วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จัดกิจกรรม
“Volvo Electrify Your Driving Experience” เปิดสนามทดสอบให้แก่ผู้สนใจทดลองขับและสื่อมวลชนได้มาสัมผัสกับสุดยอดเทคโนโลยีด้านการขับขี่และความปลอดภัย และสมรรถนะอันทรงพลังของระบบขับเคลื่อนในวอลโว่ โดยตลอดทั้งสามวันมีผู้เข้าร่วมกว่า 600 ท่าน ที่สนามพีระอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต พัทยา โดยมีรถไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่าง
Volvo C40 Recharge Pure Electric และ
Volvo XC40 Recharge Pure Electric ที่นำมาให้ทดสอบประสิทธิภาพการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นยอดนิยมในตระกูล Recharge Plug-in Hybrid ได้แก่
XC40,
S60,
V60,
XC60,
S90 และ
XC90
การจัดกิจกรรมทดสอบรถยนต์วอลโว่ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและสื่อมวลชนได้สัมผัสถึงประสิทธิภาพและสมรรถนะของรถวอลโว่ทั้งในรุ่น Pure Electric และ Plug-in Hybrid ได้อย่างไร้ขีดจำกัดและปลอดภัยโดยมีครูฝึกผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับรถ และเทคนิคการขับในเส้นทางทดสอบกว่า 8 กิโลเมตร เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่จริงที่ผู้ใช้งานจะได้รับในรถวอลโว่ และเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกเป็นเจ้าของรถวอลโว่อย่างมั่นใจ
การขับขี่ประกอบด้วย ทดสอบสมรรถนะและประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน อัตราเร่ง 0-100 การขับขี่แบบสลาลม เบรก เข้าโค้ง การควบคุมพวงมาลัย และการควบคุมรถ, ทดสอบเทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยเหลือเพื่อการขับขี่และความปลอดภัย, ทดลองใช้งานระบบเชื่อมต่อและมัลติมีเดียเพื่อความบันเทิงในรถ (iCUP) และทดสอบพลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า Pure Electric ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอันเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนารถวอลโว่
ได้ประสบการณ์มากกว่าลองรถวอลโว่!
กิจกรรมนี้นอกจากเน้นการทดสอบขับขี่ทั้งเรื่องของสมรรถนะรถยนต์
วอลโว่ในแต่ละรุ่นแล้วนั้น ยังเป็นการได้ลองฝึกทักษะการขับขี่รถยนต์วอลโว่ เพื่อศึกษาด้านสมรรถนะ ลิมิตรถและคนขับ ตลอดจนรับรู้ถึงอาการต่าง ๆ ของระบบความปลอดภัยที่วอลโว่ใส่ใจ ทั้งการเร่งออกตัว การเข้าทางโค้งทั้งความเร็วปานกลางและความสูงอย่างถูกวิธี โดยมีอินสตรัทเตอร์และนักแข่งระดับมืออาชีพให้คำแนะนำตลอดการขับทดสอบก่อนลงขับจริงและในสนาม ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ได้ทั้งประสบการณ์การขับขี่รถยนต์วอลโว่ รู้ถึงสมรรถนะและขีดข้อจำกัดของรถและผู้ขับเอง และเมื่อได้เป็นเจ้าของรถยนต์วอลโว่แล้ว ก็จะสามารถใช้ระบบต่าง ๆ และสมรรถนะออกมาได้อย่างคุ้มค่า ถูกต้องและปลอดภัยในครั้งเดียวเลยครับ
ซึ่งทีมงานเช็คราคาเองได้มีโอกาสมีทดสอบลงสนามในกิจกรรมนี้ด้วย โดยเลือกรถยนต์วอลโว่ได้ 2 รุ่น คือ C40 และ XC40 ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 100% มาหวดในสนามพีระเซอร์กิจแห่งนี้ คันละ 2 รอบสนาม ได้ทั้งความความรู้ ฝึกทักษะและยังได้รับรู้ถึงสมรรถนะในด้านต่าง ๆ ของรถอีกด้วย
สำหรับความแตกต่างระหว่าง
C40 และ
XC40 นั้น นอกจากตัวถังรถที่เป็นแบบแฮตช์แบกท้ายลาดและท้ายตั้งแล้ว ความสูงและระบบการปรับช่วงล่างต่าง ๆ มีความแกต่างกันพอสมควรครับ ในรุ่น C40 ท้ายลาดนั้น ให้ความเกาะหนึบแน่นและมีอาการโยนตัวน้อยแม้จะเป็นรถยกสูง SUV แต่ด้วยคาแร็คเตอร์ที่ออกแบบมาให้เน้นความสปอร์ตมากขึ้น ทำให้การโยนเข้าโค้ง การเบรกและเร่งออกตัวนั้น รถมีอาการโคลงน้อยมาก เข้าโค้งได้กระชับไม่ต่างจากรถเก๋งเตี๊ย ๆ เลยครับ
สำหรับรุ่น XC40 คาแร็คเตอร์เปลี่ยนและต่างกันอย่างชัดเจน ด้วยความสูงและท้ายแบบตัดตรงมากว่า ทำให้รถมีอาการโยนตัวมาก โคลงมากขณะเข้าโค้ง การควบคุมจะยวบยาบมากกว่า แต่ในขณะเดียวก็ได้เรื่องความนุ่มนวลและขับขี่ง่าย เบาสบายแบบรถพรีเมี่ยม นับว่าเป้นสไตล์ครอบครัวมากกว่าแนวสปอร์ตครับ
สิ่งที่ได้จากกิจกรรมนี้บอกเลยหาไม่ได้บนท้องถนน
กิจกรรมนี้ได้อะไรมากกว่าการได้ลองขับรถยนต์วอลโว่ เพราะจะได้เรื่องการขับขี่ที่ปลอดภัย เริ่มตั้งแต่ท่านั่งขับขี่ที่ต้องถูกต้องมากที่สุด เช่น การนั่งหลังตรงชิดเบาะพิง ระยะมือและศอกต้องไม่ตึงเกินไป ให้มีระยะงอเล็กน้อย และส่วนของข้อมือจะต้องสามารถแตะขอบพวงมาลัยได้โดยไม่ต้องโน้มตัวมาข้างหน้า
ซึ่งท่านั่งนั้นนับเป็นเหตุผลสำคัญที่เน้นย้ำเลยคือ ท่านั่งขับขี่ และหลังต้องชิดเบาะพนักพิง เพราะรถยนต์วอลโว่จะมีระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุหรือคาดว่าจะมีการเกิดเหตุ ระบบเข็มขัดนิรภัยจะรัดตัวผู้โดยสารให้แนบกับเบาะมากที่สุด เพื่อลดแรงกระแทกหรือการถูกแรงเหวี่ยงโยนตัวไปด้านหน้าและกระเด้งกลับมากระแทกเบาะอีกที ช่วยลดการบาดเจ้บ ดังนั้น หากใครนั่งห่าง หรือปรับเบาะเหมือนจะนอนแล้วขับ ก็อาจเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะหากก่อนเกิดเหตุ แต่ยังไม่เกิดระบบคำนวนแล้วว่ามีโอกาสเกิดการชนเข็มขัดจะรัดทันที ผู้ขับขี่ที่นั่งผิดท่าก็อาจทำให้ควบคุมพวงมาลัยได้ยากขึ้นนั่งเองครับ
นอกจากนี้ยังเป็นฝึกฝนทักษะการเร่ง เบรก ผ่อน เข้าโค้ง และการควบคุมพวงมาลัยในสถานะการณ์ต่าง ๆ ให้ชำนาญอีกด้วย รวมถึงได้รู้ถึงขีดข้อจำกัดของรถและคนขับว่าในสถานะการณ์แบบนี้ควรจะต้องทำอย่างไร แก้ปัญหาอย่างไร หรือจะต้องใช้ความเร็วเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมและปลอดภัยครับ
ส่วนเรื่องความแรงคงไม่ต้องเล่าเพราะในรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่นนี้พลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กำลังสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิด 660 นิวตันเมตร ราวกับซูเปอร์คาร์ แถมขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงราว ๆ 4.9 - 5 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตรต่อชาร์จ (NEDC)
สรุปว่างานกิจกรรม
“Volvo Electrify Your Driving Experience” ตามชื่อเลยครับมาลองขับรับประสบการณ์ที่ดีกลับบ้าน แถมยังได้ลองสมรรถนะของรถยนต์หลากรุ่นของ
วอลโว่ที่ขนมาให้ลองกันอย่างจุใจเลยครับ ลองเสร็จถ้าใครกำลังเล็งเอาไว้รับรองได้ว่าต้องรีบหารใบจองกันอย่างแน่นอนครับ