ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ เปิดตัวด้วยรูปลักษณ์ภายนอกดุดัน พร้อมขยับสมรรถนะไปอีกขั้น ภายนอกบ่งบอกตัวตัวและความแตกต่างจากรุ่นย่อยอื่นได้จาก ซุ้มล้อที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มความกว้างของรถ ไฟหน้าใหม่รูปตัว C ดีเอ็นเอใหม่ของรถกระบะฟอร์ด ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่บนกระจังหน้า และกันชนที่เป็นอิสระจากกระจังหน้า ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day-time running lights) แบบแอลอีดี ไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสงและการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติ แล
ะนี่คือโอกาสดีที่ทีมงาน CarGuru Thailand โดย Checkraka.com ได้นำมาขับเทสแบบออนโร้ด กับขุมพลังสปอร์ตระดับ 400 แรงม้า !
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติที่ใช้กับฟอร์ด เรนเจอร์ โดยใช้เหล็กหนา 2.3 มิลลิเมตร เมื่อประกอบเข้ากับแผ่นปิดใต้เครื่องยนต์และชุดเกียร์จึงช่วยปกป้องชิ้นส่วนสำคัญ เช่น หม้อน้ำ, ระบบบังคับเลี้ยว, คานด้านหน้า, อ่างน้ำมันเครื่อง และชุดเฟือง ส่วนตะขอลากจูงคู่หน้าและหลัง ให้รถพร้อมลุยในเส้นทางออฟโรดทุกสถานการณ์ สามารถเลือกใช้ตะขอใดตะขอหนึ่งเป็นจุดยึดสายลากจูงได้ ในกรณีที่ตะขออีกด้านเข้าถึงได้ยาก ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสมดุลด้วยการใช้สายลากจูงสองเส้นเพื่อดึงรถขึ้นจากหลุมทรายลึกหรือหล่มโคลนได้ นับเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ติดตั้งระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบตลอดเวลา โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ พร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials ครั้งแรก ตอบโจทย์คอออฟโรดได้จริง
ห้องโดยสารออกแบบใหม่หมด ใช้เบาะสไตล์สปอร์ต ทั้งเบาะหน้าและหลัง เคลมว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินรบ นั่งสบายและกระชับแม้ตอนทำความเร็วเข้าโค้ง การตกแต่งรายละเอียดด้วยสีส้ม โค้ด ออเรนจ์ บนแผงหน้าปัด การตัดขอบชิ้นส่วนหลักๆ ในห้องโดยสาร ช่วยให้ดูโดดเด่น อีกทั้งยังได้ความหรูหรากับงานประกอบที่ปราณีต พวงมาลัยหุ้มหนังเกรดพรีเมียมจับกระชับมือพร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัยหรือ On- centre mark แป้นแพดเดิลชิฟต์ก็เคลือบแมกนีเซียม
ด้านความทันสมัยภายในห้องโดยสารของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ เน้นระบบดิจิทัลทั้งหมด หน้าปัดให้ความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว และน่าประทับใจกับหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อและระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Androidรถ่ายทอดเสียงผ่านลำโพงไฮเอนด์ Bang & Olufsen 8 ตำแหน่ง
ด้านขุมพลังได้ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ มอบพละกำลังถึง 397 PS ! และแรงบิดสูงสุด 583 นิวตันเมตร พร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมาย พร้อมตะลุยทุกสภาพเส้นทางโหด
ระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ที่ควบคุมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ นับว่าได้ว่าระบบกันสะเทือนนี้ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเลือกใช้น้ำมันหล่อลื่นผสม Teflon ที่ลดการเสียดสีลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รุ่นก่อนหน้านี้ ขณะที่ส่วนฮาร์ดแวร์ผลิตโดย FOX แต่ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ คือผู้รับหน้าที่ปรับจูนและพัฒนาโช้คอัพรุ่นนี้โดยผสมผสานการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering หรือ CAE) และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง ตั้งแต่การปรับการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด-หดของโช้ค เพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด มอบทั้งความสะดวกสบาย การควบคุมรถ ความมั่นคง และการยึดเกาะถนนทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด นอกจากการทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ต่างๆ แล้ว ระบบดังกล่าวยังเตรียมความพร้อมให้ตัวรถในการตะลุยพื้นที่ได้หลากหลาย โดยเมื่อโช้คได้รับแรงกด ระบบบายพาสจะจำงานเพื่อตอบสนองและช่วยซับแรงได้อย่างพอเหมาะ และผลักแรงกลับไปเมื่อโช้คมีการคืนตัวเต็มที่
การขับทดสอบเน้นออนโร้ดในและนอกเมือง ใช้งานในชีวิตประจำวันและไลฟสไตล์ท่องเที่ยว แน่นอนว่า แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ มีรูปลักษณ์และสเปคที่โดดเด่น จนทำให้หลายคนอยากครอบครองเป็นเจ้าของทันทีที่เปิดจอง ด้วยราคา 1,869,000 บาท เหมือนแพงสำหรับรถกระบะ 4 ประตูรุ่นท็อป แต่ความต่างราคาสะท้อนให้เห็นความต่างในหลายๆ ด้านเช่นกัน เริ่มจาก เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร EcoBoost V6 พลัง 397 แรงม้า แรงบิดมหาศาล 583 นิวตันเมตร ที่เริ่มบูสต์ดังกันตั้งแต่ 3,500 รอบต่อนาที ตลอดจนภายในห้องโดยสารยังความหรูหรา ทันสมัยเหมือนรถยุโรปพรีเมียม ทำให้หลายคนพร้อมจ่ายจบกับราคานี้ทันที เมื่อผู้เขียนได้โอกาสจับมาลองใช้งานจริงทั่วไป โดยขับไปกว่า 450 กม. ในช่วงแรกที่สัมผัสกับมิติสัดส่วนของแร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ขับไปจนคุ้นชินสักพักก็พบว่ากระบะคลาส 400 แรงม้าคันนี้ขับง่ายกว่าที่คิดไว้ตอนแรก การเข้าจอดเลี้ยวขึ้นลงทางแคบในอาคารจอดรถ และฝ่าการจราจรที่ติดขัดของถนนสีลม สาทร ราชประสงค์ ทำได้ดีกว่ารถกระบะทั่วไปด้วยซ้ำ ด้วยแรงบิดที่ยอดเยี่ยมและพร้อมตอบสนองตลอดดเวลาทำให้การเดินคันเร่งทำเพียงแผ่วเบาก็ขับเคลื่อนไปได้อย่างง่ายดาย จะมีรู้สึกติดขัดบ้างก็ตอนเข้าเกียร์ R ถอยหลัง อาจเพราะความไม่ชินกับคันเกียร์ดีไซน์แบบนี้ ระบบเบรกตอบกลับด้านความรู้สึกได้อย่างเที่ยงตรง หน่วงชะลอเบาเบรกให้น้ำหนักได้ง่าย ด้วยระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ผสานกับระบบช่วยเหลือมากมายที่ติดตั้งมา การขับทำความเร็วบนถนนเปิดโล่งไม่ว่าบนทางด่วนหรือถนนชานเมือง ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขับรถสปอร์ตราคาแพงๆ ผู้เขียนปรับโหมดเสียงท่อเป็นแบบสปอร์ตอรรถรสที่ได้จากการกดคันเร่งทะยานไปข้างหน้า หรือเร่งแซงให้ความเร้าใจมาก เหมือนมีรถที่เด่นทั้งความแรงแบบสปอร์ตและฉลาดลุยบนเส้นทางออฟโร้ด ซึ่งก่อนหน้าเคยได้ลองออฟโร้ดระบบนี้จาก เรนเจอร์ ไวล์ดแทรคไปแล้ว เอาเป็นว่าด้านสมรรถนะไม่มีอะไรติดค้างคาใจนอกจากความประทับใจ ด้านความทันสมัย ฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ให้ฟิวแบบรถหรูหรา ทุกอย่างผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ราคาที่ดูเหมือนสูงกลายเป็นคุ้มค่าทันที อย่างไรก็ตามผู้เขียนไม่ได้ไปขับทดสอบช่วงล่างจริงจังบนเส้นทางออฟโร้ด แต่ก็เชื่อว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ ให้เกินไม่มีหักออกแน่นอน สุดท้ายคือเรื่องของตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจากระยะทางขับรวมมากกว่า 400 กม. ทั้งในและนอกเมือง ได้ 5.4 กม./ล. อาจดูน่าตกใจ แต่ไม่แปลกใจถ้าต้องแลกกับการได้อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7 วินาที !
เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แต่ละสปีดได้รับการตั้งค่แตกต่างกัน เพื่อลุยทางที่แตกต่างไม่ว่า กรวด ดินลูกรัง โคลน หรือทราย และลูกเล่นที่เหนือกว่ารถกระบะในคลาสเดียวกันด้วยระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าที่มีโหมดปรับเสียงให้เลือกได้ตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
- โหมดเงียบ – ออกแบบมาเพื่อตั้งค่าให้ท่อไอเสียเงียบมากกว่าการอวดสมรรถนะ เหมาะสำหรับการสตาร์ทรถตอนเช้าตรู่ เพื่อลดเสียงรบกวนเพื่อนบ้านหรือผู้คนในชุมชน
- โหมดปกติ – สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ดังเกินไปสำหรับการขับบนท้องถนน โดยจะเป็นค่าเริ่มต้นกับการขับขี่โหมดปกติ โหมดถนนลื่น โหมดโคลน และโหมดหิน
- โหมดสปอร์ต – มอบเสียงดังกระหึ่มขึ้น เมื่อต้องการเพิ่มความตื่นเต้นเร้าใจยิ่งขึ้น
- โหมดบาฮา – โหมดเสียงที่อวดความแรงสูงสุดทั้งความดังและความทุ้ม เสมือนระบบต่อตรงออกแบบมาสำหรับการขับขี่ออฟโรดเท่านั้น
สีภายนอกมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ แอบโซลูท แบล็ก, สีขาว อาร์กติก ไวท์, สีส้ม โค้ด ออเรนจ์1 และสีเทา คองเคอร์ เกรย์ ราคาเท่ากันหมดที่ 1,869,000 บาท พร้อมการรับประกันจากโรงงาน 5 ปี หรือ 150,000 กม. และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งในปีแรก
*โปรโมชั่นสุดเอ็กคลูซีฟสำหรับลูกค้าที่จองและออกรถยนต์ฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ รุ่นต่างๆ ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2565 ดังนี้
- ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99 % สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นแร็พเตอร์, ไวลด์แทร็ก, สปอร์ต และ ดับเบิลแค็บ XLT
- กระบะ 4 ประตูยกสูง ราคาเริ่มต้นเพียง 792,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียง 6,999 บาท สำหรับฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่น ดับเบิลแค็บ XL+ 2.0L เครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยว เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
- สุดคุ้มกับฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นโอเพ่นแค็บ XL+ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว เกียร์ธรรมดา 6 สปีด กระบะตอนครึ่งยกสูงฟังก์ชันครบ ราคา 699,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเพียง 6,299 บาท
- ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ ราคาเริ่มต้นเพียง 1,334,000 บาท อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.99%
รถฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ ทุกรุ่นมาพร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง และการรับประกันคุณภาพจากโรงงาน 5 ปี หรือ150,000 กม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)
การขับทดสอบบนถนนทั่วไปทำให้ได้ข้อสรุปที่ว่า
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ เสมือนรถกระบะที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการรถออฟโร้ดสายลุย เร็ว และแรงที่สุดแบบไม่ต้องเขย่งให้เสียเวลา ทั้งยังมีโหมดฉลาดๆ ให้พร้อมใช้งานแบบไม่ต้องขออะไรจากผู้ขับมาก ตลอดจนยังให้ฟิวสปอร์ตทางเรียบ แบบแรงจนน่าสะพรึง เรียกว่าครบเครื่อง 2 อินวันในคันเดียว ด้วยราคา 1,869,000 บาท สำหรับรถกระบะยุคนี้อาจแพงกว่าตัวท็อปดีเซลเทอร์โบขับสี่ราว 4-5 แสนบาท แต่ก็แตะพวกพีพีวีตัวท็อป เมื่อมองสเปค รายละเอียดโดยรวมทั้งหมด และอรรถรสที่ขับจริงมากว่า 450 กม. ทำให้มองว่าราคานี้คุ้มค่าตัวมาก ถามง่ายๆ คุณจะหารถพลังราว 400 แรงม้า จากโรงงานในราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทได้ที่ไหน ? และ
นี่คือรถที่เหมาะกับการขับเอามันส์ ได้ภาพลักษณ์ ให้ความเร้าใจ เหมาะกับการเดินทางบนถนนเมืองไทยมากที่สุดรุ่นหนึ่ง การที่คุณเลือกรถกระบะที่เน้นความแรงระดับท็อปของวงการเป็นหลัก คงไม่มาถามอะไรมากไปกว่าเมื่อไหร่จะได้รถ ?