ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

รีวิว Ford Everest นุ่มเงียบทั้งทางเรียบและออฟโร้ด พร้อมระบบจอดด้วยนิ้วเดียว!

icon 15 ก.ค. 65 icon 4,797
รีวิว Ford Everest นุ่มเงียบทั้งทางเรียบและออฟโร้ด พร้อมระบบจอดด้วยนิ้วเดียว!
ทดสอบ Ford Everest ใหม่ ทั้งบนทางเรียบและออฟโร้ด ด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร ควบคุมบนถนนได้ดียิ่งขึ้น ปรับแต่งโช้คอัพใหม่ นุ่มนวลและเกาะถนนนั่งสบายขึ้น และช่วยให้การควบคุมรถทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโร้ดง่ายขึ้น ห้องโดยสารที่ออกแบบอย่างประณีตพิถีพิถันแผงคอนโซลหน้าที่แคบลงเพิ่มพื้นที่มากขึ้น โดยเส้นทางการเดินทางทดสอบครั้งนี้ได้รับการออกแบบโดยเฉพาะ เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบโหมดการขับขี่ที่หลากหลายทั้งทางเรียบ ทางออฟโร้ด และทดสอบระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติใช้เพียงปลายนิ้วเดียว!
ในงานทดสอบครั้งนี้เผยรุ่นย่อยเพิ่มอีก 2 รุ่นกับ Ford Everest ใหม่ เพิ่มเป็น 4 รุ่นย่อย 
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT ราคา 1,854,000 บาท : มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter 10 สปีด มอบพละกำลัง 210 PS ที่ 3,750 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x2 10AT ราคา 1,704,000 บาท : ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบ SelectShift 10 สปีด ให้กำลัง 210 PS ที่ 3,750 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สปอร์ต 4x2 6AT ราคา 1,464,000 บาท : มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยวทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลัง 170 PS ที่ 3,500 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เทรนด์ 4x2 6AT ราคา 1,334,000 บาท : ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้กำลัง 170 PS ที่ 3,500 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 405 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
Ford Everest ที่ได้ขับทดสอบครั้งนี้เป็นรุ่น Titanium Plus 4x4 รุ่นเดียวและแบ่งเป็น 3 กลุ่มสลับกันทดสอบในแต่ละสถานี แม้มีเวลาในการได้สัมผัสน้อย แต่ก็สามารถเล่าถึงความรู้สึกและการทำงานของระบบต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน บอกเลย ดีกว่า นุ่มนวล กว่าไฮเทคกว่าเดิมเยอะครับ!

เริ่มทดสอบในสถานีแรก "ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0"

ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถเทียบข้าง หรือถอยจอดเข้าซองได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มเดียว โดยระบบจะช่วยหมุนพวงมาลัย เปลี่ยนเกียร์ รวมถึงควบคุมคันเร่งและเบรก ให้รถเข้าสู่ช่องจอดได้อย่างง่ายดาย
สุดยอดของอเมซซิ่งในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ คือ ระบช่วยจอดนี่แหละครับ ที่ใช้งานง่ายและใช้เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น การใช้งานไม่ยุ่งยากเพราะมีบอกบนหน้าจอทุกขั้นตอน เริ่มต้นขับหาช่องจะจอดก่อน เมื่อเห็นช่องจอดก็กดเปิดระบบช่วยจอด เลือกรูปแบบการเข้าจอดว่าเป็นแบบจอดขนาดหรือถอยเข้าช่องจอด และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ ขับเดินหน้าจนระบบตรวจจับเจอช่องจอดจะสั่งให้หยุดรถ จากนั้นความสบายก็เริ่มขึ้น ระบบจะบอกให้ใส่ตำแหน่งเกียร์ "N" และใช้นิ้วกดที่สวิตช์ "P" ตรงคนโซลกลางค้างเอาไว้ จนกว่าจะจอดเสร็จสมบูรณ์ โดยผู้ขับไม่คอยปล่อยเบรกหรือบังคับพวงมาลัยใด ๆ ทั้งสิ้นครับ แต่ถ้าเกิดต้องการจะหยุดรถก็สามารถใช้เบรกได้ปกติอีกด้วย และนอกจากนี้ในขณะระบบช่วยจอดนี้ทำงาน จะตัดระบบคันเร่งไม่ว่าจะเหยียบแย่างไรก็ไม่ตอบสนองครับ เพราะรถกำลังควบคุมทั้งคันเร่ง พวงมาลัยและเบรกให้อัตโนมัติ
สนานีใกล้กันเป็นการทดสอบระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง : ช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยรถได้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการตรวจจับวัตถุบริเวณท้ายรถ และส่งเสียงเตือน หากผู้ขับขี่ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ระบบจะส่งแรงเพื่อเบรกจนรถหยุดนิ่ง 
ระบบนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษแตกต่างจากรถที่เค้ามีกัน แต่ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ กลับมีความแตกต่างที่พอสัมผัสได้คือ การเบรกจะค่อนข้างนุ่มนวลไม่กระชากหรือหยุดรุนแรง ทำให้ลดอาการกระชากของคอไปได้เยอะ เวลาระบบตรวจจับวัตถุขณะถอยหลัง รถจะเบรกอย่างนุ่มนวลมากที่สุด (ความเร็วต้องไม่เกิน 15 กม./ชม.) 

สถานีต่อไปขับแบบ Off-Road ถนนดิน ทราย โคลนและบ่อน้ำลึก 

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไทเทเนียมพลัส ขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีฟังก์ชั่นการขับขี่พร้อมลุย 9 โหมดด้วยกันคือ Narmal, Eco, Tow/Haul, Slippery,Mud/Ruts, Sand ซึ่งในโหมดปกติ Narmal ก็คือ ใช้งานทั่วไปในแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่จะเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา โหมดประหยัด Eco ก็คือ การขับแบบประหยัดน้ำมัน หรือว่า Tow/Haul ก็เป็นระบบช่วยควบคุมรถเมื่อต้องลากจูง แต่ในการทดสอบนี้ขอเน้นไปที่โหลดลุยขับเคลื่อน 4 ล้อ อีก 3 โหมดที่เหลือ
Slippery โหมดถนนลื่น ใช้ในขณะที่ขับขี่ผ่านถนนที่เปียกลื่นมาก ๆ ระบบจะควบคุมกำลังและกระจายไปทั้ง 4 ล้ออย่างนุ่มนวลและลดอาการล้อหมุนฟรี ในขณะเดียวกันก็จะลดกำลังไม่ให้แรงกระชากมากเกินไป ป้องกันลเอหมุนฟรีมากเกินไปอาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้ โหมดนี้ระบบจะปรับการทำงานของการขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ผู้ขบเพียงแต่ทราบว่าจะขับขี่ผ่านสภาพถนนแบบไหนก็แค่หมุนปุ่มปรับไปตามการใช้งานเท่านั้นครับ 
ในโหมดนี้สัมผัสได้ถึงความ "ไม่รู้สึก" ว่าขับผ่านถนนเปียกลื่นอยู่เลย ก็แค่ขับผ่านไปเฉย ๆ ใช้คันเร่งปกติ บังคับพวงมาลัยง่าย ๆ ตามเส้นทางเท่านั้นเองครับ นับว่าระบบนี้ช่วยให้ควบคุมรถในทางเปียกลื่นได้สบาย ๆ ตามชื่อของโหมดเลย
Mud/Ruts โคลนหรือร่องหิน ในโหมดนี้ระบบจะเพิ่มความเข้มข้นด้วยการสั่งให้เปิดใช้งานระบบ Drift-Lock ล้อคู่หลังหรือว่า ลิมิเต็ดสลิปนั่นเอง ทำให้เมื่อเจอร่องโคลนลึก ๆ หรือว่าโขดหิน ล้อหลังจะช่วยปั่นขึ้นให้ขับผ่านไปได้ง่าย ๆ 
Sand โหมดทางลื่นแห้ง ๆ แบบทรายหรือกรวด โหมดนี้จะควบคุมกำลังทั้ง 4 ล้อ ให้ขับผ่านผิวถนนลื่น ๆ ได้อย่างสบาย โดยที่ผู้ขับไม่ต้องใช้ทักษะในการขับมากนัก เพียงแค่ควบคุมความเร็วและพวงมาลัยให้เหมาะสมตามสภาพถนนเท่านั้น 

ลุยทางฝุ่นถนนลื่นหรือจะปีนหินก็ชิว ๆ

หลังจากที่ได้ทดลองในเส้นทางปิดที่ฟอร์ดไทยแลนด์จัดเอาไว้ทั้งการขับผ่านถนนกรวดและทราบแบบแห้ง หรือทางลื่นแบบเปียกที่ผสมโคลนและดินแดง ๆ รวมทั้งการทดลองปีนร่องหินกับการลงบ่อน้ำลึกประมาณ 50 ซม. พอจะสรุปได้ว่าขับสบายไม่แตกต่างจากถนนเรียบมากนัก ในการขับผ่านโขดหินที่มีร่องและความสูงสลับไปมา แต่เมื่อผ่านไปกลับให้ความนุ่มนวล ไม่เขย่าหรือโยนตัวมาอย่างที่คาดเอาไว้ ระบบช่วงล่างที่เก็บเสียงและซับแรงกระแทกรวททั้งแรงยกกับถีบของการปีนไต่ได้ค่อนข่างประทับใจ ในขณะที่ขับผ่านพื้นผิวถนนเป็นรองหินต่าง ๆ ตัวรถนั้นมีอาการโคลงหรือโยนตัวน้อยและไม่ทำให้ตัวผู้โดยสารในรถถูกเหวี่ยง นับว่าระบบช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่นั้นดีขึ้นและขับขี่สบายขึ้นไม่ว่าทางเรียบหรือทางลุย 
นอกจากนี้การปีนรองและหินสูง ๆ ยังใช้กำลังไม่มากด้วยแรงบิดระดับ 500 นิวตันเมตร ใช้เพียงรอบต่ำ ๆ ไม่เกิน 1,100 รอบ/นาที เติมคันเร่งอีกเล็กน้อย รถก็ไต่ขึ้นไปอย่างสบายเลยครับ ระบบพวงมาลัยก็เบาควบคุมง่ายไม่มีการเต้นหรือหมุนดีดมือขณะลุยผ่านถนนหลุมบ่อ โดยรวมถือว่าช่วงล่างขับสบายทุกรูปแบบ กำลังเครื่องยนต์มีเกินพอให้ใช้งานและการขับขี่บนถนนก็ให้ความนุ่มเงียบอีกด้วย

ประทับใจช่วงล่าง-ระบบช่วยจอด

แม้จะมีเวลาได้สัมผัสไม่มากนักแต่สิ่งที่มั่นใจได้ว่าใครได้ลองขับต้องรู้สึกเช่นเดียวกันว่า ขับสบายพวงมาลัยเบาควบคุมง่ายแม้ความเร็วสูง การตอบสนองกำลังเครื่องยนต์ราบรื่น นุ่มนวล ช่วงล่างให้ทั้งนุ่มสบายและเกาะถนนในสภาวะต่าง ๆ ได้ดี ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีโหมดให้เลือกตรงกับการใช้งานและใช้ง่าย ๆ เพียงหมุนไปตามชื่อเรียกโดยไม่ต้องปรับอะไรเพิ่มเติมเพราะระบบจะปรับให้อัตโนมัติผู้ขับมีหน้าที่บังคับทิศทางก็พอ
และเทคโนโลยีช่วยจอดรถอัตโนมัติที่ล้ำเกินใคร และฟังก์ชั่นทิ้งท้ายคือ ระบบเข้าเกียร์ "P" อัตโนมัติเช่น เมื่อขับมาจอดโดยไม่ได้เลื่อนคันเกียร์กลับตำแหน่ง "P" และเผลอเปิดประตูลงไป ระบบจะทำการ "ขยับตำแหน่งเกียร์ไปที่ "P" อัตโนมัติ เพื่อความปลอดภัยครับ อันนี้ถือว่าเพิ่งเคยเจอครั้งแรกในรถระดับนี้ก็ว่าได้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT ราคา 1,854,000 บาท คุ้มหรือไม่ต่องไปลองขับด้วยตัวเองครับ

มีจุดเด่นย้อมต้องมีจุดด้อยบ้าง

สำหรับจุดที่ควรปรับปรุงเพิ่มเติมได้ก็จะยิ่งดีใน Ford Everest ใหม่ก็คือ สวิตช์เปิด-ปิดระบบ "Auto Hold Brake" น่าจะมีอยู่บริเวณใกล้กับเบรกมือไฟฟ้า แต่กลับเข้าไปซ่อนอยู่ในเมนูบนจอกลาง ซึ่งทางฟอร์ดได้ชีแจงว่าต้องการให้ปุ่มบนคอนโซลน้อยลง ลดความสับสน แต่ในความเห็นส่วนตัวนั้นการมีปุ่มนี้ก็ช่วยให้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องถอยเข้าบ้านหรือการถอยจอดด้วยตัวเอง อาจจะรำคาญระบบนี้ได้เพราะต้องคอยเติมคันเร่งเพราะรถจะหยุดเองตลอด
หรือคันเกียร์ที่มีความลื่นมากเกินไปจึงทำให้กะระยะเลื่อนไปตำแหน่งต่าง ๆ นั้นยาก เช่น จะเข้า R เลยไป P จะเข้า  N ก็เลยไป D เป็นต้น แต่ทางฟอร์ดชีแจงเพิ่มเติมว่า การออกแบบคันเกียร์ไฟฟ้านี้ถอดแบบจากการใช้เมาส์คอมพิวเตอร์จึงให้ความรู้สึกที่เบาง่ายและถนัดมากขึ้นกว่าการใช้คันเร่งตั้งขนาดใหญ่แบบเดิม (คันเกียร์ไฟฟ้ามีในเฉพาะรุ่น Titanium Plus4x4) หากมีการใช้งานบ่อย ๆ ก็จะชินและเข้าได้ถูกต้องขึ้น..
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT มาพร้อมเทคโนโลยีโดนเด่นอีก เช่น ฟอร์ดพาส (FordPass™): แอปพลิเคชันที่ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถฟอร์ดได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยบริการเชื่อมต่อและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่หลากหลาย เช่น การสตาร์ทรถ ล็อกและปลดล็อก ปรับอุณหภูมิรถล่วงหน้า และตรวจสอบสถานภาพของรถผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
เบาะนั่งแถวที่ 3 แบ่งสัดส่วน 50:50 พร้อมฟังก์ชั่นการพับเบาะแบบไฟฟ้า หน้าจอความละเอียดสูงแบบสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 10.1 รุ่น Trend/Sport ส่วน 12 นิ้ว มาในรุ่น Titanium plus ขึ้นไป เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ซึ่งเป็นระบบล่าสุดของฟอร์ด เป็นต้น
รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ให้ทั้งหรูหราและบึกบึนพร้อมเทคโนโลยีครบเกินใครในคันเดียว น่าจะตอบสนองความต้องการใช้งานได้หลากหลายและคุ้มค่าในราคาไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งครับ
แท็กที่เกี่ยวข้อง ford ฟอร์ด ford everest
CAR GURU
เขียนโดย สินธนุ จำปีศรี CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)