รีวิว Honda WR-V RS (ดับเบิ้ลยูอาร์-วี) รถยนต์อเนกประสงค์น้อยเล็กในไซต์
S-SUV ตามที่ฮอนด้าเรียก เพราะมีความเล็กกระทัดรัด โดดเด่นด้วย ฟังก์ชั่นที่เกือบครบครัน อีกนิดเดียวก้จะเท่ากับ HR-V แล้ว
แต่ราคา 869,000 บาท ส่วนตัวมองว่าที่ฮอนด้าเปิดราคาสูงขนาดนี้จนต้องร้อง
"จ๊าก" กันเลยที่เดียว แต่เมื่อได้ลองขับกลับต้องร้อง
"ว้าว" เป็นไงตามมาครับ..!!
ฮอนด้าประเทศไทยจัดให้สื่อมวลชนได้ทดสอบ WR-V RS กับแบบชิว ๆ เส้นทางกรุงเทพฯ ย่านซอยลาซานถึงร้านอาหารแถวอ่างศิลา ชลบุรีไปกลับระยะทางราว ๆ 100 กม. เดินทางพร้อมสื่อ 2 คน ต่อรถหนึ่งคันสลับกันขับ รวม 6 คัน พอที่จะสัมผัสสมรรถนะ ระบบความปลอดภัยและอัตราสิ้นเปลืองได้แบบคร่าว ๆ ครับ
Honda WR-V ถูกออกแบบใหม่หมดและเป็นรุ่นย่อยใหม่ที่เพิ่มมาเพื่ออุดรูช่องว่างเซกเมนต์ระหว่าง
HR-V และ
BR-V โดยเจ้า WR-V เน้นการใช้งานแบบ 5 ที่นั่ง ขนาดตัวรถเล็ก น้ำหนักเบา โดยมีความยาวตัวรถเพียง 4,060 มม. กว้าง 1,780 มม. สูง 1,608 มม. และระยฐานล้อสั้นเพียง 1,481 นับว่าสั้นสุดในกลุ่มระดับเดียวกัน แต่ขณะเดียวกันภายในห้องโดยสารกลับมีพื้นที่กว้างขวางกว่ารถระดับเดียวกัน !
สำหรับในรุ่น RS นั้น นับว่าให้ฟังก์ชั่นต่าง ๆ มาเยอะมากมายไม่แพ้รุ่นพี่ ๆ เช่น กระจังสปอร์ตแบบ "RS" ระบบ Honda Sensing ที่เชื่อมต่อ Honda Connect ได้ หรือชุดแต่ง "RS" รอบคัน เบาะสไตล์สปอร์ตเดินด้ายสีแดง Paddle shift บนพวงมาลัย จอแสดงภาพมุมอับสายขณะเปลี่ยนเลนทางซ้าย ม่านถุงลมด้านข้าง และล้ออัลลอย 17 นิ้ว ที่สำคัญ WR-V มียางอะไหล่มาด้วยยยย เย้...!
มาดูความสะดวกสบายภายในกันบ้าง เริ่มจากสิ่งที่ไม่มีให้เมื่อเทียบกันคู่แข่งหรือรถระดับเดียวกัน ได้แก่ ระบบเบรกมือไฟฟ้า และ Auto Hold กล้องมองรอบคัน 360 องศา ช่องแอร์ผู้โดยสารตอนหลัง เบาะหลังพับไม่แบนราบ วัสดุแผงประตู คอนโซลหน้าเป้นพลาสติกแข็ง และชุดคอนโซลหน้ารวมถึงฐานเกียร์กับคอนโซลกลางแบบ BR-V ซึ่งต้องบอกก่อนว่าอุปกรณ์เหล่านี้ไม่มีก็ได้ แต่ถ้ามีก็น่าจะยิ่งสมราคามากขึ้นครับ
ส่วนอุปกรณ์และฟังก์ชั่นที่เป็นจุดเด่นน่าสนใจใน
WR-V ก็คือ ระบบสตาร์ตเครื่องด้วยรีโมทและระบบล็อครถอัตโนมัติ เมื่อเดินห่างรถ (สามารถตั้งเปิด-ปิดได้), ระบบความปลอดภัย Honda Sensing แบบเต็มคาราเบ้ล ที่มาแบบครบ ๆ เหมือนในรุ่น
HR-V หรือ
Civic นั่นคือ ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมเบรกอัตโนมัติ, ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมดึงกลับ, ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วแปรผัน (แต่ไม่ถึงจุดหยุดนิ่ง) และระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ นับว่าเยอะมากสำหรับในเซกเมนต์ขนาดนี้ แม้จะยังไม่ใช่เจ้าแรก ๆ ก็ตามครับ
สมรรถนะและการขับขี่
Honda WR-V RS รถที่มีตัวถังขนาดเล็ก สั้นให้คล่องตัวเวลาเลี้ยวในที่แคบ ๆ ได้ดี ตรงกับจุดประสงค์ที่ผลิตมาเพื่อเน้นผู้ใช้งานแค่ 5 ที่นั่ง และตัวรถสั้นกว่า BR-V ทำให้ขับง่าย วิสัยทัศน์ดี และยังกระฉับกระเฉงมากกว่าแต่ก็ยังไม่ถึงกับทำอัตราเร่งหวืดหวามากนัก ด้วยตัวรถที่ยกสูง ต้ามลม และล้อ 17 นิ้ว ขุมพลังเบนซิน 100% ขนาด 1.5 ลิตร เกียร์ CVT ที่ปรับปรัลการส่งกำลังใหม่ตามขนาดรถ ก็ยังพอที่จะ "จี๊ดจ๊าด" ได้ในบางเวลา ซึ่งเมื่อเร่งเครื่องรอบสูง ๆ ก้อาจได้ยินเสียงเข้าในห้องโดยสารอยู่พอสมควร แต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ครับ
สำหรับอัตราเร่งและการตอบสนองในขณะเหยียบคันเร่ง นับว่ายังมีอาการหน่วงและคิดนาน กว่าจะปรับรอบเครื่องและระบบเกียร์ให้ทำอัตราเร่งได้ตามเท้าที่กดคันเร่ง แต่เมื่อได้จังหวะ ก็สามารถเร่งความเร็วได้ดีพอสมควรครับ ทางวิศวกรฮอนด้าเองบอกว่า "เนื่องจาก WR-V ออกแบบมาให้เป็นใช้งานที่เน้นคล่องตัวในเมืองและขับขี่ตามไลฟ์สไตล์แบบชิวเอ้าท์ จึงไม่เน้นความละเอียดของคันเร่งมากนัก และป้องกันการเหยียบคันเร่งที่มากเกินไปสำหรับขับขี่ความเร็วต่ำ การจราจรหนาแน่นในตัวเมือง"
จึงทำให้การตอบสนองคันเร่งมีความหน่วงเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่สำหรับผมมองว่ามัน "ช้าเกินไป" โดยเฉพาะในการเร่งแซงแต่ละครั้ง รอรอบดีดขึ้นแล้วยังต้องรอเกียร์แปรผันให้พอดีจึงจะเริ่มเร่งขึ้นไปเพื่อแซงได้ ดังนั้น การใช้งานรถประเภทนี้ต้องมีการเผื่อระยะการแซงที่ปลอดภัยมากขึ้นครับ
เรื่องการตอบสนองคันเร่งช้านั้น อาจไม่แย่เกินไปนัก เมื่อเทียบกับระบบช่วงล่างและเบรกที่ทำงานได้ดี หนึบ ๆ ออกไปทางแข็ง แต่ทำให้การควบคุมรถดีขึ้นและกระชับกว่าใน BR-V อย่างเห็นได้ชัดเจน ซึ่งก็แลกกับการกระเด้งและดีด ๆ ในบางสภาพถนน โดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหลัง แต่ส่วนตัวคิดว่าเป้นเรื่องปกติครับ ไม่ใช่จุดด้อยมากนักสำหรับรถระดับนี้
พวงมาลัยดีมาก ๆ เพราะคม เลี้ยวติดมือ น้ำหนักไม่เบาเกินไป ขาดเพียงไม่สามารถปรับระยะใกล้-ไกลได้ ปรับได้เพียง 2 ทิศทางเท่านั้นคือ ขึ้นและลง นอกจากนี้การบังคับคุมในตัวเมืองหรือการเลี้ยวกลับ อัตราทดพวงมาลัยที่ช่วยให้คล่องตัวมาก ยิ่งขับขี่ในเมือง การจราจรหนาแน่น การเลี้ยวหรือการเปลี่ยนช่งทางนับว่าคลืองตัวสุด ๆ ครับ อันนี้ทำได้ดีขอชม!
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องชมคือ ระบบเตือนความปลอดภัยต่าง ๆ หรือ Honda Sensing ที่มาแบบจัดเต็ม และทำงานฉับไวขยันเตือน โดยเฉพาะระบบเตือนก่อนการชนด้านหน้าที่ เพียงเข้าใกล้รถคันหน้าในระยะ 1 คันรถ ระบบก็เตือนแล้ว และระบบควบคุมรถให้อยู่ช่องทางช่วยให้ขับขี่สบายลดการเมื่อยล้าและปลอดภัยมากขึ้นอีกด้วย
เครื่อง 1.5 จาก BR-V เหมือนกันแต่ประหยัดเกินปุยมุ้ย!
มาถึงความประหยัดในการเดินทางครั้งขับใช้ความเร็วทั่ว ๆ ไป รถติดบ้าง แซงรถบรรทุกบ้างแซงรถแช่ขวาบ้างและมีลองเร่งความเร็วบ่อย ๆ อยู่เป็นครั้งคราว ในขาไปบางแสนเมื่อถึงจุดหมายตัวเลขบนมาตรวัดที่ทำได้คือ 17 - 18 กม./ลิตร นับว่าประหยัดเกินคาดจริง ๆ ทั้งที่ขับแบบธรรมดาทั่วไป เร่งแซง รถติด ฯลฯ กลับได้ความประหยัดระดับนี้
ข้อสังเกตุครับ หากขับที่ความเร็วคงที่นาน ๆ ยิ่งประหยัด และใช้ความเร็วเดินทางไม่เกิน 110 กม./ชม. ยิ่งได้ความประหยัดมากขึ้น เพราะรถทดสอบที่ร่วมทริปนี้ทำได้ถึง 23 กม./ลิตรเลยทีเดียว แต่ถ้าขับเกินกว่านั้นอยู่ที่ 110 - 120 กม./ชม. ตัวเลขจะตกลงมาประมาณ 16 - 17 กม./ลิตร ซึ่งก็ยังประหยัดอยู่ดีสำหรับ รถทรง SUV ต้ามลมกับเครื่อง 1.5 ลิตร ถือว่าเยี่ยมเลยครับ
จุดที่ยังต้องเพิ่มเติมสำหรับ WR-V คันนี้มองว่าเรื่องของ การเก็บเสียง ถึงแม้จะไม่ดังมาก เปิดเพลงก็กลบเสียงได้ แต่ในเมื่อตั้งราคาระดับนี้มา ควรเพิ่มการซับเสียงอีกหน่อย หรือ การปรับจูนการตอบสนองของคันเร่งให้กระฉับกระเฉงขึ้นกว่านี้ และยิ่งได้ระบบเบรกไฟฟ้ายิ่งคุ้มค่า เบาะนั่งคนขับขนาดเล็กไปหน่อย นั่งนาน ๆ อาจเมื่อย พวงมาลัยปรับระยะใกล้ไกลไม่ได้ ทำให้ท่านั่งเหมือนหลังคร่อม เบาะด้านหลังตั้งชันมาก จอความบันเทิงมีขนาดเล็กไปหน่อย มองแผนที่ยาก และกล้องมองภาพด้านข้างยังคงไม่ชัดเจนเช่นเคย ส่วนระบบเบรกด้านหลังน่าจะเป็นดิสก์เพราะด้วยค่าตัวที่หลายคนมองว่าของมันต้องมีได้แล้วครับ
สรุปความคุ้มค่ากับราคา 869,000 บาท
รถยนต์ SSUV หรือความจริงน่าจะเป็น Crossover มากกว่า เพราะขนาดเล็ก คล่องตัว น้ำหนักเบา ๆ เพียง 1,143 กก. พร้อมความสูงใต้ท้อง 220 มม. สูงกว่ารถระดับเดียวกันหลายรุ่นเลย มาพร้อมระบบความปลอดภัยเทียบเท่ารถพรีเมี่ยม ของเล่นจุกจิกอาจไม่มากแต่ก็เป้นของหายากในเซกเม้นท์นี้คือ Paddle shift, Remote Start หรือ ไฟหน้าแบบ Auto Hight Beam เป็นต้น สมรรถนเพียงพอใช้งาน คล่องตัว ดูแลง่ายไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หรือเสียบชาร์จ และหากซน ๆ หน่อยก็ยังพอที่จะนำไปตกแต่งสมรรถนะเพิ่มได้สบาย ซ่อมง่ายอะไหล่ไม่แพง ซึ่งทางด้านการตั้งราคานั้นเมื่อนำเข้าจากต่างประเทศแม้เป็นโซนอาเซียนแต่ภาษีก็ไม่ได้ถูกมากนัก ทำให้บวกค่าขนส่งค่าการตลาดต่าง ๆ รวมแล้วจึงเคาะได้ราคานี้ แม้ราคาจะดู "แพง" แต่เมื่อลองได้ขับแล้วกลับต้องร้อง "ว้าว" ลืมราคาไปเลยครับ