ลองขับจริง
BYD Dolphins กรุงเทพฯ-พัทยา ครบทั้ง
Standard และ
Extended Range วิ่งได้ 490 กม. โดยรุ่นนี้ใช้มอเตอร์กำลังสูง 201 แรงม้า 310 นิวตันเมตร แรงขึ้น 0-100 ใน 6.8 วินาที เร็วสเปค และช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ!! ราคา 859,999 บาท ส่วน Standard ฟิลลิ่งกำลังกลมกล่อมขับสบายใช้งานง่าย พร้อมราคา 699,999 บาท
VIDEO
Extended Range มาใหม่อะไรเด่นบ้าง? สำหรับออกชั่นใน Extended Range หลังคาพาโนรามิกที่มีม่านเปิด-เปิดไฟฟ้า แต่กระจกเปิดไม่ได้ ภายในมีทั้งโทนสีดำ สีชมพูและน้ำเงินสลับดำ เบาะคู่หน้าคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง ฝั่งคนนั่ง 4 ทิศทาง แท่นชาร์จไร้สาย และนอกจากสเปคมอเตอร์ไฟฟ้าจะแรงแล้ว ช่วงล่างมาในแบบอิสระ 4 ล้อ โดยด้านหลังเป็น "Multi-link" ถ้ารุ่น Standard จะเป็น Torsion-beam เป็นต้น ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น และสีภายนอกจะมีแบบทูโทนให้เลือก และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว มี 2 ลายขึ้นกับสีภายนอกเลือกได้หลายสี และในรุ่น Standard จะมาในสี 4 สีไม่มีทูโทน และล้อขนาด 16 นิ้ว
จุดเด่นของโลมาน้อยทั้ง 2 รุ่นย่อย คือมาตรวัด ขนาดเล็กที่แสดงผลการทำงานได้ละเอียดแม่นยำ จอความบันเทิงขนาด 12.8 นิ้ว สามารถปรับหมุนแนวตั้งและแนวนอนได้ ลำโพง 6 ตำแหน่ง ช่องเชื่อมต่อ USB-A กับ USB-C ด้านหน้าพร้อมช่องจ่ายไฟ 12V ด้านหลัง USB-A และ USB-C อีก 2 ช่องหลังคอนโซลกลาง โดยจอกลางนั้นจะเป็นเมนูสำหรับตั้งค่าการใช้งานรถแทบทุกอย่าง เช่น แอร์ ระบบควบคุมรถ ระบบความปลอดภัย เครื่องเสียง แผนที่เชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อม Wireless changer
พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นเหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อย เบาะทรงสปอร์ตนั่งสบายปรับไฟฟ้าคู่หน้าฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง ข้างคนขับ 4 ทิศทาง ส่วนรุ่น Standard Range จะปรับมือฝั่งคนขับ 6 และข้างคนขับ 4 ทิศทาง กระจกมองหลังปรับลดแสงด้วยมือทั้ง 2 รุ่นย่อย แต่รุ่น Extended ให้กระจกขึ้น-ลงอัตโนมัติทั้ง 4 บาน ส่วนรุ่น Standard จะขึ้น-ลงอัตโนมัติด้านคนขับ
เบาะแถวหลังขนาดใหญ่พร้อมที่วางแขนและช่องวางแก้วน้ำ คอนโซลกลางมีที่วางแก้วเล็ก ๆ ที่วางได้แค่ทีละ 1 แก้ว หรืออาจจะต้องวางขวดน้ำ ส่วนใต้คอนโซลกลางมีที่เก็บของแต่ใช้งานลำบากหน่อยเพราะช่องสำหรับจะวางและหยิบของแคบเพราะเป็นช่องเล็กระหว่างเบาะ จึงใช้งานค่อนข้างลำบาก แต่ถ้าไม่ได้ใช้งานบ่อย ๆ ก็ไม่มีปัญหามากนัก แต่ที่วางของตรงจอกลางถือว่าดี ใช้ประโยชน์ได้จริงเมื่อเสียบสายใช้งานระบบสมาร์ทโฟนก็สามารถวางได้มั่นคงไม่กลิ้งตกหล่นเวลาขับมัน ๆ
การชาร์จไฟฟ้า ขนาดแบตเตอรี่ Standard Range 44.9kw และ Extended Range 60.48kw รองรับ DC,CCS 2 และ AC Type 2 0-100% AC Standard Range 7.5 ชม.Extended Range 10 ชม. 0-100% DC Standard Range 57 นาที Extended Range 68 นาที 0-80% DC Standard Range 42 นาที Extended Range 43 นาที 30-80% DC Standard Range 28 นาที Extended Range 29 นาที จะเห็นว่าเวลานั้นไม่ต่างต่างกันมากเพราะขนาดแบตเตอรี่
สรุปหลังขับ ทริปนี้ได้ทดลองขับจากกรุงเทพฯ - พัทยา ด้วย BYD Dolphins ทั้ง 2 รุ่น สลับกันขับขี่จนครบด้วยระยะทางรวม ๆ 300 กว่ากม. สภาพถนนรถหนาแน่น ขับบนทางด่วนต่าง ๆ และใช้ความเร็วตามเหมาะสม มีการออกตัว เร่งแซง บ่อย ๆ เริ่มต้นจากรุ่น
Dolphins Extended Range แบตเตอรี่จากจุดปล่อยตัวโชว์รูม BYD Autopia เทพารักษ์ - ศรีนครินทร์ระดับแบตฯ 99% ระยะทางที่วิ่งได้ 489 กม. นับว่าเฉียดสเปคจริง 490 กม.
จากนั้นเมื่อขับขี่ถึงจุดหมาย Movenpick พัทยา แบตเตอรี่คงเหลือ 39% กับระยะทาง 193 กม. และระยทางรวมในชาไป 226 กม. อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าสะสมเฉลี่ย 16.2 kWh/100 km และแรงดันลมยางคันนี้เฉลี่ย 39 - 40 psi
ปล.ระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่าง ๆ ขยันทำงานจนระแวงจนต้องปิดระบบ และจะต้องคอยปิดทุกครั้งหลังดับสวิตช์ เพราะเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
สำหรับขากลับนั้นได้ขับ
Standard Range ออกจากที่พักระดับแบตฯ ที่ 99% เมื่อถึงมุ่งหน้าสู่โชว์รูม BYD Autopia เทพารักษ์ - ศรีนครินทร์ คงเหลือ 35% ระยะทางคงเหลือ 144 กม. และรุ่นนี้ตั้งค่าปิดระบบช่วยเหลืออกนอกเลนเมื่อดับและสตาร์ตอีกครั้งกลับไม่ต้องตั้งค่า ซึ่งจำค่าที่ตั้งเอาไว้ก่อนดับระบบได้ อันนี้แปลกใจแต่ก็ถือว่าดีครับไม่ต้องเข้าไปปิด-เปิดบ่อย ๆ
Dolphins Extended Range อัตราเร่งดีมาก (Sport mode) ขับมันทันใจ
0-100 กม./ชม. วัดได้ 6.8 -6.9 วินาที บนมาตรวัด จากสเปคคือ 7 วินาที การเร่งแซงทันใจเช่นกัน แต่ระบบช่วงล่างนุ่มและยวบในความเร็วสูงทำให้ไม่มั่นใจ และโยนพร้อมกับมีอาการกระเด้งเวลาผ่านถนนคอนกรีต ต้องใช้ความระวังสูง แต่ความเร็วต่ำกลับแข็งและกระเด้ง ถือว่ายังไม่ค่อยลงตัวนัก แม้ว่ารุ่นนี้ช่วงล่างหลังจะเป็นมัลติลิงค์แล้วก็ตาม แต่การปรับความแข็งอ่อนและหนืดยังไม่ลงตัวนัก
ในช่วงเร่งกำลังเหลือเฟือพร้อมพุ่งออกตัว แต่จะไม่กระชากมากนัก จะค่อย ๆ ไต่ระดับความเร็วขึ้นไป แต่ว่าเร่งได้ทันใจมาก ๆ ระบบที่น่าประทับใจคือ ระบบควบคุมความเร็วแปรผันที่ทำงานนุ่มนวลและไม่ตระตุก แม้จะมีรถเบียดเลนแทรกเข้ามารถก้ค่อย ๆ ชะลอความเร็วช้า ๆ ส่วนระบบควบคุมให้อยู่ในช่องทางก็สมู๊ทดีไม่เซไปมา สรุปก็คือ รุ่นนี้กำลังแรงมากเกินตัวรถ ช่วงล่างเอาไม่อยู่แม้จะเป็นมัลติลิงค์ด้านหลังแต่ความแข็งอ่อนของสปริงและความหนืดโช้คยังไม่ลงตัว ต้องขับด้วยความระมัดระวัง
Dolphins Standard Range สเปคเริ่มตันกำลัง 94 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ระยะทางเคลมไว้ 410 กม. นับว่าเพียงพอต่อการใช้งาน โดยให้สมรรถนะเทียบเท่ารถเบนซินสันดาปขนาด 1.6 ลิตร ซึ่งขับดีแรงขับได้สนุกเกินคาด ด้วยระบบช่วงล่างที่กำลังพอดีกำน้ำหนักตัว ทำให้ขับขี่สบายนุ่มนวล เร่งทันใจแต่อาจจะไม่จัดจ้านมากนัก ใน Sport mode
ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. วัดได้ 11.6 วินาที จากสเปค 12.3 วินาที ถือว่าใช้งานทั่วไปได้อย่างสบาย ๆ เลยครับ
ส่วนช่วงล่างยังมีอาการยวบตามสไตล์รถระดับนี้ ไม่หนึบมาก มีนุ่ม ๆ แต่ไม่ยวบหรือโยนมากนัก ซึ่งเป็นรุ่นที่เน้นความนึ่มนวล แต่กลับขับแล้วสบายใจและไม่เกร็งมือเวลาบังคับพวงมาลัย เพราะว่า ไม่ค่อยมีอาการส่ายหรือเลื่อยเท่ากับรุ่น Extended เมื่อขับเร็ว ๆ ซึ่งด้วยกำลังระดับนี้กับช่วงล่างรุ่นนี้นับว่าลงตัวพอดี ๆเลยครับ ส่วนตัวชอบช่วงล่างของเจ้ารุ่น Standard มากกว่า
สำหรับสิ่งที่ประทับใจทั้ง 2 รุ่นนี้คือ อัตราเร่ง รูปทรง การออกแบบภายใน ออปชั่น และระบบความปลอดภัย ADAS ที่มีให้ครบตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ระบบที่โดดเด่นคือ ระบบเตือนการชนด้านหน้าและเบรกอัตโนมัติ, ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมดึงกลับอัตโนมัติ, ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน แต่เมื่อใช้งานจริงต้องปิดเพราะสภาพการขับขี่จริงรถจะพยายามดึงกลับมากจนเกินไป ส่วนระบบที่ใช้งานแล้วประทับใจคือ ระบบควบคุมความเร็วแปรผันที่ทำงานได้สมู๊ทนุ่มนวลไม่กระชาก
เลือกรุ่นไหนดี หากเป็นคนขับขี่เรื่อย ๆ ไม่เร่งรีบ ใช้ในเมืองมากกว่า ไม่เน้นใช้ความเร็วสูงหรือเร่งแซงบ่อย ๆ
Standard Ranger ก็เกินพอแล้วประหยัดลงมาได้เยอะ ส่วนใครสายซิ่ง ชอบอัตราเร่งจัดจ้านมากขึ้นระยะวิง่มากขึ้น ใช้เดินทางไกลบ่อย ๆ ออปชั่นความสะดวกสบายบางอย่างที่เพิ่มเติม เช่น หลังคาแก้ว ที่ชาร์จไร้สายหรือ สีตัวถังทูโทนและล้อขอบ 17 ที่ดูสวยขึ้นต้องจัด Extended Ranger เพิ่มเงินมากหน่อยแต่คุ้มค่า