ฟอร์ด พร้อมก้าวไปอีกระดับกับ 3 รุ่นย่อยใหม่ พาลุยซาปา ประเทศเวียดนาม

ฟอร์ด ประเทศไทย จัดกิจกรรมพาสื่อมวลชน รวมทั้งทีมงานเพจ Carguru Thailand และเว็บไซต์ checkraka.com เดินทางไปสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ทริป 'Ford Next Level Experience'  ที่เมืองซาปา ประเทศเวียดนาม เพื่อแสดงถึงสมรรถนะของตัวฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นสตอร์มแทรค, เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไวลด์แทรค และ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร และเบนซิน 3.0 ลิตร ผ่านทริปการเดินทางขับเคลื่อนแบบแอดเวนเจอร์สายลุย พร้อมลองนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ  

 

 

วันแรกของการเดินทางไปเมืองซาปา ประเทศเวียดนาม คณะสื่อมวลชนบินจากสนามบินสุวรรณภูทิไปลงที่เมืองฮานอยเพื่อต่อรถบัสไปยังเมืองซาปา นับเป็นการเดินทางที่เร็วและสะดวกที่สุดชั่วโมงนี้สำหรับนักเดินทางทั้งหลาย ระหว่างทางก็แวะพักรับประทานอาหารกลางวันที่ Phú Thọ และพักเข้าห้องน้ำบ้างจนมาถึงเมืองซาปาราว 17.00 น. เข้าพักกันที่โรงแรม Pao’s Sapa Leisure Hotel ซึ่งตั้งอยู่ติดกับจุดชมวิวยอดนิยมอย่าง Moana Sapa ตัวระเบียงมองทอดยาวเห็นวิวทิวเขาของลาวไก และนาขั้นบันไดอันเลื่องชื่อ ในช่วงมื้อเย็นก็ได้มีโอกาสไปลิ้มลองความอร่อยที่ Red Dzao House ร้านอาหารท้องถิ่นยอดนิยมที่มีเมนูหม้อไฟเป็นไฮไลท์ ก่อนอิ่มและเข้าที่พักเตรียมร่างกายให้แกร่งไปกับฟอร์ดเรนเจอร์ในวันรุ่งขึ้น

เช้าวันที่ 2 เราได้ขับรถฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นแร็พเตอร์ เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร เจเนอเรนใหม่ ไปลองเส้นทางสู่ทะเลสาบ  Seo My Ty ซึ่งเป็นทางสัญจรคนในพื้นที่ขึ้นลงเขาความกว้างแบบพอดีคันรถ พอไปได้กับระยะล้อเพียงคันเดียว แต่ทางส่วนใหญ่ปรับปรุงเป็นคอนกรีตหมดทำให้ง่ายต่อการขับเคลื่อนไม่ว่าช่วงฤดูไหน จริงๆ แล้วไปกับฟอร์ด เรนเจอร์ ทางแบบไหนก็ไม่สำคัญขอแค่กว้างพอให้รถผ่านไปได้ เพราะมีขุมพลังสูงถึง 397 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 583 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 1 สปีด ที่มี E-Shifter พร้อมมีโหมดการขับให้เลือกมากถึง 7 รูปแบบครอบคลุมที่เส้นทางที่ต้องเผชิญ หลังจากทำความคุ้นเคยกับเส้นทางและแวะเก็บภาพกันจนจุใจก็ลงมาพักรับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน Salmon farm ได้ชิมปลาแซลมอนหลากหลายรูปแบบเมนู จากนั้นก็ขับเดินทางไปชมความงามของ ฟานซีปันยอดเขาที่สูงสุดในอินโดจีน โดนต้องจอดรถลงเดินและต่อด้วยนั่งกระเข้าลอยฟ้าที่ทอดยาวไม่ต่ำกว่า 6 กม. เพื่อไปถึงจุดสูงสุดอันอีกหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของซาปา คณะสื่อมวลชนในเวลากับการเก็บประสบการณ์และภาพความประทับใจของฟาซีปันกันอย่างเต็มที่จนได้เวลาสมควรจึงเดินทางกลับโรงแรม และนั่งรถไปทานอาหารค่ำกันที่ ร้าน Chic Restaurant ในโรงแรม De La Coupole Mgallery ที่เป็นไฮไลท์ของเมืองซาปาในด้านสถาปัตยกรรมและความเป็นฝรั่งเศส ด้านนอกโรงแรมในช่วงกลางคืนก็นับเป็นจุดเดินชมบรรยากาศเมืองของนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนที่พลาดไม่ได้ ซาปายามค่ำคืนนั้นโดดเด่นด้วยแสงไฟนีออนหลากสีสัน แต่ไม่มีหมอกกับความเย็นเหมือนที่คาดหวัง เพดราะในช่วงต้นเดือนมิถุนายนเป็นช่วงที่ร้อนสลับฝนไม่เย็นเหมือนช่วงตุลาคมไป เป็นอีกวันที่น่าจดจำกับฟอร์ดเรนเจอร์และซาปา ครบรสทั้งการขับขึ้น-ลงเขาและสถานที่เที่ยวในช่วงบ่าย 

วันที่ 3 เป็นวันที่เราต้องกลับไปยังทะเลสาบ Seo My Ty แต่พาหนะของเราในวันนี้เปลี่ยนไปเป็นฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นสตอร์มแทรค ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter เช่นกัน พร้อมเทคโนโลยีช่วยจอดอัจฉริยะครั้งแรกในตลาดรถกระบะ โดดเด่นกับราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ เลื่อนจุดล็อคได้ 5 ตำแหน่ง ซึ่งการขับกลับขึ้นเขาที่ได้ขับมาวันก่อนหน้าด้วยรุ่นแร็พเตอร์เป็นไปอย่างสะดวกและง่ายขึ้น ตัวถังรถที่กว้างถึง 1,918 มม. นั่งสบายกับพื้นที่ภายในห้องโดยสาร แต่การขับสวนเลนกับทั้งรถกระบะและมอเตอร์ไซค์คนในพื้นที่ บางช่วงซ้ายหน้าผา ขวาเป็นเหว ที่กั้นทางไม่มีอยู่แล้ว กลับไม่ได้สร้างความลำบากมากนักเพราะมั่นใจกับระบบขับเคลื่อนที่ยึดเกาะบนถนนด้านนึง แม้อีกด้านเป็นไหล่ทางธรรมชาติ เมื่อเรามาถึงทะเลสาบเซียวมีที Seo My Ty ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร ล้อมรอบด้วยภูเขาและทุ่งนาขั้นบันได ก็เตรียมพร้อมกับการทดสอบพิเศษ 3 สถานีที่ทางฟอร์ดได้จัดเตรียมรอไว้ สถานีแรกเป็นการลองใช้งานราวหลังคาและสปอร์บาร์ของรุ่นสตอร์มแทรค โดยให้ลองรรทุกซัพบอร์ดขึ้นหลังคาและจับเวลา เมื่อลองแล้วก็พบว่าสะดวกและใช้เวลาน้อยมาก แสดงถึงความอเนกประสงค์ที่ทำไว้รองรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบแอดเวนเจอร์และมีไลฟสไตล์แบบ Outdoor จริงๆ ถัดไปสถานี 2 เป็นการขับฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ รุ่นไวลด์แทรค ขุมพลังดีเซลเทอร์โบคู่ขนาด 2.0 ลิตร 210 แรงม้า ดิสเบรกหน้า-หลัง ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ขับเคลื่อน 4X4 พร้อม 6 โหมดการขับ จุดนี้ต้องขับผ่านทางโคลนลึกและโขดหิน ทางน้ำไหล ไต่ขึ้นลงเนินชัน พร้อมกับปรับโหมดต่างๆ ให้รับกับสภาพพื้นผิวที่เจอเช่น mud,Tow/Haul และ Sand  ส่วนตัวก็พบว่าง่ายสำหรับคนขับทั่วไปไม่ว่าการปรับโหมดและขับไปตามไลน์ที่เจ้าหน้าที่ให้สัญญาน ผ่านไปอย่างสนุกสนาน สะท้อนให้เห็นศักยภาพตัวรถที่แกร่งพร้อมลุยแม้เส้นทางออฟโร้ดขนาดนี้ มาถึงสถานีสุดท้าย เราได้ลองขับ เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เบนซิน 3.0 ลิตร อีกครั้ง แต่จุดนี้เป็นการขับในโหมดบาฮา-ออฟโรด ซึ่งเป็นการขับทำความเร็วบนพื้นทรายแห้งบางช่วงของทะเลสาบแบบวนรอบ ก็ให้ความเร้าใจและมันไปกับพละกำลังแรงบิด การตะกุย และระบบช่วงล่างที่ทำงานสอดรับเพื่อให้รถขับเคลื่อนไปด้านหน้าได้อย่างดุดันและปลอดภัย เราใช้เวลากับพาหนะฟอร์ดใหม่ที่นี่กันทั้งวัน ก่อนขับกลับโรงแรมอย่างปลอดภัยกันทุกคนทุกคัน และเตรียมพร้อมเดินทางกลับเมืองไทยในวันรุ่งขึ้น 

เราจบทริป 'Ford Next Level Experience' ที่ซาปา ประเทศเวียดนาม ด้วยความรู้สึกประทับใจกับสมรรถนะของตัวรถ ความปลอดภัยเมื่ออยู่ภายในห้องโดยสาร พร้อมช่วงเวลาดีๆ ในการเก็บภาพสวยของธรรมชาติ ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยว บรรยากาศต่างๆ ของเมืองนี้ ขอขอบคุณ ฟอร์ด ประเทศไทย สำหรับโอกาสที่ให้มาลองขับจริงบนเส้นทางที่รายล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยและเป็นหมุดหมายของนักเดินทางหลายคนในครั้งนี้