New Subaru Forester รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ใส่ระบบความปลอดภัย eyesight 4.0 ล่าสุด พร้อมฟังก์ชั่นความสะดวกสบาย มาพร้อมขุมพลัง
BOXER 4 สูบ 2.0 ลิตร กำลัง 156 แรง้มา แรงบิด 169 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
Symmetrical AWD ที่สายลุยต่างยอมรับในเรื่องการตะก่าย 4 ล้อ และความเกาะถนนในทางเรียบ แม้ตัวรถจะสูง เป็นได้ทั้งรถครอบครัวใช้งานในเมืองและนอกเมืองโดยรุ่นที่รับมานั้นเป็น
2.0i-S ท็อปสุดในราคา
1,550,000 บาท
หลังจากที่ได้ทดสอบขับไปก่อนหน้านี้หลังวันเปิดตัว Forester ไม่นานที่สนามปทุมธานี วปีดเวย์ ก็พอจะรับรู้ถึงสมรรถนะในการขับในสนามและทางออฟโร้ดสั้น ๆ ซึ่งถือว่าทำได้ดี เพราะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของซูบารุ มีการทำงานที่แม่นยำและสามารถผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ได้สบาย เรียกว่า "ถ้าใต้ท้องไม่ติดก็ไปได้หมดทุกที่"
แต่ก็ยังไม่ได้ทดสอบขับขี่ใช้งานทั่ไปบนถนนจริง ๆ วันนี้เลยต้องเอามาลองขับขี่ในสภาพใช้งานจริง ขับขี่สภาวะการจราจรติดขัด ขึ้นทางด่วน ทดสอลใช้งานระบบ eyesight 4.0 ที่ว่าใหม่ล่าสุด และสมรรถนะ ด้วยเส้นทางทั้งในและนอกเมือง เพื่อให้ได้ข้อสรูปว่า new Subaru Forester ที่มีการปรับปรุงระบบเพิ่มเติม แต่ว่าภายในยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก ในขณะที่คู่แข่งเค้ามีอะไรใหม่ ๆ เพื่อหาจุดที่คิดว่าทำไมต้องเลือก "Forester" ด้วยการใช้งานในเมืองและไปกลับกทม. บางแสน สะดวกสบายแค่ไหน
สมรรถนะ ความปลอดภัยและความประหยัด
New Subaru Forester ยังเป็นขุมพลังจากรุ่นก่อนหน้า เบนซินล้วน ๆ Boxer 4 สูบ วาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย กับระบบเกียร์ CVT และ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Symmetrical AWD ที่นับเป็นจุดเด่นที่สุดในตอนนี้ แต่เมื่อมาขับขี่ใช้งานจริง จะเหลือแค่เพียงเรื่องของความเกาะถนนทั้งในสภาพถนนเปียกลื่น หรือว่าการเข้าโค้งแรง ๆ ช่วงล่างที่หนึบ แน่น พวงมาลัยกระชับ ตัวรถไม่โครงมากนัก ซึ่งก็สามารถทำได้ดีเหนือกว่าคู่แข่งระดับเดียวกัน นับว่ายังรักษาเรื่องการควบคุมการเกาะถนนเอาไว้ได้ดี
สมรรถนะของเครื่องยนต์หากย้อนกลับไป 1 - 2 ปี กำลังเครื่องยนต์ Boxer ระดับ 156 แรงม้านี้นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แม้จะต้องใช้รอบสูง ๆ แต่ก็ขับสนุกเอาเรื่องทีเดียวครับ ยิ่งบวกกับระบบ 4WD และช่วงล่างแน่น ๆ ด้วยยิ่งขับมันมาก แต่เดี๋ยวก่อนครับ! ปัจจุบันคู่แข่งทั้งรถญี่ปุ่น จีนและยุโรป เค้าเริ่มจะปรับปรุงขุมพลังกันไปไกลมาก ทั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ หรือจะเป็นไฮบริด ต่างก็ให้สมรรถนะความแรงและความปลอดภัย เพิ่มตามไปด้วย และก้ขับสนุกอัตราเร่งดีและยังประหยัดมากขึ้น จน "เจ้าป่า" คันนี้อาจจะเป็นรองไปไกลเลยก็ว่าได้ครับ
สำหรับด้านสมรรถนะอัตราเร่งของฟอร์เรสเตอร์นั้น การออกตัวจะหน่วย ๆ และตอยสนองช้า ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร และขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แถมตัวใหญ่น้ำหนักเยอะกว่า 1.5 ตัน และล้อขนาด 18 นิ้วของเค้า จึงทำให้กินเรี่ยวแรงไปมาก แต่เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้นจนรอบเครื่องยนต์กวาดสูง ๆ เลย 3,000 รอบต่อนาทีไปแล้ว จึงเริ่มกระฉับกระเฉงมากขึ้น จึงนับเป็นรถขับสนุกที่รอบจัด ๆ หน่อย แลกกับอัตราสิ้นเปลื้องที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วยครับ ในจุดนี้อาจจะไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน แต่ถ้าใครไม่เน้นการขับเร็วมากนัก โดยรวมแล้วสมรรถนะนี้ก็ขับสนุกเร้าใจพอตัวเลยนะครับ
ด้านความปลอดภัย eyesight 4.0 ทำงานด้วยระบบกล้องคู่ เป็นระบบล่าสุด ที่ตรวจจับได้แม่นยำมากขึ้นและทำงานตอบสนองได้ไวกว่าเดิม อย่างชัดเจน โดยเมื่อเปิดระบบตรวจจับการป้องรถออกนอกเลน จะเห็นว่าเมื่อเบียงรถเข้าใกล้เส้นขอบถนนเพียงเล็กน้อย ระบบจะเตือนพร้อมดึงพวงมาลัยทันที จนเกินการ "ขัดขืด" กับการขับคับทิศทางของผู้ขับขี่ จึงรู่สึกถึงอาการ "กระตุกเบา ๆ " ทำให้ขาดความนุ่มนวลไปบ้างในบางครั้ง แต่หากขับขี่ในทางตรง ๆและผู้ขับประคองพวงมาลัยนิ่ง ๆ ระบบก็จะสมูทกว่า
ในส่วนของระบบควบคุมรถในอยู่ในเลนก็คล้าย ๆ กับ คือ ถ้าขับในทางตรงและผู้ขับประคองพวงมาลัยนิ่ง ๆ ก็จะสมูท แต่กลับกัน หากรถเกิดเบี่นหรือเอียงเข้าใกล้เส้นขอบทาง พวงมาลัยจะกระตุกอย่างรวดเร็วและจะดึงไป-มา ซ้ายไปขวาและขวาไปซ้าย (แล้วแต่สถานการณ์) หลายรอบกว่าจะตรงและนิ่งได้ ซึ่งตรงนี้เองอาจจะเป็นเพราะการตอบสนองของระบบที่ไวเกินไป จึงทำให้การบังคับทิศทางให้อยู่ตรงกลางยากมากขึ้น ดังนั้นระบบนี้ผู้ขับขี่ยังต้องมีสมาธิในการขับควบคู่ไปด้วยกัน จึงจะทำงานได้ดีขึ้นครับ ส่วนกรณีเกิดเหตุการณ์ เช่น คนขับวูด หรือหลับในนั้น ระบบก้ยังคงทำงานป้องกันรถเบี่ยงออกนอกเลนได้ดีเหมือนเดิมครับ แค่จะมีอาการกระตุกเล็กน้อยเท่านั้น
มาถึงระบบเตือนเบรกก่อนชนด้านหน้า นับว่าทำงานไวขึ้นและขยันเตือน แม้จะยังเข้าใกล้รถคันหน้าไม่มาก แต่ระบบก็ส่งเสียงร้องก่อน เพื่อเตือนว่ารถคันหน้าขับช้ากว่าให้ชะลอความเร็ว ระบบนี้นับว่าช่วยเหลือการขับขี่ได้มากที่สุด และอีกระบบที่ไม่เขียนถึงไม่ได้คือ ระบบควบคุมความเร็วแปรผันตามรถคันหน้า ที่ยังทำงานได้ดี แต่จะมีความไวหรือรวดเร็วมากขึ้น จึงทำให้ความนุ่มนวลในการ ชะลอ ลดความเร็วหรือการเร่งตามรถคันหน้านั้น มีความไม่เนียน เหมือนการเร่ง ๆ เบรก ๆ ซึ่งข้อแนะนำนี้ให้ปรับระดับความที่ไม่สูงเกินไปกว่าความเร็วจริงมากนัก จะช่วยให้การเร่งหรือชะลอความเร็วสมูทมากขึ้นเพราะระยะความเร็วแตกต่างน้อยลงครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกสบายในคันนี้ ยอมรับว่าเริ่มจะตามหลังคู่แข่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมาตรวัดยังเป็นอนาล็อค แต่ก็มีหลายคนที่ชื่นชอบเพราะดูเร้าใจดี ส่วนจอแสดงผลตรงกลางของมาตรวัดก็มีขนาดเล็กไปหน่อย ส่วนตรงจอด้านบนคอนโซลกลางเป็นช่องมองเล็ก ๆ แสดงสถานะต่าง ๆ ของรถได้ดีมากครับ เพียงแต่ว่ามีขนาดเล็กและอาจจะมองยาก ต้องละสายตาจากถนนมากพอสมควร
จอความบันเทิงขนาด 8 นิ้ว ซึ่งอาจดูเล็กเกินไปสำหรับรถพรีเมี่ยมระดับนี้ น่าเสียดายที่น่าจะปรับจอใช้แบบเดียวกับใน
Outback ใหม่ ซึ่งจอใหญ่สวยสดใสใช้งานง่าย ส่วนระบบลำโพงก็อาจจะยังไม่ฟินเท่าไหร่ เพราะมีอีควอไลเซอร์ให้ปรับตั้งค่าเองแค่เสียง ต่ำและสูงเท่านั้นครับ
สิ่งที่แนะนำเพิ่มเติมจากนี้คือ ปรับปรุงมาตรวัด จอความบันเทิง เพิ่มระบบชาร์จไร้สาย ระบบฝาท้ายแบบแฮนด์ฟรี หรือเครื่องยนต์ขุมพลังถ้าได้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร จาก Outback หรือจะเป็นไฮบริดไปเลยก็นับว่ายิ่งดี ซึ่งทั้งหมดนี้ หากผุ้ที่สนใจฟอร์เรสต์เตอร์รับได้และชื่นชอบในสมรรถนะกับความปลอดภัยของ Forester ใหม่ ผมก็ถือว่ารับได้ในจุดนี้ครับ
สรุปความคุ้มค่า 1.55 ล้านบาทไหม?
Subaru Forester i-S Eyesight นับเป็นรถครอบครัวที่ใช้งานได้สะดวกสบายในเรื่องภายในห้องโดยสารกว้างขวาง โอ่งอ่า นั่งแล้วไปค่อยโยนหรือโคลงเครง เงียบเก็บเสียงดี ระบบความปลอดภัยเยอะกว่า 200 รายการ สมรรถนะการขับขี่เพียงพอ ช่วงล่างเกาะถนน และสามารถลุยไปได้ทุกสภาพถนนถ้าใต้ท้องไม่ติดอะไร และยังให้ความประหยัดที่เกินคาดเมื่อเทียบกับรถยนต์ระดับเดียวกันที่เป็นสันดาปล้วน ๆ ยิ่งเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาด้วยนับว่าอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในเมือง 12 และนอกเมือง 16 กม./ลิตร ระดับนี้ถือว่าดีมาก ๆ ครับ