บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เชิญสื่อมวลชนรวมทั้งทีมงานเพจ
CarGuru Thailand และ เว็บไซต์ Checkraka.com ร่วมเดินทางไปขับทดสอบรถยนต์
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ 2 ขุมพลังเครื่องยนต์ กับ 2 เส้นทางที่แตกต่างในจังหวัดเชียงใหม่ รวมระยะทางกว่า 220 กิโลเมตร พิสูจน์สมรรถนะตอบโจทย์การขับไม่ว่าระบบฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานการทำงานอันทรงพลังของ
เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว และขุมพลังเทอร์โบ เครื่องยนต์เบนซิน VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร โดยทั้งหมดมีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time AWD with E-DPS) ทรงพลังและประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ยังรองรับหลากหลายไลฟ์สไตล์ครอบครัวกับเบาะโดยสารทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ครบทุกรุ่นย่อย พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียม
เส้นทางการทดสอบของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ เส้นทางการทดสอบของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เตรียมไว้สำหรับการขับของทั้ง
รุ่น e:HEV และรุ่น TURBO โดยแบ่งและเปลี่ยนสลับรถกันระหว่างทาง เพื่อให้ได้สัมผัสสมรรถนะและเก็บเกี่ยวประสบการณ์การขับบนถนนจริงที่ผสมผสานระหว่างถนนในเมืองกับทางขึ้นลงเขาที่คดเคี้ยวและลาดชัน สำหรับผู้เขียน
ช่วงแรกได้ขับรุ่นย่อย ES 4WD เครื่องยนต์ VTEC TURBO เริ่มออกตัวจากโรงแรมมีเลียในตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้นทางเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด ผ่านตัวเมืองที่เลาะเลี้ยวไปตามการแสดงผลของ google map จากการเชื่อมต่อผ่าน apple Car play wireless ที่ให้ความสะดวกสบายมากๆ เพราะไม่ต้องใช้สายต่อใดๆ แค่วางบน wireless charger สัมผัสช่วงแรกของการขับในตัวเมืองเข้าออกถนนซอยแคบก็พบว่าอัตราเร่งการออกตัวของเครื่องยนต์เทอร์โบให้การตอบสนองที่ทันใจไม่มีรอรอบมากนัก และพวงมาลัยก็ให้อัตราทดที่กำลังดี
จุดหมายแรกอยู่ที่ สายธารขุนแจ กาแฟขุนลาว จังหวัด เชียงราย ซึ่งการขับหลังผ่านความวุ่นวายในเมือง ถนนก็เริ่มเปิดโล่งทำความเร็วได้ดีต่อเนื่อง ผู้เขียนได้ลองคิกดาวน์เพื่อหาอัตราเร่ง และลองใช้แพดเดิ้ลชิฟต์สลับ เพื่อเล่นรอบเอาเน้นแรงบิดทำอัตราเร่งแซง ก็นับว่าได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ก็แลกด้วยเสียงการทำงานของเครื่องยนต์เข้ามาภายในห้องโดยสาร ช่วงที่ใกล้ถึงจุดพักแรกเป็นทางลาดชันขึ้นเขา มีโค้งซ้ายขวา ถนนกว้าง 4 เลน มีเกาะกลางแบ่งเลนสวน ทำให้ลองขับเข้าโค้งได้เต็มที่ ใช้พื้นที่ได้มากขึ้น แรงบิดระดับ 240 นิวตันเมตร ที่ 1,700 - 5,000 รอบต่อนาที ของ VTEC TURBO ครอบคลุมการขับสไตล์สปอร์ตของตัวรถที่หนัก 1,683 กิโลกรัม การขับขึ้นเขาให้ความลงตัวระหว่างการทำงานของช่วงล่างและเครื่องยนต์ ยิ่งถ้ามองในความเป็นรถเอสยูวีที่มีความสูงใต้ท้องรถ 208 มม. หรือ 8 นิ้วกว่า ใช้งานขับท่องเที่ยวก็นับว่าโอเคแล้ว เมื่อมาถึงจุดพัก กาแฟขุนลาว ผู้เขียนสลับมานั่งในตำแหน่งผู้โดยสารแถว 2 เพื่อสัมผัสความรู้สึกในการเป็นผู้โดยสารจริงๆ จากจุดนี้เป็นถนนลงเขา มีโค้งซ้ายขวาทดสอบอาการเหวี่ยงของตัวถังได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้เขียนที่สูง 172 ซม. หนัก 65 กก. ความรู้สึกที่ได้นั่งเบาะแถวสองในฮอนด้า CR-V ใหม่ คือ เหมือนยังไม่ลงตัวกับสรีระมากนัก แบบเบาะไม่ค่อยโอบรับตัวเท่าไหร่ แต่ก็ยังนั่งสบาย พื้นที่ด้านหน้าเข่าและศรีษะเหลือมากพอไม่อึดอัด ด้านบนหลังคาสามารถปรับรับแสงเพียงกดปุ่มสะดวกดี ซันรูฟเป็นพาโนรามาสไลด์ไฟฟ้าไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเหมือนรุ่นน้องอย่าง HR-V การนั่งไปตามจังหวะเข้าโค้งของตัวรถ ตัวบอดี้รักาษาอาการสเถียรได้ดีพอ ไม่มีอาการมึนเมาตามโค้งเหมือนเอสยูวีจีนบางแบรนด์ จนลงมาทางราบเข้าจุดพักกลางวันที่ร้านอาหารเวฬาดี พักรับประทานอาหารกลางวันพร้อมสลับรถทดสอบเป็น e:HEV RS 4WD ตัวท็อปที่มีราคา 1,729,000 บาท
หลังจากพักกลางวันเรียบร้อยขบวน
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ก็ได้เวลาเคลื่อนตัวต่อในช่วงบ่าย ผู้เขียนที่เปลี่ยนมานั่งในรุ่น e:HEV ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ เป็นตำแหน่งผู้โดยสารแถวหน้า จุดหมายการเดินทางในช่วงบ่ายอยู่ที่ร้าน WTF Coffee Campทางอำเภอสะเมิง โดยขับไปตามถนนวงแหวนแล้วตัดเข้าสู่ถนนแม่ริม-ปางตะ
ความรู้สึกที่สัมผัสได้หลังเปลี่ยนรุ่นนั่งคือ ช่วงล่างหนึบแน่นมากขึ้น การตอบสนองของขุมพลังไฮบริดให้อัตราเร่งทันใจและเสียงการทำงานลดลง เส้นทางช่วงใกล้ถึงร้านก็เป็นทางลาดชันขึ้นลงให้พอได้ลองขับเปรียบเทียบกับรุ่น VTEC TURBO จริงๆ ด้วยพลังเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การขับที่ต้องเน้นแรงบิดมั่นใจและสบายมากขึ้น พักจากร้านกาแฟจนได้เวลา ผู้เขียนก็สลับมาขับช่วงสุดท้ายเพื่อมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ไปจบทริปทดสอบที่โรงแรม Melia ซึ่ง
ช่วงขับถึงทางราบในเมืองเป็นเวลาเย็นต้องเจอกับการจราจรหนาแน่นพอดี ช่วงเดินเบาออกตัวสลับหยุดนิ่งผู้เขียนสังเหตุว่าหลายจังหวะเป็นการขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน แต่ไม่สามารถเลือกเป็นโหมด EV ได้โดยตรง ปล่อยให้เป็นการคำนวนตามความเหมาะสม จบทริปด้วยอัตราสิ้นเปลืองของรุ่น e:HEV บนหน้าจอข้อมูลที่ 15 กม./ลิตร อย่างไรก็ตามนี่เป็นทริปขับทดสอบที่เน้นขับจริงจังด้านสมรรถนะไม่มีการขับแบบเน้นประหยัด ประกอบกับเส้นทางเกินครึ่งเป็นทางลาดชันขึ้นลงดอย ระยะทางรวมการขับของไฮบริดราว 80 กม. และ วีเทค เทอร์โบ ประมาณ 120 กม. จึงยังไม่สามารถสะท้อนการใช้งานแบบจริงได้เต็มที่มากนัก แต่โดยรวมก็พอสรุปได้ว่า
ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ใ
ห้ฟิลลิ่งการขับที่เปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจนตามขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ทั้ง 2 แบบที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในโมเดลนี้ ให้อารมณ์การขับแบบสปอร์ตมากขึ้น การออกแบบภายนอกและภายในเป็นไปตาม DNA ของฮอนด้ายุคใหม่ก็เน้นความสปอร์ต และที่เปลี่ยนไปจากเดิมอีกก็คือ มีรุ่นย่อยแบบ 5 และ 7 ที่นั่งให้เลือก ซึ่งให้ความต้องการได้หลากหลายขึ้น ด้วยราคาเริ่มต้น 1,419,000 บาท และท็อปสุด 1,729,000 บาท สบายใจกับการรับประกันตัวแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง น่าจะเป็นรอครอบครัวคันต่อไปของใครหลายคน ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)
จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2566 – 31 พฤษภาคม 2566 ฟรีประกันภัย 1 ปี รับดอกเบี้ย 2.29%** พร้อมฟรีโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร ต่อจากระยะเวลาหรือระยะทางการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรแรกสิ้นสุดลง รวมสูงสุด 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง (Honda 24hr Roadside Assistance)
เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นสำหรับรุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยระบบฟูลไฮบริด e:HEV ด้วยการมอบแคมเปญพิเศษ
ด้านการบริการหลังการขาย** ได้แก่
- ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะตามตารางการบำรุงรักษาเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง