ฝูงรถยนต์
Mercedes-Benz ลงสนามให้ได้ลองทดสอบในงาน
Mercedes-Benz Driving Events 2023 มีทั้ง A,C,E, S ตระกูล SUV GLC, GLE และสุดยอดรถหรูไฟฟ้าล้วน EQS500 และสุดยอดรถหรูสมรรถนะสูง
Mercedes AMG SL43 ในสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จ.บุรีรัมย์ แต่จุดประสงค์หลักของงานนี้คือ ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ต้องการให้กลุ่มลูกค้าหรือผู้ที่สนใจได้ทดลองขับใช้งาน เผื่อให้เรียนรู้สมรรถนะของรถยนต์แต่ละรุ่น และฝึกฝนการทักษะการควบคุม การแก้อาการ การรับรู้อาการของรถในสถานการณ์ต่าง ๆ ผ่านการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ
Mercedes-Benz Driving Events 2023 ถือว่าเป็นงานอีเว้นท์ใหญ่เพื่อให้ผู้สนใจทั้งดีลเลอร์ ลูกค้ารวมถึงสื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะกันแบบสุด ๆ ในสนามปิดที่มีความปลอดภัยสูงสุด พร้อมผู้เชี่ยวชาญหรืออินสตรัคเตอร์คอยให้คำแนะนำและควบคุมการขับขี่ตลอดในสนาม เพื่อเน้นทดลองขับรถ Hi-Perfomance, SUV และรถหรูในหลายรุ่นของ Mercedes-Benz รวมถึง EQS 450 และ 500 รถยนต์ไฟฟ้าล้วนสมรรถนะสูงกันอย่างจุใจในสนามช้างแห่งนี้
โดยในกิจกรรม ลูกค้าและสื่อมวลชนจะได้รับประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟกับการสัมผัสยนตรกรรมทุกรุ่น ประกบคู่ไปกับทีมผู้ฝึกสอนมืออาชีพของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่คอยให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ และให้ข้อมูลรวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่สามารถดึงสมรรถนะขั้นสุดของรถยนต์แต่ละรุ่นออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ผ่านการขับขี่จริงบนสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์
ผู้เข้าร่วมทดสอบทุกคนยังได้รับประสบการณ์การแข่งขันเต็มรูปแบบราวกับเป็นนักแข่งมืออาชีพ โดยเริ่มจากการให้ผู้ฝึกสอนถ่ายทอดเทคนิคการขับขี่และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยขั้นสูงต่าง ๆ ที่ถูกติดตั้งอยู่ในยนตรกรรมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เทคนิคการรีดขุมพลังแรงม้าและแรงบิดอย่างมีประสิทธิภาพ การควบคุมการทรงตัว (Handling) ทื่สอดคล้องกับการสร้างความเข้าใจในระบบช่วงล่าง (Suspension) ของรถยนต์แต่ละรุ่น การทดลองเข้าโค้ง (Cornering) ด้วยความเร็วที่คล่องตัวและเหมาะสม รวมถึงการจำลองกลิ่นอายของการแข่งขันบนสนามแข่งร่วมกับผู้ฝึกสอนมืออาชีพ
ตลอดทั้งวันของกิจกรรม “Mercedes-Benz Driving Events 2023” เริ่มต้นด้วยการทดสอบที่แบ่งออกเป็น 3 สถานี ซึ่งจำลองสถานการณ์การขับขี่ในรูปแบบที่แตกต่างกัน และปิดท้ายด้วยการทดลองการแข่งขันเสมือนจริง โดยมีรายละเอียดของสถานีต่าง ๆ ดังนี้
- สถานีที่ 1 “Brake and Avoiding” การจำลองสถานการณ์ที่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุและจำเป็นต้องใช้การเบรกฉุกเฉินเข้ามาช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนสิ่งขีดขวางต่างๆ โดยมีระบบความปลอดภัยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทำงานผสานกันอย่างระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวของรถ ESP® และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS เข้ามาช่วยเหลือ โดยผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องขับขี่ด้วยความเร็วในช่วง 80-120 กม./ชม. และทดสอบความเร็วในการตอบสนองด้วยการเบรกและหักหลบสิ่งกีดขวางเมื่อได้รับสัญญาณจากผู้ฝึกสอน สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ GLC 220 d AMG Dynamic, GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic, GLE 300 d 4MATIC AMG Dynamic, GLE 350de 4MATIC Exclusive, S 350 d Exclusive และ S 580 e AMG Premium
- สถานีที่ 2 “Motokhana” หัวใจสำคัญของสถานีนี้คือการควบคุมรถให้มีความเสถียรและคล่องตัว ในสถานการณ์ที่มีอุปสรรคและสิ่งกีดขวางมากมายตลอดเส้นทาง ผู้เข้าร่วมทดสอบจะต้องรีดเค้นทักษะการขับขี่ขั้นสูงเพื่อที่จะผ่านบททดสอบนี้ และทำเวลาให้ดีที่สุด โดยที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในระหว่างการทดสอบ สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ A 200 AMG Dynamic, C 220 d AMG Dynamic, C 220 d Avantgarde, C 350 e AMG Dynamic, GLA 200 AMG Dynamic และ GLC 220 d
- สถานีที่ 3 “Corner Theory” สถานีสุดท้ายจะเป็นการฝึกการเข้าโค้ง บนเส้นทางที่คดเคี้ยวของสนามแข่ง เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน เพราะการเข้าโค้งถือเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลต่อการทำเวลาในการแข่งขัน โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะต้องขับขี่ผ่านทางโค้งจำนวน 5 โค้ง ซึ่งรูปแบบของโค้งจะมีความท้าทายที่แตกต่างกัน ผู้เข้าร่วมการทดสอบต้องใช้ทักษะในการควบคุมรถและมีจังหวะในการเบรกที่เหมาะสม และเพื่อความปลอดภัย ในแต่ละช่วงที่เป็นทางโค้ง จะมีการวางสิ่งกีดขวางเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่จะแนะนำขั้นตอนการเข้าโค้งอย่างนุ่มนวลและรวดเร็วที่สุด สำหรับรถยนต์ที่ใช้ทดสอบในสถานีนี้ ได้แก่ EQS 450+ AMG Premium, EQS 500 4MATIC AMG Premium, Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG SL 43
หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบทั้ง 3 สถานี ผู้ฝึกสอนจะนำเข้าสู่การจำลองการแข่งขันสุดท้าทาย
ที่เปรียบเสมือนบทพิสูจน์สุดท้ายของกิจกรรม เริ่มต้นด้วยรอบ Lead & Follow ที่จะมีการแบ่งกลุ่มการขับขี่ และใช้รถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีสมรรถนะใกล้เคียงกัน เพื่อให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้แสดงศักยภาพการขับขี่อย่างเท่าเทียม โดยมีผู้ฝึกสอนคอยนำทางเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับเส้นทางในการแข่ง ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทดสอบได้รับประสบการณ์จริง บนสถานการณ์จริง ที่มีการจับเวลาการแข่งขันเพื่อหาผู้ที่สามารถนำยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เข้าสู่เส้นชัยด้วยเวลาที่เร็วที่สุด
เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรที่ได้รับการรับรองจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความเอ็กซ์คลูซีฟในการเป็นส่วนหนึ่งของ “Mercedes-Benz Driving Events 2023” กิจกรรมการทดสอบรถยนต์และการฝึกทักษะขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์
สำหรับงาน Mercedes-Benz Driving Events 2023 ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ร่วมมือกับ กู๊ดเยียร์ (Goodyear) ในฐานะของพันธมิตรทางธุรกิจที่มีบทบาทเป็นผู้ที่สนับสนุนยางรถยนต์สำหรับรถทดสอบของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดย Goodyear ได้นำ Mercedes-Benz Original Tyres ที่มีการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อยนตรกรรมขั้นสูงของเมอร์เซเดส-เบนซ์โดยเฉพาะ
สิ่งที่ได้จากการร่วมงานครั้งนี้คือ
1.ได้ประสบการณ์ขับขี่ในสนามระดับโลกในแบบเรซซิ่ง
2.ได้สัมผัสสมรรถนะรถยนต์หลายรุ่นที่มีขุมพัลงระดับบ้าน ๆ ไปจนถึงตัวแรง AMG ระดับ 380 แรงม้า และได้ขับ EQS 500 แบบเต็ม ๆ สะใจ
3.ได้ฝึกการเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ทั้งการหักหลบฉุกเฉิน เบรกฉุกเฉิน และการควบคุมพวงมาลัยในสถานีขับสลาลอม เพื่อไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
4.รู้ถึงสมรรถนะและขีดจำกัดทั้งคนและรถ
จากประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ได้จากการร่วมทดสอบครั้งนี้ นับว่าลูกค้า ผู้สนใจสามารถนำไปปรับใช้กับรถยนต์คู่ใจ และยังช่วยให้ขับขี่ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ความประทับใจ Mercedes-AMG SL 43
Mercedes-AMG SL 43 แรงและลงตัวมาก แม้กำลังจะไปได้มากมายเท่าซูเปอร์คาร์ แต่สำหรับ 381 แรงม้า ที่สามารถควบคุมได้ง่ายในทุกโค้งพร้อมขยี้คันเร่งได้สุด ๆ ในสนาม โดยไม่ต้องลดความเร็ว นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ใน Mercedes-AMG SL 43 สามารถทำได้สบาย ๆ
ส่วนรุ่นอื่น ๆ ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLE 53 4MATIC+ ที่นับว่าขับมันไม่แพ้ AMG SL 43 เลย เพียงแค่ตัวรถมีขนาดใหญ่กว่า ด้วยพลังเครื่องยนต์แรงซะใจเสียงท่อไอเสียคำราญเร้าใจ สนุกตื่นเต้นทุกครั้งที่กดคันเร่ง และปิดท้ายด้วยรถยนต์ไฟฟ้าสายพรีเมี่ยมสุดหรู EQS 500 4MATIC AMG Premium ที่ขับกันจนมึนด้วยความแรงมอเตอร์คู่ระดับ 449 แรงม้า แรงบิด 828 นิวตันเมตร เร่งออกจากดค้งแบบใจหายใจคว่ำ กิจกรรมครั้งนี้บอกเลยว่า "ฟิน" สุด ๆเลยครับ