเปคก็จริงครับ คือ รุ่น EXT ที่ 490 กม. บนมาตรวัด 489 กม. เมื่อใช้งานจนถึงระดับ 39% ระยะทางคงเหลือ 193 กม ก็นับ และรุ่น STD ที่ 410 กม. บนมาตรวัด 408 กม. เมื่อใช้ไป 34% ระยะทางคงเหลือ 144 กม. ก็นับว่าใกล้เคียงไว้ใจได้ทั้งคู่เลยครับ และยังไงยังก็ต้องเผื่อเอาไว้ด้วยการบลออกไป 50 กม. บวก/ลบ และไม่ควรให้ระดับแบตเตอรี่ต่ำกว่า 30% เป็นการถนอมให้ใช้งานได้นาน ๆ (ขึ้นกับภาพการขับขี่ที่ไม่แน่นอน)
BYD Dolphins Standard Range 699,999 บาท +สิทธิ์ซื้อ Wall charger ราคาพิเศษ 25,000 บาท*
Extended Range 859,999 บาท +สิทธิ์ซื้อ Wall charger ราคาพิเศษ 25,000 บาท*
NETA V
พวงมาลัยรูปทรงเดียวกับใน MG4 ที่ใช้ไม่ถนัดนัก และให้ฟิลลิ่งขับขี่ง่านเบาสบายในทุกการเลี้ยว คล่องตัวในการเข้าตรอกซอกซอย การขับขี่ที่ความเร็วต่ำถึงสูงสุดเท่าที่ทำได้ นับบังคับควบคุมได้ดี คันเร่งและเบรกตอนสนองได้ค่อนข้างเนียนและราบรื่นกว่าเจ้าแนวไฟฟ้า ใช้ง่ายไม่ต้องปรับตัวเยอะ
ในเรื่องของช่วงล่างนั้นยอมรับว่า "นุ่ม อ่อน และย้วย" ตามระดับราคา ซึ่งการขับถนนเรียบ (ในประเทศไทย) มีอาการท้ายเด้งและโยนบ่อย ๆ ยิ่งเข้าดค้งหรือเปลี่ยนเลนจะออกอาการชัดเจนทันที
NETA V อาจจะเน้นใช้งานในตัวเมืองหรือความเร็วระดับกลาง ๆ แต่ในความเป้นจริง แม้จะขับในความเร็วต่ำ ๆ ก็ยังมีอาการโยน โคลง และเด้งอยู่แนะนำเลยครับว่าหากทนไม่ไหวก็สามารถอับเกรดโช้คที่ร้านช่วงล่างทั่วไปได้ และจะทำให้เปลี่ยนเป็นคนละคันเลยทีเดียว
ใกล้เคียงและประหยัดดี
ระยะทางของเนต้าที่เคยได้ทดสอบ (นานมาแล้วก่อนเขียนบทความ) จำได้ว่าค่อนข้างตรงและแม่น เรียกว่าใกล้เคียงกับตัวเลขบนมาตรวัด โดยเมื่อชาร์จไฟเต็ม 100% ระยะทางวิ่งได้ตามสเปคคือ 384 กม. ซึ่งระยะวิ่งได้ทำได้ใกล้เคียงและค่อนข้างประหยัดพลังงาน
NETA V 549,000 บาท + Wall charger
รถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 รุ่นนี้ มีจุดเด่น คาแร็คเตอร์ และสเปคที่แตกต่างกัน มีทั้งข้อดีและข้อด้อย ขึ้นอยู่กับความชอบหรือมมุมมอง วัตถุประสงค์ของการซื้อมาใช้งาน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้า หรือวางแผนการเดินทาง หากใช้ในเมืองเป็นหลักก็ไม่น่าห่วงอะไรมาก ถ้าชอบท่องเที่ยวเดินทางก็ต้องเผื่อเวลาในการแวะจุดชาร์จไฟฟ้าไปเรื่อย ๆ ที่เหลือขึ้นกับความชอบล้วน ๆ เลยครับ
สำหรับ 10 ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้ทดสอบ
1.ฟังก์ชั่นการใช้งานและเทคโนโลยี
ยกนิ้วให้ ORA Goodcat เพราะได้ออปชั่นเยอะสุดตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น 400 PRO
2.สมรรถนะการขับขี่
ยกนิ้วให้ MG4 ได้ฟิวลิ่ง รถขับหลัง และให้การตอบสนองของคันเร่งไว ขับมันสนุกที่สุด ออกตัวกระฉับกระเฉง
3.ระยะทางวื่ง
ยกนิ้วให้ ORA Goodcat 500 PRO/GT แน่นอนครับว่ามันมีความจุแบตเตอรี่มากกว่าคันอื่น ๆ แต่ในรุ่น 400 PRO กลับเฉย ๆ ระยะวิ่งได้ไม่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ เท่าไหร่ครับ
4.เวลาในการชาร์จ ณ สถานีบริการ
ยกนิ้วให้ MG4 ชาร์จเร็ว เต็มไว ใช้เวลาน้อย
5.อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้า
ยกนิ้วให้ NETA V และ Dolphins Standard Range เพราะความประหยัดทั้งความจุ กำลัง แรงม้า ทำให้ใช้ไฟน้อย แต่ใน Dolphins ขับไปขับมาไฟลดลงเร็วกว่า NETA V จึงตกยกให้ NETA V อีกรอบ
6.ความสะดวกสบายภายใน
ยกนิ้วให้ ORA Goodcat เพราะความใหญ่โตในห้องโดยสาร หลังคาสูงโปร่ง และกระจกด้านข้างขนาดใหญ่ มีอึดอัดเล็กน้อยแค่ช่วงด้านหลังที่กระจกแคบ ๆ หน่อย
7.ความปลอดภัย
ยกนิ้วให้ ทุกรุ่น ยกเว้น NETA V เพราะเป็นรุ่นที่ราคาประหยัด มีความปลอดภัยมาตรฐานเพียงพอแต่อาจจะไม่มีระบบช่วยเหลือขับขี่มากมายเท่ารุ่นอื่น ๆ ส่วนรุ่นไหนที่ระบบช่วยการขับขี่ที่นุ่มนวลที่สุดต้องยกให้ ORA Goodcat รองมาก็ BYD Dolphins และ MG4 ถือว่าโหดสุด โดยเฉพาะระบบช่วยให้รถอยู่ในเลนและกันออกนอกเลนที่ดึงกลับรุนแรงมากที่สุดในกลุ่นนี้ ครับ
8.เบาะนั่งคนขับ
ยกนิ้วให้ ORA Goodcat เพราะมีพื้นที่รอบตัวเหลือยอะและโล่งสบายที่สุด ส่วนรุ่นที่อึดอัดที่สุดคือ........Dolphins ครับ เหลือพื้นที่รอบ ๆ ตัว น้อยสุด (สำหรับผู้ทดสอบนะครับ)
9.วิสัยทัศน์
ยกนิ้วให้ 2 รุ่นด้วยกันคือ Dolphins และ NETA V เพราะเบาะนั่งมีมุมมองที่กว้างสบายตาและกระจกบังลมหน้าด้านข้างและด้านหลังกว้างมองง่าย มีมุมอับสายน้อยที่สุด และที่ถือว่าเยี่ยมกว่าใครในกลุ่นนี้คือ Dolphins มี "ที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง" มาให้เจ้าเดียววววววว
10.ความคุ้มค่า
ยกนิ้วให้ BYD Dolphins Extended เพราะได้ออปชั่นความสะดวกสบาย ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแรงจัด ระบบความปลอดภัยครบถ้วน ในราคาดีที่แม้จะต้องจ่ายเครื่องชาร์จแยกก็ตาม เมื่อรวมราคาแล้ว ก็ยังถือว่าไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้
แถมอีกข้อ...! เรื่องการบริการหลังการขายและแคมเปญเช็คระยะต่าง ๆ นั้น ขึ้นกับช่วงที่ทำโปรโมชั่น โดยในปัจจุบันมีเพียง BYD ที่ไม่มีฟรีค่าบำรุงรักษาในระยะกำหนด ส่วนเรื่องอัตราค่าใช้จ่ายนั้น ไม่หนีกันมาก เพราะอย่างน้อยรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ (มีเพียงระบบชุดเฟืองอัตราทด), ไม่ต้องเปลี่ยนหัวเทียน, ปั้มน้ำหล่อเย็น, สายพาน ฯลฯ เป็นต้น กังวลแต่เรื่อง ซอฟท์แวร์ให้ทำงานได้ทนทานและไม่รวมก็พอแล้วครับ!!!!!