อาวดี้ ประเทศไทย โดยบริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์อาวดี้อย่างเป็นทางการในประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรม Audi Press Trip “Never Follow” เพื่อสัมผัสและทดลองขับยนตรกรรมแห่งการขับเคลื่อนเทคโนโลยีที่แตกต่างของอาวดี้หลากหลายรุ่น บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมชมการเปิดตัวยนตรกรรมล่าสุด อาวดี้ RS3 Sportback
อาวดี้ ประเทศไทย จัดยนตกรรมหลากหลายรุ่นมากกว่า 40 คัน พร้อมทัพสื่อมวลชนกว่า 80 คนร่วมเดินทางขับรถยนต์อาวดี้สัมผัสรายละเอียดและสมรรถนะการขับทั้งไป-กลับเส้นทาง กรุงเทพฯ - ประจวบคีรีขันธ์ โดยตัวแทนจากทีมงาน คาร์กูรูไทยแลนด์ โดย เช็คราคา.คอม ได้ร่วมเดินทางไปกับทริปนี้ด้วย
การเดินทางขาไปผู้เขียนได้ขับอาวดี้รุ่น
A3 Sportback 35 TFSI S line เป็นฮอทแฮทช์รุ่นเริ่มต้นทั้งด้านราคาและสมรรถนะ รายละเอียด วัสดุ และงานประกอบแบบ เมด อิน เยอรมนี ทำให้ไม่มีข้อกังขาหรือสงสัยใดๆ เนี๊ยบและเรียบร้อยจริงๆ การสัมผัสและใช้งานฟังก์ชันต่างๆ แม้มีเวลาทำความคุ้นเคยไม่มากแต่ก็เข้าใจและใช้งานได้ง่าย การขับเคลื่อนของขุมพลังขนาด 150 แรงม้า จากเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.4 ลิตรส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ทำให้การใช้งานในเมืองและเดินทางไกลไหลลื่นสมูทดี พละกำลังยามออกตัวและเร่งแซงนับว่าทันใจและเพียงพอ บนถนนเปิดโล่งก็สามารถเร่งแซงรถช้าได้อย่างทันใจ จากการประสานการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ นอกจากนี้
ตัวถังรถที่เป็นแฮทช์แบคยังให้การควบคุมที่สนุกด้วยความฉับไวในการบังคับควบคุมไม่ว่าเปลี่ยนเลนหรือเข้าโค้งด้วยความเร็วกลาง-สูง ระบบเบรกให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดี ให้น้ำหนักง่าย ชะลอหยุดได้อย่างนุ่มนวล อย่างไรก็ตามการนั่งบนเบาะทรงสปอร์ตนานกว่า 1 ชม. รู้สึกเมื่อนก้นอยู่บ้าง ด้วยราคาไม่เกิน 2.4 ล้านบาท แลกกับยนตรกรรมขนาดเล็กขับสนุก พละกำลังขนาดพอดีต่อการใช้งานรอบด้าน ยังให้อัตราสิ้นเปลืองที่ใช้งานได้ทุกวันก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ถูกใจสำหรับหลายคน การเดินทางกลับหลังจากได้ชมตัวจริงของ
The New Audi RS3 Sportback ก็ได้มาขับ
TT RS Coupe' Quattro ซึ่งใชัขุมพลังบล็อคเดียวกับ RS3 Sportback ที่เพิ่งเปิดตัวไป นั่นคือ เครื่องยนต์ 5 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร คว้ารางวัล International Engine of the year 9 ปีซ้อน ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร เกียร์ 7 สปีด คลัทช์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.7 วินาที เมื่อเข้าไปนั่งใน Cockpit รู้สึกได้ถึงความสปอร์ตพรีเมียมในทุกรายละเอียด เสมือนซูเปอร์คาร์ชั้นดี ที่พร้อมทะยานไปข้างหน้าด้วยกำลังมหาศาล ผู้เขียนเริ่มต้นกับโหมด Comfort เพื่อทำความคุ้นชินกับการควบคุมและการขับเคลื่อน หลังจากลองขับไปตามถนนเพชรเกษมที่ค่อนข้างเปิดโล่ง รู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงของขุมกำลัง ตลอดจนการตอบสนองที่ฉับไวทั้งอัตราเร่ง การบังคับเลี้ยว และเบรก ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไม่มีรีรอให้เสียเวลาแม้แต่น้อย และเมื่อเลือกโหมด Dynamic ยิ่งพบกับโลกความเร็วอีกด้านที่ทำให้รู้สึกว่าถนนสาธารณะไม่ใช่ทางของ TT RS Coupe' ในโหมดแบบนี้เลย ต้องเป็นในแทร็คอย่างสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ถึงตอบสนองได้อย่างครบรส
TT RS Coupe' Quattro เป็นสปอร์ตโรดสเตอร์พรีเมียมที่นอกจากสวยทั้งภายนอกและภายในแล้ว ยังให้ความแรงถึงใจจริงๆ เสียดายที่ถนนเมืองไทยไม่เหมือนในยุโรปที่เปิดโล่งในการทำความเร็วและราบเรียบจนวางใจได้
ส่วนตัวถ้ามีการจัดรายการอาวดี้ คัพ หรือ แทร็คเดย์ให้กับลูกค้าที่ใช้รถอาวดี้ตระกูล RS ในเมืองไทยเป็นประจำก็น่าจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการใช้งานให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยราคา 5,399,000 บาท เท่ากับ RS3 Sportback quattro ที่เปิดตัวไปพอดี อาจทำให้หลายคนลังเล แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของไทป์บอดี้ว่าจะเลือกแบบ ฮอทแฮทช์ กับ โรดสเตอร์ ที่่ต่างให้สมรรนถนะระดับซูเปอร์คาร์ทั้งคู่ สำหรับ
The New Audi RS3 Sportback ซูเปอร์คาร์ไซส์คอมแพค เจเนอเรชั่นที่ 3 พร้อมมอบประสบการณ์ขับเร้าใจสุดๆ กับเครื่องยนต์ 5 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร คว้ารางวัล International Engine of the year 9 ปีซ้อน และในเจนเนอเรชั่นล่าสุดได้พัฒนาให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะสูงที่สุดเท่าที่เคยมีมา ให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์รุ่นก่อนถึง 20 นิวตันเมตร เครื่องยนต์กำลังสูงจับคู่กับเกียร์ 7 สปีด คลัทช์คู่ที่เปลี่ยนเกียร์ได้ฉับไว ทันใจ อัตราทดเกียร์ที่เซ็ตมาเหมาะสุดๆ กับการขับขี่แบบสปอร์ต
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง นำเข้าจำหน่ายพร้อม RS Sport Exhaust เสียงท่อไอเสียอันเป็นเอกลักษณ์ ดังกระหึ่ม เร้าใจ สามารถเปิดปิดได้ และมีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ระบบกระจายแรงบิดอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า RS Torque splitter พร้อมโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย RS Torque splitter ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายแรงบิดที่ล้อหลังได้ดียิ่งขึ้นโดยมีแผ่น คลัทช์แยกการทำงานของล้อซ้าย-ขวาได้อย่างอิสระในช่วงที่เข้าโค้ง ถ้าไปด้านซ้ายระบบจะส่งกำลังที่มากขึ้นไปยังล้อหลังฝั่งขวาที่ต้องการกำลังมากกว่า ซึ่งจะช่วยลดอาการ understeer และทำให้รถมีความคล่องตัวมากขึ้นขณะเข้าโค้ง ระบบ Torque splitter นี้ ยังสามารถเพิ่มความสนุกในการขับขี่ในสถานที่ปิดหรือสนามแข่งได้ โดยจะทำให้รถยนต์สามารถดริฟท์ให้ท้ายปัดได้ โดยการสั่งการผ่านการเลือกโหมดการขับขี่แบบใหม่ในชื่อ RS Torque Rear ซึ่งระบบนี้จะสามารถส่งถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ทั้งหมดลงสู่ล้อหลังข้างเดียวเพียงล้อเดียว
RS3 Sportback มีให้เลือก 6 สี คือ Glacier white, Mythos black, Python yellow, Tango red, Kyalami green และ Kemora grey เปิดให้จองที่โชว์รูมอาวดี้ทั่วประเทศ