เมื่อตัดสินใจซื้อรถยนต์สักรุ่นกับทางผู้แทนจำหน่าย ก็มักจะมีรายการของแถมเสนอให้มาไม่ว่าจะเป็น ฟิล์มกรองแสง, แพ็คเกจบริการหลังการขาย (ตามแต่เงื่อนไขของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ), อุปกรณ์เสริมหรืออุปกรณ์ตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน, ส่วนลดเพิ่มเติมหรือข้อเสนอพิเศษอื่นๆ, บัตรน้ำมัน ฯลฯ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การแถมประกันภัยรถยนต์มาให้ด้วยนั่นเอง
การที่ผู้แทนจำหน่ายแถมประกันภัยรถยนต์ในขณะซื้อรถยนต์ใหม่สักคัน จริงๆ ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ผู้ซื้อได้รับ เนื่องจากประกันภัยรถยนต์เป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะ
- เป็นการคุ้มครองความเสี่ยง: ประกันภัยรถยนต์นั้นจะช่วยคุ้มครองคุณจากความเสียหายและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณจาก อุบัติเหตุ(การชน), การโดนโจรกรรม, ภัยธรรมชาติ ฯลฯ
- ความรับผิดชอบต่อสาธารณะ: การมีประกันภัยรถยนต์นั้นไม่เพียงช่วยเจ้าของรถเองเท่านั้นแตยังครอบคลุมความเสียหายต่อทรัพย์สินหรือบุคคลของบุคคลที่ 3 ที่เกิดจากการอุบัติเหตุที่คุณเป็นต้นเหตุ
- การคุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสาร: ประกันภัยรถยนต์บางประเภทนั้นจะคุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถยนต์ของคุณต่อการบาดเจ็บหรือการเสียชีวิตในการอุบัติเหตุ
แต่การได้แถมประกันภัยรถยนต์มาใช่ว่ารถคันนั้นจะได้รับความคุ้มครอง เพราะรถบางคันก็อาจจะถูกปฏิเสธความคุ้มครอง ซึ่งเงื่อนไขก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทประกันภัย แต่โดยส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในหัวข้อเหล่านี้ที่จะทำให้ประกันภัยอาจไม่รับเคลม
- การขับขี่รถในสภาพไม่ปกติ: ในความหมายนี้ไม่ใช่ว่ารถไม่ปกติแต่เป็นผู้ขับที่ไม่มีความพร้อม เช่น ใช้สารเสพติด, แอลกอฮอล์ ไปจนถึงการขับขี่โดยที่ไม่มีใบขับขี่ ก็อาจจะทำให้การเคลมประกันนั้นของคุณอาจถูกปฎิเสธ
- การใช้รถที่ละเว้นการบำรุงรักษา: ถ้ารถยนต์คันนั้นที่เกิดอุบัติเหตุ แล้วมีการสืบค้นได้ว่ารถยนต์ขาดการบำรุงรักษาตามที่คู่มือของผู้ผลิตแนะนำ หรือละเว้นการซ่อมบำรุงที่จำเป็น อาจเป็นสาเหตุให้ประกันอาจไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น
- การใช้งานในสถาณการณ์ที่ไม่ปกติ: เช่น การนำไปไปใช้ในการแข่งขัน หรือขับขี่ในเส้นทางที่ไม่ได้รับการรับรอง, การขนส่งวัตถุที่อันตราย ฯลฯ อาจทำให้การเคลมประกันถูกปฏิเสธ
- การขับขี่โดยใช้ความเสี่ยง: การใช้รถในสภาวะที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การขับรถยนต์ในทางธรรมชาติที่มีความเสี่ยง อาทิ การขึ้นเขา, การเข้าป่า หรือ เส้นทางธรรมชาติที่ดูมีอันตราย นี่ก็เป็นอีกสาเหตุที่บริษัทประกันอาจไม่รับเคลม
- การใช้งานไม่ตามวัตถุประสงค์: การใช้รถยนต์ของคุณ (คันที่จะเคลมประกัน) เกิดไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ระบุในกรมธรรม์ประกันภัย ก็จะทำให้สิทธิ์ในการเคลมของรถยนต์คันนั้นอาจถูกปฏิเสธ เช่น การนำรถยนต์ส่วนบุคคลไปใช้เพื่อการขนส่งหรือการให้เช่า เป็นต้น
ด้านบนเป็นข้อมูลของการใช้งานรถยนต์แบบไหนที่บริษัทประกัน (อาจ) ไม่รับเคลม แต่หลังจากนี้จะเป็นการขับรถแบบไหน? ที่ประกัน (อาจ) ไม่รับเคลม บางคนคิดว่าในเมื่อรถยนต์ก็ทำประกันชั้น 1 ไว้แล้ว ก็ต้องได้รับความคุ้มครองสิเพราะ เราได้ชำระค่าเบี้ยไปแล้ว ก็ควรได้รับความคุ้มครองในทุกกรณีสิ แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าคุณขับรถแบบนี้ก็อาจจะไม่ได้รับความคุ้มครองเช่นกัน
- ขับขี่โดยประมาท: การขับขี่โดยเอาไปแข่งกันตามถนนหลวง, ขับขี่เร็วเกินที่กฎหมายกำหนด
- ขับขี่โดยไม่มีใบบอนุญาตขับขี่: โดยใบอนุญาตขับขี่นั้นเป็นเอกสารที่กรมการขนส่งทางบกออกให้ โดยแบ่งเป็น ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล, ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล, บอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ฯลฯ นั่นทำให้การที่คุณมีใบขับขี่ประเภทนึงแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถขับขี่รถยนต์ได้ทุกประเภท อาทิ ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ดันไปขับรถอีกประเภทที่ใบขับขี่นั้นไม่ครอบคลุมก็จะถือว่าขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาต จะทำให้ถูกตัดสิทธิ์ประกันเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น
- ขับขี่โดยใช้รถผิดประเภท: เช่นการนำรถไปลากจูงรถคันอื่นจนเกิดความเสียหาย หรือใช้รถผิดประเภทจากที่จดทะเบียนไว้
- ขับแต่ไม่ดูแล: พวกเอาแต่ใช้แต่ไม่ดูแลส่วนต่างๆ อาทิ น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์ ก็อาจจะทำให้สารหล่อลื่นต่างๆ เสื่อมสภาพจนเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายจนถึงอุบัติเหตุ
- ขับไปเคลมไป: ถ้าคุณเป็นคนที่เคลมบ่อยโดยเป็นฝ่ายผิด และมีค่าเสียหายมากเกินกำหนด บริษัทประกันก็อาจจะลดชั้นประกัน ไปจนถึงยกเลิกประกันเลยก็เป็นได้
- ขับออกนอกเขตคุ้มครอง: ก็คือการนำรถออกไปต่างประเทศโดยไม่ได้แจ้งกับทางบริษัทประกันภัยไว้ก่อนเดินทาง ถ้าคุณมีเหตุจำเป็นก็ควรแจ้งไว้สักนิดหรือซื้อประกันแยกไปเลยก็ได้ เช่น ประกันภัยการเดินทางระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อคุ้มครองต่อความเสียหายขณะที่ขับขี่ในประเทศอื่น หรือคุ้มครองคุณต่อความรับผิดในการอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นกับบุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นที่อาจเกิดขึ้นขณะที่คุณขับขี่รถยนต์ของคุณในประเทศอื่น
- ขับห่วยไม่ว่าแต่ดันหัวหมอ: เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แล้วบริษัทประกันทำการตรวจสอบแล้วเห็รว่าผู้เอาประกันนั้นจงใจสร้างสถานการณ์ทำลายทรัพย์สินตัวเอง เพื่อหาประโยชน์จากประกันภัย ก็อาจเป็นเหตุให้จะไม่ได้รับความคุ้มครองในส่วนนี้
สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ประกันภัยรถยนต์ ไว้ไม่ว่าจะประเภทไหนก็ตาม แต่ถ้าคุณทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็จะทำให้บริษัทประกัน (อาจ) ไม่ให้ความคุ้มครองไปจนถึงยกเลิกกรมธรรม์ของรถคุณไปเลยก็ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ดีการที่รถยนต์ของคุณมีประกันภัยคุ้มครองไว้ก็ยังอุ่นใจกว่า มีไว้ไม่ได้ใช้ดีกว่า ถึงเวลาที่จะใช้แล้วไม่มี จริงมั้ยล่ะครับ