ขนเอามัน!..กับรถกระบะ 2 รุ่นสุดจัด Nissan Navara King Cab และ Single Cab 4X4

Nissan รถยนต์ที่มีตำนานรถกระบะที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน ใช้งานสะดวก กว้างขวาง ใช้งานบรรทุกหนักทั้งในไร้ สวนหรืองานด้านเกษตรกรรมมาอย่างยาวนาน โดยในครั้งนี้ นิสสัน มอเตอร์ คิดกิจกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมาให้สื่อมวลชนได้จำลองเหตุการ์จริง ของเกษตรกรไร้มันสัมปะหลัง ทั้งขับในเมือง ขนมันในไร้ และนำไปชั่งกิโลขายจริง ให้ได้สัมผัสสมรรถนะของการบรรทุกเช่นเดียวกับกลุ่มลูกค้าเกษตรกรรมที่ใช้งานรถประเภทนี้ 

 

 

เริ่มจากการขับรถ Nissan Navara 2 รุ่นได้แก่ King Cab Calibre V 2WD 7AT ที่มีออปชั่นจัดเต็มแบบรุ่นท็อปสุด และอีกรุ่นคือ Single Cab รถกระบะบรรทุกหัวเดี่ยวขับเคลื่อน 4 ล้อทรงพลัง พร้อมกับระบบ Shift-on-the-fly เปลี่ยนจากขับเคลื่อน 2 ล้อเป็น 4 ล้อแบบง่าย ๆ ซึ่งรถทั้ง 2 รุ่นนี้ที่เน้นเป็นรถเพื่อใช้งานด้านขนส่งเป็นหลัก จากกรุงเทพฯ สู่ไร้มันสัมปะหลัง จังหวัดราชบุรี พร้อมการขับขี่เข้าเส้นทางในไร้ สวน ที่มีภูมิประเทศแบบกึ่ง ออฟโร้ด มีทั้งทราบร่วน ๆ หลุดลึกสลับเนินเข้าที่รถเก๋งไม่สามารถจะขับไปได้ง่าย ๆ หรือแม้จะเป็นรถกระบะก็ยังต้องดูไลน์ในการขับเก่ง ๆ และชำนาญพื้นที่จึงจะขับเข้าไปได้  

 

 

สำหรับทริปนี้มีรถเพียง 2 คัน พร้อมกับสื่อคันละ 2 คน และถ่วงน้ำหนักท้ายด้วยกระสอบอีกคันละ 200 กก. และเพิ่มลมยางล้อหลังเป็น 60 PSI เพื่อให้เหมือนการใช้งานบรรทุก ออกเดินทางจากร้าน "Rollin Roadster" ย่านพรานนก สู่ไร้ "ปาร์คแอนด์แรนช์" ตำบล ป่าหวาย อำเภอ สวนผึ้ง ราชบุรี  

 

 

เมื่อเดินทางถึงไร้ก็จำลองการขนมันสัมปะหลัง เพื่อไปยังจุดชั่งน้ำหนักเพื่อขาย โดยจะสลับรถกับขับกับสื่อใน 2 คันนี้และบรรทุก 2 เที่ยว เพื่อให้ได้ลองขับขี่ในสภาพวะแบกน้ำหนักราว ๆ  1 ตัน ว่าการขับขี่จะมีความแตกต่างเพียงใด และหลังจากทำกิจกรรมเสร็จสิ้นรถทั้ง 2 คันก้จะไม่มีน้ำหนักบรรทุก แต่ลมยางยังคง 60 PSI จึนได้ขับระยะทางสั้น ๆ ก่อนไปปรับลมยางออกจนเหลือปกติที่ 35 PSI เพื่อดูความแตกต่างระหว่างขับขี่ 

 

การเดินทางไปนั้นได้ขับรุ่น King Cab ซึ่งเป็นรถแบบแคปเปิดได้ กับขุมพลังตังตึง 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่ 190 แรงม้า กับ 450 นิวตันเมตร เกียร์ 7 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ มาพร้อมล้ออัลลอยจาก Double Cab รุ่นเคยท็อปสุด VL ก่อนจะยุบรวมเป็น PRO-4/2X จุดเด่นคือ นับเป็นรุ่นท็อปสุดที่อัดแน่นระบบความปลอดภัยที่มีใน PRO-4X หรือ PRO-2X แบบครบ ๆ ทั้งระบบเตือนพร้อมเบรกด้านหน้า, ระบบเตือนพร้อมดึงกลับเมื่อรถออกนอกเลน, ระบบเตือนเมื่อมีรถด้านหลังขณะถอย, ระบบเตือนมุมอับสายตา กล้องรอบคัน 360 องศา เป็นต้น แถมมีระบบแอร์แบกปรับอุณหภูมิซ้ายขวามาให้อีกด้วย 

 

ความรู้สึกในการขับขี่แน่นอนว่าคาดหวังว่ารถจะกระเด้งตามสไตล์รถกระบะท้ายเบา แต่กลับนุ่มนวลกว่าทีคิด การเดินทางสบาย การขับขี่ก้ยิ่งสบายด้วยน้ำหนักพวงมาลัยเบา เลี้ยวง่ายและกระชับขึ้น คันเร่งและเบรกใช้งานง่ายเบาะผ่อนแรงได้เยอะ การทรงดีนับว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเมื่อเทียบกับค่ายยุโรปและอาจจะดีกว่าค่ายดังบางรุ่นที่เป็นรถระดับเดียวกัน 

 

เมื่อขับเข้าถนนกึ่งออฟโร้ดหรือในไร้ที่เป็นทางฝุ่นมีเนินสลับหลุมบ่อ ช่วงล่างยังไม่กระเด้งมากจนจุก และสามารถควบคุมพวงมาลัยได้ดี หลังจากได้บรรทุกมันฯ ที่น้ำหนักประมาณ 1 ตัน ( 1,000 กก.) เมื่อขับผ่านเส้นทางเดินก็กลับมีอาการเด้ง ยวบหรือโยนไม่มากนัก เรียกขนแค่นี้ช่วงล่างเดิม ๆ เอาอยู่ สบาย ๆ ไม่ต้องไปตัดแต่ง ต่อเติมเสริมแต่อย่างใดครับ ส่วนเรื่องของพละกำลังไม่ต้องห่วงเพราะ แรงบิดระดับ 450 นิวตันเมตร เติมคันเร่งเมื่อไหร่ ก็พุ่งได้ตามสั่งครับ แต่ยังได้ได้ยินเสียงเครื่องยนต์เข้าให้ห่องโดยสารแต่ไม่มากนัก ดังแค่พอได้อารมณ์สนุก ๆ มัน ๆ จากการขับขี่

 

การทรงบนถนนดำหรือทางเรียบก็ยังคงควบคุมง่าย ไม่มีอาการเหวี่ยง โยนมากนัก และโช้คก็ไม่ยุกมากจนสุดแม้จะผ่านคอสะพาน รวมถึงอัตราเร่งและระบบเบรกยังคงทำงานได้ดี การควบคุมพวงมาลัยยังไม่ลำบากอะไร ถือว่าขับได้แบบชิว ๆ เหมือนไม่ได้บรรทุกอะไรมากนัก และอัตราสิ้นเปลืองบนมาตรวัดรวม ๆ ตลอดทริปคันนี้ราว ๆ 12 - 13 กม./ลิตร 

 

รุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้รถคันเดียวเป็นได้ทุกอย่างทั้งงานหนักและงานเบา รับส่ง ครอบครัว ให้พ่อ แม่ พี่น้อง หรือ ภรรยา ขับโดยที่มีระบบความปลอดภัยมาให้แบบจัดเต็ม บรรทุกหนักและมีพื้นที่เยอะพร้อมกับนั่งได้สบาย และมีแคปหลังไว้วางสิ่งของหรือจะทำเบาะเสิรมก็ได้ เดินทางไปทำงานท่องเที่ยวขนของ จบในคันเดียว แถมเป็นเกียร์ออโต้ขับสบายทุกคน ให้ทั้งสบาย แรง และประหยัดกว่า 12 กม./ลิตร * อีกด้วย แต่เมื่อมีออปชั่นเยอะก้มาพร้อมราคาที่อาจจะมองว่าสูงเกินไปบ้างที่ 889,000 บาท อาจมีตัวเลือกหลายรุ่นให้เทียบเคียง ซึ่งก็อาจจะมีออปชั่นที่ลดหลั่นกันไปบ้าง แต่ที่แน่ ๆ สำหรับรถกระบะตอนครึ่ง Navara King Cab V รุ่นนี้น่าจะเป็นรถที่มีออปชั่นเยอะและคุ้มที่สุด 

 

รุ่นต่อมาเน้นบรรทุกแบบ 100% และยังเป็นรุ่นพร้อมลุย 4X4 เกียร์ธรรมดาหรือเกียร์กระปุกอีกด้วย แม้ในรุ่นนี้จะเป็นเครื่องยนต์ตัวก่อนหน้าดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร 163 แรงม้า แรงบิด 403 นิวตันเมตร แต่ได้เรื่องแรงบิดดีในรอบใช้งานมาไวมาเร็วแบบเพื่อให้ขับลุยผ่านอุปสรรคได้ดี ยิ่งใส่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แม้ไม่ใช่เครื่องยนต์ตัวเทอร์โบคู่ แต่ก็แรงเอาเรื่องและมีแรงบิดมหาศาล ไม่ว่าจะขึ้นเขาหรือบรรทุกหนัก สามารถขับได้อย่างไม่ต้องกังวล และยิ่งใช้งานในพื้นที่ไร้สวนแบบนี้มีขับ 4 ไว้อุ่นใจกว่าแน่นอนครับ และอัตราสิ้นเปลืองบนมาตรวัดรวม ๆ ตลอดทริปคันนี้ราว ๆ 8 -9 ลิตร/กม. หรือ 11 - 12 กม./ลิตร 

 

แม้จะเป็นกระบะหัวเดียวบรรทุกของ แต่ช่วงล่างกลับนุ่มนวลไม่แตกต่างกับรุ่น แคปหรือดับเบิ้ลแคป มีอาการกระเด้งน้อยมาก การขับขี่ก้ยังคงความสบายไม่ต่างกับรุ่นย่อยอื่น ๆ พวงมาลัยเบากระชับ กำลังเครื่องยนต์ที่แรงเหลือเฟือ แต่จะมีคันเกียร์ที่สูงทำให้มีระยะฟรีมกาหน่อย แต่ตำแหน่งแต่ละเกียร์กลับชิดกันมาก ต้องทำความคุ้มเคยพอสมควรจึงจะเข้าเกียร์ได้ถูกและแม่นยำมากขึ้น ระบบเบรกอยู่ในเกณฑ์ดีแม้บรรทุกหนักก็ยังเบาผ่อนแรง ลดอาเมื่อยล้าได้ดี 

 

ออปชั่นภายในยังดูโล้น ๆ สะอาดตาไปบ้าง พวงมาลัยไม่มีปุ้มใด ๆ ให้เล่น มีเพียงหน้าจอวิทยุสัมผัสทีเชื่อมต่อสมา์ทโฟนได้ทั้ง 2 ระบบ Apple Carplay และ Android Auto ครบ ๆ แต่ก็มีขนาดเล็กเพียง 7 นิ้ว จุดเชื่อต่อหรือ USB มีเพียง 1 จุดบนหน้าปัดวิทยุเท่านั้น หากมองว่ามีให้ใช้งานก็เพียงพอแล้ว แต่ประเด็นคือ นี่เป็นหัวเดี่ยว 4X4 ตัวเด่นที่น่าจะมีของเล่นให้มากกว่านี้ เพราะอาจไม่ใช่แค่รถที่เอาไว้ใช้งานในสวนหรือในไร้เท่านั้น ด้วยการที่เป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ อาจมีคนสนใจนำไปตกแต่งแนวแคมปิ้ง หรือสายลุยป่า ซึ่งออปชั่นแบบนี้ยังน้อยและแทบจะเหมือนกับในหัวเดี่ยวรุ่นเริ่มต้น SL 2WD ที่เป็นรถขนของตัวจริง กับราคา 659,000 บาท ที่อาจดูว่าต่ำมากแล้วในกลุ่มรถระดับเดียวกัน แต่หากมีออปชั่นเสริมมากขึ้นก็อาจจะช่วยให้น่าสนใจและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นอีก 

 

โดยรวมแล้ว Navara Single Cab รุ่นนี้ น่าจะใช้งานบรรทุกหนัก ลุยป่า บนทางชั่น สบายหายห่วง ด้านข้างกระบะมีบันได้ปีน สะดวกสบายในการขนย้าย เรื่องค่าตัวนั้นถือว่าเหมาะสมสำหรับภาพรวมของนานวาร่าคันนี้ ติดแค่ออปชั่นบางยอ่างควรมีให้ เช่น USB 2 ตำแหน่ง, จอวิทยุใหญ่ขึ้น เซ็นเซอร์ด้านหลัง หรือ ปุ่มปรับเสียงและรับ-วางสาย เป็นต้น   

 

Nissan Navara ทั้งรุ่นตอนครึ่งและตอนเดี่ยว นั้นน่าจะตอบสนองการใช้งานได้หลากหลาย ใครสนใจรถกระบะทนทานระดับตำนาน สมรรถนะเพียงพอต่อการขนส่ง และมีฟังก์ชั่นใช้งานที่ครอบคลุมกับราคาที่ไม่แรงจนเกินไป ไปทดลองขับได้ที่โชว์รูมนิสสัน ทั่วประเทศได้เลยครับ