New MG VS HEV รถยนต์อเนกประสงค์ SUV รุ่นใหม่เติมเต็มช่องว่างระหว่าง
MG ZS และ
ZS EV กับ
EP หรือวัยรุ่น
Plug-in MG HS PHEV ด้วยการนำเอาระบบเครื่องยนต์ไฮบริดมาใส่พร้อมปรับโฉมด้านหน้าใหม่หมด จนดูล้ำอนาคต แม้ว่าด้านหลังยังคงแบบเดิมที่เหมือนกับเพื่อน ๆ ในค่าย แต่ภายในอลังการกว่าด้วยการติดตั้งจอใหญ่ยักษ์ขนาด 12.3 นิ้ว 2 จอ ที่นับเป็นครั้งแรกในระดับนี้และราคาไม่ถึงล้าน! นอกจากนี้ยังปรับดีไซน์คอนโซลหน้าและกลางใหม่หมด และยังเพิ่มออปชั่นความสะดวกสบายด้วย Wiless charger กับระบบเบรกมือไฟฟ้าและเบรกขณะหยุดรถชั่วคราว (Auto Hold) อีกด้วย กับค่าตัว
919,000 บาท สำหรับรุ่น X และ
859,000 บาท ในรุ่น D ที่ตัดหลังคาพาโนรามิคและฟังก์ชั่นเล็กน้อยออกไปเท่านั้น
การทดสอบทริปนี้เป็นแบบไปเช้ากลับเย็น พร้อมสื่อร่วมเดินทาง 2 คนต่อ 1 คัน เริ่มต้นจาก Davin Cafe ถนนประดิษฐ์มนูธรรมมุ่งหน้าสู่สนามปทุมธานีสปีดเวย์ เพื่อลองสมรรถนะอัตราเร่ง การเข้าโค้ง และ สลาลาม พร้อมกับมีเครื่องมือจับเวลา 0 - 100 กม./ชม. ในทดลองกันอีกด้วย โดยรถทุกคันเป็นรุ่น X หรือ ท็อปสุด ราคา 919,000 บาท
ทำความรู้จัก MG VS HEV บอกเลยแรงเกินคาด ประหยัดไม่แพ้ใคร..!
NEW MG VS HEV ทางเอ็มจีวางตัวไว้ว่านอกจากเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกในไทยแล้ว ยังดันให้อยู่ในกลุ่ม "สปอร์ตไฮบริดเอสยูวี" นั่นคือ เน้นขับสนุก เร่งทันใจ ไม่อืดและยังให้ความประหยัดในระดับกำลังดี เรียกว่าได้ทั้งแรงและประหยัดที่สมดุลกัน ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว VTi-TECH กำลังสูงสุด 109 แรงม้า แรงบิด 142 นิวตันเมตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ให้พละกำลังรวมสูงสุดที่ 177 แรงม้า ส่วนแรงบิดไม่สามารถวัดได้โดยตรงเพราะมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานที่รอบแตกต่างกันไป พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT ส่วนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 2.13 กิโลวัตต์ชั่วโมงวางใต้เบาะ
ภายนอกที่โดดเด่นก็คือ กระจังหน้า Electrified Matrix Grille Design ที่เห็นแล้วต้องเดิน "เอานิ้วไปแหย่รูว่าตันหรือไม่? สรุปมีรูจ้า....เพราะยังต้องใช้หม้อน้ำระบายควมร้อน ไฟหน้าแบบ LED Projector เปิด-ปิดได้อัตโนมัติที่มาพร้อมกับไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน (DAYTIME RUNNING LIGHT) และไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว มี AERO WHEEL COVER ที่ช่วยลดแรงต้านลม ซึ่งอยากจะแกะออกมาดูแต่ไม่กล้าเพราะกลัวจะใส่ไม่เหมือนเดิมแล้วจะบินหายไป
ส่วนห้องโดยสารแนวใหม่แบบ Modern & Stylish บอกเลยว่าดีล้ำสุดในรถระดับเดียวกันที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้าน และยังมีระบบทันสมัยมากมายจนใช้ไม่หมด ครั้งแรกใน B-SUV ที่มี Dual Widescreen Cockpit หน้าจอคู่ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว 2 จอ ควบคุมการทำงานผ่าน ILLUMINATED TOUCH PANEL ความคมชัดระดับ HD และโหมด Navigation สามารถเชื่อมต่อด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART พร้อม Apple CarPlay และสามารถเล่นมัลติมีเดียในสมาร์ทโฟนระบบ Android ได้ พร้อมเชื่อมต่อ Music application ของ JOOX
คอนโซลกลางแบบ DOUBLE LAYER ด้านบนตกแต่งด้วยวัสดุ PIANO BLACK พวงมาลัยหุ้มหนังและคันเกียร์ตกแต่งลวดลาย LASER PATTERN ให้ความหรูหรา ด้านล่างมีที่เก็บของพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับทั้ง TYPE C และ TYPE A ถือว่าล้ำสุดในปัจจุบันนี้แล้วครับ แต่ว่า....กระจกมองหลังยังปรับลดแสงด้วยแฮนด์นะครับ
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless charger) อีกทั้งยังมีช่องแอร์ และช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เบาะที่นั่งด้านหลัง ปรับพับได้ 60:40 เพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
คันเกียร์ลายเลเซอร์กราฟฟิกพร้อมระบบเกียร์ไฟฟ้าแบบใหม่ Electric Shift เลือกโหมดขับขี่ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Comfort และ Sport พร้อมด้วย KERS MODE ตั้งค่าได้ 3 ระดับ ช่วยชาร์จไฟกลับขณะถอนคันเร่ง ชะลอความเร็วหรือเบรก ซึ่งเรื่องความประหยัดที่ทางเอ็มจีได้เกริ่นเอาไว้แต่แรก ๆ ก่อนการขับทดสอบว่า "ไม่เน้นประหยัดเน้นขับสนุก" จึงเคลมตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเอาไว้ไม่โดดเด่นนักราว ๆ 15-16 กม./ลิตร (ไม่เป็นทางการ) แต่ความจริงแล้วกลับทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีกว่าที่คิด!!!
ระบบความปลอดภัยไม่เยอะแต่เหมาะสมกับราคา
ระบบความปลอดภัยใน
MG VS HEV อาจไม่หวืดหวานักเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน แต่ก็มีให้เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัยแล้วเมื่อเทียบกับราคาและได้ระบบไฮบริดมาช่วยให้ขับสนุกขึ้น ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มีทั้งหมด 12 ระบบได้แก่
- ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Brake System)
- พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
- ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถ AVH (Auto Vehicle Hold)
- พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ High Definition จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
- สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย
นุ่ม..เงียบ..แรงตรงปก..แต่ยังประหยัดไม่แพ้ใคร
เมื่อออกเดินทางจากจุดเริ่มต้นขับผ่านถนนประดิษฐมนูธรรมที่รถติดสลับหยุดนิ่งในช่วงเช้าก่อนจะวงเพื่อขึ้นทางด่วนรามอินทรา-วงแหวนและมุ่งหน้าสู่วังน้อย จากนั้นก็วกกลับไปทางปทุมธานีเพื่อเข้าสู่สนามทดสอบ ปทุมธานีสปีดเวย์
เริ่มด้วยการเป็นผู้โดยสารข้างคนขับ สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลของระบบช่วงล่างที่ไม่กระด่างและแข็งแม้จะผ่านถนนที่ไม่เรียบ และมาพร้อม "ความเงียบ" ของภายในห้องโดยสารที่ดีเกินคาดไว้ ส่วนตัวเบาะนั่งสบายและมีพื้นที่เหลือสำหรับขยับกิริยาบทได้ คอนโซลหน้าและกลางขนาดกำลังดีไม่ทำให้การนั่งแล้วแน่นตัวจนเกินไป และเมื่อเปิดหลังคาพาโนรามิครูฟ ก็ยิ่งรู้สึกโปร่งโล่งสบายขึ้นอีก แต่คาดว่าน่าจะเปิดได้ไม่บ่อยเพราะจะโดนแดดเผาเกรียมซะก่อน
การใช้งานในส่วนของหน้าจอขนาดใหญ่ก็ดูง่ายเต็มตา ไอคอนที่โชว์ในจอก็ชัดเจนและการเลื่อนไม่มีกระตุก พร้อมยังเชื่อมต่อสาร์มโฟนได้ง่ายทันใจ แต่ก็ยังมีข้อเสียตรงที่การต้องจิ้มบนจอ ตรงเลงให้แม่น เพราะเมื่อรถเคลื่อนที่ไปจะมีการเขย่าอาจใช้งานลำบากกว่าจอดนิ่ง นับเป็นข้อเสียของบรรดาจอสัมผัสแทบทุกค่ายครับ
คนขับ VS ผู้โดยสาร ไม่ต้องแย่งใช้จอกลางกันอีกต่อไป
ความพิเศษของจอสัมผัสที่ไม่มีแค่ความใหญ่อย่างเดียวก็คือ การเลงเห็นถึงความสำคัญของคนขับและผู้โดยสารไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเชื่อมต่อระบบนำทางหรือว่า "อากู๋" เพื่อดูแผนที่แล้ว หากต้องการใช้งานระบบต่าง ๆ บนหน้าจอกลาง ก็เพียงเอานิ้วจิ้มจอรูปแผนที่ค้างเอาไว้แล้วเลื่อนไปฝั่งจอคนขับแทน หรือกดเลือกการแสดงภาพก็ได้ ระบบแผนที่ก็จะแสดงบนจอฝั่งคนขับ ส่วนจอกลางก็จะแสดงระบบอื่น ๆ ให้ใช้งานได้ เป็นการเอาใจทั้งคนขับและผู้โดยสารอย่างแท้จริงครับ ระบบนี้ยอมรับว่ายอดเยี่ยมมากและกล้าใส่มาในรถราคาไม่ถึงล้านอีกด้วย
สมรรถนะในสนาม "ผ่าน" ขับดีพอตัว
เมื่อนั่งยาว ๆ จนถึงสนามปทุมธานีสปีดเวย์ ก็เริ่มทดสอบในสถานีต่าง ๆ ที่ทางเอ็มจีเตรียมไว้ได้แก่ การขับเข้าโค้งในแทรกที่ความเร็วระดับ 40 - 60 กม./ชม. ซึ่ง
MG VS HEV ให้ความมั่นใจในช่วงล่างได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าใช้ความเร็วเกินกว่านี้ขึ้นไปก็จะเริ่มออกอาการโยน เหวี่ยงและไถลเล็กน้อย แต่ต้องอย่าลืมว่าเป็นรถ SUV ที่มีความสูง การเข้าทางโค้งจึงต้องใช้ความเร็วอย่างเหมาะสมด้วยครับ
แต่ถ้าเกินจำเป็นต้องเลี้ยวหรือเข้าโค้งในความเร็วสูง ช่วงล่างของ VS HEV ก็ยังพอรับมือได้อยู่ และยังมีระบบช่วยเหลือการทรงตัวที่ช่วยให้คนขับควบคุมรถต่อไปได้อย่างปลอดภัย และยังมีพวงมาลัยที่กระชับแม่นยำ ควบคุมบังคับเลี้ยวง่าย น้ำหนักกำลังดี ไม่เบาเกินไป
ทางด้านการหักเลี้ยวในรูปแบบสลาลมสลับไปมาซ้ายขวาที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. ตามผู้จัดกำหนดเอาไว้ ก็สามารถควบคุมรถได้และเลี้ยวเข้าช่องระหว่างกรวยได้สบาย ๆ ไม่มีเสียงยางร้อง และยังมีอาการโคลงตัวไม่มากนัก จากการได้ลองขับสั้น ๆ ในสนามนั้น เอ็มจีทำการบ้านมาได้ตรงกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานรถครอบครัวที่ขับง่าย เร่งสนุกติดเท้า ช่วงล่างนุ่มนวลและเงียบ ซึ่งยังต้องลองขับถนนท้องถนนอีกครั้งในช่วงเดินทางกลับครับว่าจะเป็นอย่างไร
อัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ใน........
มาถึงการทดสอบทีมีสื่อหลายท่านสนใจและอยากทราบว่าเครื่องยนต์ไฮบริดที่ว่าไม่เน้นประหยัด แต่ขับสนุกจริงหรือไม่ โดยเอ็มจีได้จัดสถานีวัดอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. พร้อมเครื่องมือจับเวลาให้รู้กันไปเลยไม่ต้องคิดเอาเอง ซึ่งจากที่ทีมงานเช็คราคาได้ลองทดสอบทั้งหมด 2 ครั้งแบบไม่เร่งออกตัว แค่ปล่อยเบรกแล้วกดคันเร่งมิด ผลปรากฏว่าทำเวลาได้ดีที่สุดคือ.....9.87 วินาที ผ่าม! ส่วนสื่ออีกหลาย ๆ คนได้ลองส่วนมากเวลาจะอยู่ราว ๆ 8 ปลาย ๆ จึง 9 วินาทีกว่า ๆ อาจพอสรุปได้ว่า ถ้าออกตัวดีมีชัยไปกว่าหลายเสี่ยววินาที....ครับ!
แต่สิ่งที่ว้าวกว่าคือ "ระบบเบรก" เมื่อเร่งถึง 100 กม./ชม. ก็กระทืบเบรกเพื่อให้รถหยุดนั้น ใช้น้ำหนักเท้าน้อยมาก เหมือนว่าแป้นเบรกดูดหรือว่าค่อย ๆ จมเพิ่มน้ำหนกองโดยที่ผู้ขับไม่ต้องออกแรงเยอะขึ้นมากนัก และการทรงตัวของรถก็นับว่าดีไม่มีอาการส่าย ส่วนล้อก็ไม่มีการล็อคหรือเสียงยางดังเท่าไหร่ ถือว่าระบบเบรกดีมากครับได้ฟิวลิ่งยุโรปจริง ๆ
หลังจากลองอัตราเร่งออกตัวแล้ว ต้องมาขับใช้งานจริงบนถนนบ้าง ความรู้สึกแรกเลยคือ ดีกว่าที่คิดเอาไว้เยอะ เนื่องจากรูปลักษณ์ต่าง ๆ ระบบช่วงล่างดูไม่น่าจะมีการปรับจูนอะไรเพิ่มเติมจากรุ่นอื่น ๆ ของเอ็มจีมากนัก แต่กลับให้ความนุ่มนวลและห้องโดยสารที่เงียบมาก น้ำหนักและการควบคุมพวงมาลัยกระชับและคม ขับง่ายเบากำลังดี
หน้าจอขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจนและแสดงรายะละเอียดต่าง ๆ มากมายครบถ้วน โดยเฉพาะการแสดงระบบนำทางจากกูเกิ้ลที่ย้านมาบนจอคนขับได้ ทำให้สามารถใช้งานอื่น ๆ บนจอกลางได้เลย เช่นปรับระบบแอร์ เล่นเพลง ฟังวิทยุ ฯลฯ โดยไม่ต้องแย่งหน้าจอกัน แต่สำหรับปุ่มเลือกใช้งานใต้จอกลางนั้นเป็นแบบสัมผัสที่อาจจะต้องเกร็งนิ้วในการกดให้โดนเวลารถเคลื่อนที่อยู่ และแผงควบคุมแอร์หรือบางระบบ ต้องเข้าไปเลือกบนจออยู่ดี อาจทำให้ผู้ขับใช้งานลำบากและต้องละสายตาเพื่อดูฟังก์ชั่นบนจอให้เลือกใช้งานได้ถูก
อัตราเร่งแซงทันใจขับสนุกไม่อืด
สำหรับการขับขี่ใช้งานจริงไม่ว่าจะออกตัว เร่งแซง พลังไฮบริด 177 แรงม้า ทำได้ดีตอบสนองรวดเร็วทันใจ ไม่รอบรอบ และยังให้ความนุ่มนวลไม่กระชาก เสียงเครื่องยนต์มีเล็ดรอดเข้ามาบ้างแต่ไม่รำคาญ การเร่งแซงนั้นถือว่า กดเป็นมา พร้อมพุ่งตลอด ทันใจปลอดภัย ถูกใจวัยรุ่นรักครอบครัวแน่นอนครับ
ระบบช่วงล่างความเร็วสูงพอรับไหว ไม่โคลงหรือโยนตัวมากนัก แต่ถ้าเปลี่ยนเลนอย่างรวดเร็วก็มีอาการโคลงและยอบอยู่บ้าง ตามสไตล์รถสูง อาจเป็นผลจากการใช้ยางแก้มเตี้ยกว่าชาวบ้านคือ 215/55/17 จาก YOKOHAMA BluEarth E70
อัตราสิ้นเปลืองไม่ธรรมดา
การตอบสนองของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่เป็นระบบใหม่นี้ทำได้ดีลงตัวและขับได้สนุกตามที่คุยไว้จริงครับ.....ซึ่งเรื่องความประหยัดตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะทำตัวเลขได้ดีนัก ประกอบกับเท้าหนักในวันที่ขับอีกด้วย แต่โดยเมื่อถึงจุดหมายปลายทางแล้วจากการขับกลับมาในสภาพทั่วไป ขับตามกัน เร่งแซง ลองอัตราเร่งแบบสุด ๆ ดูบ้าง ตัวเลขบนมาตรวัดอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 17.8 กม./ลิตร นับว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้พอสมควร จากที่ทางเอ็มจี ถ่อมตัวไว้ว่า 15 - 16 กม./ลิตร แต่เมื่อตัวเลขจริงออกมาระดับนี้ ก็ถือว่าให้ประหยัดมากว่ารถยนต์เครื่องสันดาป 1.5 ลิตร แถมยังให้ความแรงความสนุกในการขับขี่ระดับเครื่อง 2.0 ลิตรเลยทีเดียวครับ หากใครจะไปทดลองเองหรือว่ามีโอกาสได้ซื้อมาจะลองขับแบบ "ปั้นตัวเลข" ดูอาจจะได้มากกว่านี้ก็เป็นได้ครับ
สรุปความคุ้มค่ากับราคา
จ่ายค่าตัว
919,000 บาท คือราคา MG VS X รุ่นท็อปที่ทดลองขับคันนี้ ต้องบอกก่อนว่าถ้ามองแง้ของงบประมาณก็อาจจะไม่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ มากนัก แต่ถ้ามองในส่วนที่โดดเด่นกว่าใครก็คือ ระบบอินโฟรเทนเมนต์ที่ล้ำหน้าและหน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว 2 จอ ต่อกันยาวกับรถยุโรป และยังมีระบบการใช้งานที่หลากหลายทันสมัย อย่างเช่น สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนกับ i-SMART ได้อีกด้วย และยังมีหลังคาพาโนรามิคยาวเต็มหลังคา เจ้าเดียวในรถระดับนี้
ส่วนเรื่องสมรรถนะน่าจะไม่แพ้รถไฮบริดทั่วไปในระดับเดียวกัน เผลอ ๆ อาจจะแรงกว่าด้วยซ้ำครับ ขับสนุกอัตราเร่งแซงดีเกินคาด การเก็บเสียงนับว่าใกล้เคียงรถระดับ C-SUV แต่ทั้งหมดนี้ต้องรับให้ได้ว่าอัตราสิ้นเปลืองเป็นรองกว่ารถในกลุ่มไฮบริดเดียวกัน ซึ่งทางเอ็มจี "ย้ำชัดเจน" ว่า "ไม่เน้นประหยัดเน้นอัตราเร่งจัดจ้านและขับสนุกแบบ สปอร์ตเอสยูวีนั่นเองครับ"
ไม่ต้องเชื่อผม....ต้องไปทดลองขับเองจะได้สัมผัสคันจริงและอัตราเร่งจริงว่าขับสนุกจริงหรือไม่ครับผม!