การเปิดตัวครั้งนี่นับเป็นครั้งแรกของรถ Q5 ในไทยที่เป็น Plug-in Hybrid แท้ ๆ ไม่ใช่ Mine Hybrid เหมือนรุ่นอื่นที่เคยเปิดตัว เพราะต้องการแย่งชิงตลาดรถยุโรปหรูไฮบริดปลั๊กอิน ที่ยังมีความต้องการเพิ่มขึ้น รวมถึงรถยนต์อาวดี้ก็นับเป็นสุดยอดรถหรูที่ให้สมรรถนะระดับสูงจากเยอรมัน
พลังทั้งแรงประหยัดและปลอดภัย
Audi Q5 เป็นพรีเมียม SUV สมรรถนะดีเยี่ยม มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
quattro กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 TFSI ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร กับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร เมื่อผนวกพละกำลังกันแล้ว ทำให้มีกำลังแรงม้า
รวมสูงสุดถึง 367 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ 7 สปีด S tronic ส่งกำลังผ่านระบบ quattro with ultra technology โดยระบบขับเคลื่อนจะสามารถปรับให้ขับเคลื่อนแค่ล้อหน้าได้ในกรณีที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เพื่อช่วยในการประหยัดน้ำมันและจะสามารถเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อได้ทันทีเมื่อมีความจำเป็น
อัตราเร่งเร้าใจ
ขุมพลังให้กำลังรวม 367 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตรส่งผลให้ขับสนุกเร่งแซงทันใจด้วยอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 239 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเมื่อใช้กำลังจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างเดียว สามารถวิ่งได้ไกลถึง 54.3 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากความเร็วมากกว่านั้น เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อเสริมแรงบิดร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์และแบตเตอรี่ขนาดเพียงพอในชีวิตประจำวัน
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดไม่ใหญ่ถูกติดตั้งใต้ที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ผลิตจาก prismatic cell จำนวน 104 เซลล์ ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงขนาด 17.9 กิโลวัตต์ มาพร้อมกับ on board charger ขนาด 7.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จะใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อชาร์จด้วยระบบไฟ Industrial ที่มีแรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์ 16 แอมป์ หรือ Wallbox ที่มีกำลังไฟ 7.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง และสายชาร์จแบบ Compact สำหรับการชาร์จด้วยไฟบ้าน ซึ่งทำให้อัตราสิ้นเปลืองของ The New Audi Q5 55 TFSI e quattro อยู่ที่ 52.6 กิโลเมตรต่อลิตร (ในกรณ๊ใช้พลังงานขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามากกว่าเครื่องยนต์)
เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด
Q5 55 TFSI e มีโหมดการขับขี่ให้เลือกมากมาย ทั้งระบบไฟฟ้าล้วน การขับขี่ทางไกล หรือการขับขี่แบบสปอร์ตและยังตั้งค่าการใช้งานของรถได้อย่างเช่น ระบบช่วงล่างเครื่องยนต์ในโหมดต่าง ๆ และยังตั้งค่าแบบอิสระตามความต้องการของผู้ขับขี่ได้อีกด้วย และยังเลือกรูปแบบขับขี่ได้ 2 แบบ คือ EV mode และแบบ Hybrid โดยการจัดการพลังงานแบบ EV mode ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะถูกใช้งานทุกครั้งหลังจากที่สตาร์ทรถ โดยตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วนตราบใดที่ผู้ขับไม่เหยียบคันเร่งลึกกว่าจุดที่กำหนด จึงประหยัดน้ำมันมากที่สุด ส่วนการจัดการพลังงานแบบ Hybrid แบ่งออกเป็น 3 โหมดคือ Auto Hybrid ทำงานแบบอัตโนมัติ, Battery Hold รักษาระดับพลังงานของแบตเตอรี่ไว้ และ Battery Charge ชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุดเครื่องยนต์จะทำงานเป็นหลัก
The New Audi Q5 55 TFSI e คันที่กำลังชมอยู่นั้นเป็นรุ่น S line เริ่มต้นซึ่งต้องบอกว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ารุ่น
S line black edition มากนัก ภายนอกมีสี Chromium ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และชุดตกแต่งเช่นกระจังหน้า คิ้วขอบประตูต่าง ๆ จะโครเมี่ยมรอบคัน เบาะหนังเรียบหรู พวงมาลัยแบบสปอร์ตท้ายตัด เครื่องเสียงเป็นแบบ Audi Sound System
ส่วนในรุ่น
S line black edition ก็เพิ่มความสปอร์ตดุเข้มมากขึ้น ชุดแต่ง S line Black Edition ซึ่งถูกตกแต่งด้วยขอบคิ้วกระจกและช่องลมต่าง ๆ สีดำ และด้วยล้อขนาด 20 นิ้ว ภายในพวงมาลัยแบบสปอร์ตท้ายตัดทั้ง 2 รุ่น แต่ใน S line black edition จะมีลัญลักษณ์ S line เพิ่มมาและเบาะแบบ Sport ลาย Diamond cut หุ้มหนัง Fine Nappa พร้อมสัญลักษณ์ S line ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang&Olufsen พร้อมระบบ 3 มิติ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change assist)ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตูลงจากรถ (Exit warning) ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross-traffic assist)
Audi Q5 Sportback 55 TFSI e S line Black Edition ทรงท้ายลาดที่มีออปชั่นเดียวกับ S line black edition ล้อขนาด 20 นิ้ว และชุดแต่ง S line Black Edition ซึ่งถูกตกแต่งด้วยขอบคิ้วกระจกและช่องลมต่าง ๆ สีดำ ภายในเป็นแบบ S line ด้วยเช่นเดียวกัน พวงมาลัยแบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมสัญลักษณ์ S line เบาะแบบ sport ลาย Diamond cut หุ้มหนัง Fine Nappa พร้อมสัญลักษณ์ S line หลังคา Panoramic sunroof และระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang&Olufsen พร้อมระบบ 3 มิติ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งประกอบไปด้วย ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change assist) ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตูลงจากรถ (Exit warning) ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross-traffic assist)
ราคาจำหน่ายทั้ง 3 รุ่นคือ
Audi Q5 55 TFSI e ไม่ว่าจะเป็นรุ่นย่อยไหนบอกได้เลยว่าสวยถูกใจและสมรรถนะเร้าใจทุกรุ่น ซึ่งหากชอบความหรูหราพรีเมี่ยมไม่เน้นดุดันนักก็รุ่นเริ่มต้น 3.699 ล้านบาท แต่ใครชอบความสปอร์ตดิบดุดันและออปชั่นเพิ่มเติมขึ้นก็ขยับไป 2 รุ่นท็อป เลือกตามความชอบได้เลยครับ