ทดสอบ
Ford Everest ใหม่ ทั้งบนทางเรียบและออฟโร้ด ด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร ควบคุมบนถนนได้ดียิ่งขึ้น ปรับแต่งโช้คอัพใหม่ นุ่มนวลและเกาะถนนนั่งสบายขึ้น และช่วยให้การควบคุมรถทั้งบนถนนและเส้นทางออฟโร้ดง่ายขึ้น ห้องโดยสารที่ออกแบบอย่างประณีตพิถีพิถันแผงคอนโซลหน้าที่แคบลงเพิ่มพื้นที่มากขึ้น โดยเส้นทางการเดินทางทดสอบครั้งนี้ได้รับการออกแบบโดยเฉพาะ เพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบโหมดการขับขี่ที่หลากหลายทั้งทางเรียบ ทางออฟโร้ด และทดสอบระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติใช้เพียงปลายนิ้วเดียว!
ในงานทดสอบครั้งนี้เผยรุ่นย่อยเพิ่มอีก 2 รุ่นกับ
Ford Everest ใหม่ เพิ่มเป็น 4 รุ่นย่อย
Ford Everest ที่ได้ขับทดสอบครั้งนี้เป็นรุ่น
Titanium Plus 4x4 รุ่นเดียวและแบ่งเป็น 3 กลุ่มสลับกันทดสอบในแต่ละสถานี แม้มีเวลาในการได้สัมผัสน้อย แต่ก็สามารถเล่าถึงความรู้สึกและการทำงานของระบบต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน บอกเลย ดีกว่า นุ่มนวล กว่าไฮเทคกว่าเดิมเยอะครับ!
เริ่มทดสอบในสถานีแรก "ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0"
ช่วยให้ผู้ขับขี่จอดรถเทียบข้าง หรือถอยจอดเข้าซองได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มเดียว โดยระบบจะช่วยหมุนพวงมาลัย เปลี่ยนเกียร์ รวมถึงควบคุมคันเร่งและเบรก ให้รถเข้าสู่ช่องจอดได้อย่างง่ายดาย
สุดยอดของอเมซซิ่งในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ คือ ระบช่วยจอดนี่แหละครับ ที่ใช้งานง่ายและใช้เพียงนิ้วเดียวเท่านั้น การใช้งานไม่ยุ่งยากเพราะมีบอกบนหน้าจอทุกขั้นตอน เริ่มต้นขับหาช่องจะจอดก่อน เมื่อเห็นช่องจอดก็กดเปิดระบบช่วยจอด เลือกรูปแบบการเข้าจอดว่าเป็นแบบจอดขนาดหรือถอยเข้าช่องจอด และทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ ขับเดินหน้าจนระบบตรวจจับเจอช่องจอดจะสั่งให้หยุดรถ จากนั้นความสบายก็เริ่มขึ้น ระบบจะบอกให้ใส่ตำแหน่งเกียร์ "N" และใช้นิ้วกดที่สวิตช์ "P" ตรงคนโซลกลางค้างเอาไว้ จนกว่าจะจอดเสร็จสมบูรณ์ โดยผู้ขับไม่คอยปล่อยเบรกหรือบังคับพวงมาลัยใด ๆ ทั้งสิ้นครับ แต่ถ้าเกิดต้องการจะหยุดรถก็สามารถใช้เบรกได้ปกติอีกด้วย และนอกจากนี้ในขณะระบบช่วยจอดนี้ทำงาน จะตัดระบบคันเร่งไม่ว่าจะเหยียบแย่างไรก็ไม่ตอบสนองครับ เพราะรถกำลังควบคุมทั้งคันเร่ง พวงมาลัยและเบรกให้อัตโนมัติ
สนานีใกล้กันเป็นการทดสอบระบบช่วยเบรกขณะถอยหลัง : ช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยรถได้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการตรวจจับวัตถุบริเวณท้ายรถ และส่งเสียงเตือน หากผู้ขับขี่ไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ระบบจะส่งแรงเพื่อเบรกจนรถหยุดนิ่ง
ระบบนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษแตกต่างจากรถที่เค้ามีกัน แต่ในฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ กลับมีความแตกต่างที่พอสัมผัสได้คือ การเบรกจะค่อนข้างนุ่มนวลไม่กระชากหรือหยุดรุนแรง ทำให้ลดอาการกระชากของคอไปได้เยอะ เวลาระบบตรวจจับวัตถุขณะถอยหลัง รถจะเบรกอย่างนุ่มนวลมากที่สุด (ความเร็วต้องไม่เกิน 15 กม./ชม.)
สถานีต่อไปขับแบบ Off-Road ถนนดิน ทราย โคลนและบ่อน้ำลึก
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นไทเทเนียมพลัส ขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีฟังก์ชั่นการขับขี่พร้อมลุย 9 โหมดด้วยกันคือ Narmal, Eco, Tow/Haul, Slippery,Mud/Ruts, Sand ซึ่งในโหมดปกติ Narmal ก็คือ ใช้งานทั่วไปในแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่จะเป็นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา โหมดประหยัด Eco ก็คือ การขับแบบประหยัดน้ำมัน หรือว่า Tow/Haul ก็เป็นระบบช่วยควบคุมรถเมื่อต้องลากจูง แต่ในการทดสอบนี้ขอเน้นไปที่โหลดลุยขับเคลื่อน 4 ล้อ อีก 3 โหมดที่เหลือ
Slippery โหมดถนนลื่น ใช้ในขณะที่ขับขี่ผ่านถนนที่เปียกลื่นมาก ๆ ระบบจะควบคุมกำลังและกระจายไปทั้ง 4 ล้ออย่างนุ่มนวลและลดอาการล้อหมุนฟรี ในขณะเดียวกันก็จะลดกำลังไม่ให้แรงกระชากมากเกินไป ป้องกันลเอหมุนฟรีมากเกินไปอาจทำให้รถเสียการทรงตัวได้ โหมดนี้ระบบจะปรับการทำงานของการขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ ผู้ขบเพียงแต่ทราบว่าจะขับขี่ผ่านสภาพถนนแบบไหนก็แค่หมุนปุ่มปรับไปตามการใช้งานเท่านั้นครับ
ในโหมดนี้สัมผัสได้ถึงความ "ไม่รู้สึก" ว่าขับผ่านถนนเปียกลื่นอยู่เลย ก็แค่ขับผ่านไปเฉย ๆ ใช้คันเร่งปกติ บังคับพวงมาลัยง่าย ๆ ตามเส้นทางเท่านั้นเองครับ นับว่าระบบนี้ช่วยให้ควบคุมรถในทางเปียกลื่นได้สบาย ๆ ตามชื่อของโหมดเลย
Mud/Ruts โคลนหรือร่องหิน ในโหมดนี้ระบบจะเพิ่มความเข้มข้นด้วยการสั่งให้เปิดใช้งานระบบ Drift-Lock ล้อคู่หลังหรือว่า ลิมิเต็ดสลิปนั่นเอง ทำให้เมื่อเจอร่องโคลนลึก ๆ หรือว่าโขดหิน ล้อหลังจะช่วยปั่นขึ้นให้ขับผ่านไปได้ง่าย ๆ
Sand โหมดทางลื่นแห้ง ๆ แบบทรายหรือกรวด โหมดนี้จะควบคุมกำลังทั้ง 4 ล้อ ให้ขับผ่านผิวถนนลื่น ๆ ได้อย่างสบาย โดยที่ผู้ขับไม่ต้องใช้ทักษะในการขับมากนัก เพียงแค่ควบคุมความเร็วและพวงมาลัยให้เหมาะสมตามสภาพถนนเท่านั้น
ลุยทางฝุ่นถนนลื่นหรือจะปีนหินก็ชิว ๆ
หลังจากที่ได้ทดลองในเส้นทางปิดที่ฟอร์ดไทยแลนด์จัดเอาไว้ทั้งการขับผ่านถนนกรวดและทราบแบบแห้ง หรือทางลื่นแบบเปียกที่ผสมโคลนและดินแดง ๆ รวมทั้งการทดลองปีนร่องหินกับการลงบ่อน้ำลึกประมาณ 50 ซม. พอจะสรุปได้ว่าขับสบายไม่แตกต่างจากถนนเรียบมากนัก ในการขับผ่านโขดหินที่มีร่องและความสูงสลับไปมา แต่เมื่อผ่านไปกลับให้ความนุ่มนวล ไม่เขย่าหรือโยนตัวมาอย่างที่คาดเอาไว้ ระบบช่วงล่างที่เก็บเสียงและซับแรงกระแทกรวททั้งแรงยกกับถีบของการปีนไต่ได้ค่อนข่างประทับใจ ในขณะที่ขับผ่านพื้นผิวถนนเป็นรองหินต่าง ๆ ตัวรถนั้นมีอาการโคลงหรือโยนตัวน้อยและไม่ทำให้ตัวผู้โดยสารในรถถูกเหวี่ยง นับว่าระบบช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่นั้นดีขึ้นและขับขี่สบายขึ้นไม่ว่าทางเรียบหรือทางลุย
นอกจากนี้การปีนรองและหินสูง ๆ ยังใช้กำลังไม่มากด้วยแรงบิดระดับ 500 นิวตันเมตร ใช้เพียงรอบต่ำ ๆ ไม่เกิน 1,100 รอบ/นาที เติมคันเร่งอีกเล็กน้อย รถก็ไต่ขึ้นไปอย่างสบายเลยครับ ระบบพวงมาลัยก็เบาควบคุมง่ายไม่มีการเต้นหรือหมุนดีดมือขณะลุยผ่านถนนหลุมบ่อ โดยรวมถือว่าช่วงล่างขับสบายทุกรูปแบบ กำลังเครื่องยนต์มีเกินพอให้ใช้งานและการขับขี่บนถนนก็ให้ความนุ่มเงียบอีกด้วย
ประทับใจช่วงล่าง-ระบบช่วยจอด
แม้จะมีเวลาได้สัมผัสไม่มากนักแต่สิ่งที่มั่นใจได้ว่าใครได้ลองขับต้องรู้สึกเช่นเดียวกันว่า ขับสบายพวงมาลัยเบาควบคุมง่ายแม้ความเร็วสูง การตอบสนองกำลังเครื่องยนต์ราบรื่น นุ่มนวล ช่วงล่างให้ทั้งนุ่มสบายและเกาะถนนในสภาวะต่าง ๆ ได้ดี ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีโหมดให้เลือกตรงกับการใช้งานและใช้ง่าย ๆ เพียงหมุนไปตามชื่อเรียกโดยไม่ต้องปรับอะไรเพิ่มเติมเพราะระบบจะปรับให้อัตโนมัติผู้ขับมีหน้าที่บังคับทิศทางก็พอ
และเทคโนโลยีช่วยจอดรถอัตโนมัติที่ล้ำเกินใคร และฟังก์ชั่นทิ้งท้ายคือ ระบบเข้าเกียร์ "P" อัตโนมัติเช่น เมื่อขับมาจอดโดยไม่ได้เลื่อนคันเกียร์กลับตำแหน่ง "P" และเผลอเปิดประตูลงไป ระบบจะทำการ "ขยับตำแหน่งเกียร์ไปที่ "P" อัตโนมัติ เพื่อความปลอดภัยครับ อันนี้ถือว่าเพิ่งเคยเจอครั้งแรกในรถระดับนี้ก็ว่าได้ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT ราคา 1,854,000 บาท คุ้มหรือไม่ต่องไปลองขับด้วยตัวเองครับ
มีจุดเด่นย้อมต้องมีจุดด้อยบ้าง
สำหรับจุดที่ควรปรับปรุงเพิ่มเติมได้ก็จะยิ่งดีใน Ford Everest ใหม่ก็คือ สวิตช์เปิด-ปิดระบบ "Auto Hold Brake" น่าจะมีอยู่บริเวณใกล้กับเบรกมือไฟฟ้า แต่กลับเข้าไปซ่อนอยู่ในเมนูบนจอกลาง ซึ่งทางฟอร์ดได้ชีแจงว่าต้องการให้ปุ่มบนคอนโซลน้อยลง ลดความสับสน แต่ในความเห็นส่วนตัวนั้นการมีปุ่มนี้ก็ช่วยให้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องถอยเข้าบ้านหรือการถอยจอดด้วยตัวเอง อาจจะรำคาญระบบนี้ได้เพราะต้องคอยเติมคันเร่งเพราะรถจะหยุดเองตลอด
หรือคันเกียร์ที่มีความลื่นมากเกินไปจึงทำให้กะระยะเลื่อนไปตำแหน่งต่าง ๆ นั้นยาก เช่น จะเข้า R เลยไป P จะเข้า N ก็เลยไป D เป็นต้น แต่ทางฟอร์ดชีแจงเพิ่มเติมว่า การออกแบบคันเกียร์ไฟฟ้านี้ถอดแบบจากการใช้เมาส์คอมพิวเตอร์จึงให้ความรู้สึกที่เบาง่ายและถนัดมากขึ้นกว่าการใช้คันเร่งตั้งขนาดใหญ่แบบเดิม (คันเกียร์ไฟฟ้ามีในเฉพาะรุ่น Titanium Plus4x4) หากมีการใช้งานบ่อย ๆ ก็จะชินและเข้าได้ถูกต้องขึ้น..
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ไทเทเนียมพลัส 4x4 10AT มาพร้อมเทคโนโลยีโดนเด่นอีก เช่น ฟอร์ดพาส (FordPass™): แอปพลิเคชันที่ยกระดับประสบการณ์การเป็นเจ้าของรถฟอร์ดได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยบริการเชื่อมต่อและฟีเจอร์อำนวยความสะดวกที่หลากหลาย เช่น การสตาร์ทรถ ล็อกและปลดล็อก ปรับอุณหภูมิรถล่วงหน้า และตรวจสอบสถานภาพของรถผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน
เบาะนั่งแถวที่ 3 แบ่งสัดส่วน 50:50 พร้อมฟังก์ชั่นการพับเบาะแบบไฟฟ้า หน้าจอความละเอียดสูงแบบสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 10.1 รุ่น Trend/Sport ส่วน 12 นิ้ว มาในรุ่น Titanium plus ขึ้นไป เพื่อให้ผู้ขับขี่ควบคุมอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงและเชื่อมต่อการสื่อสารผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A ซึ่งเป็นระบบล่าสุดของฟอร์ด เป็นต้น
รถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ให้ทั้งหรูหราและบึกบึนพร้อมเทคโนโลยีครบเกินใครในคันเดียว น่าจะตอบสนองความต้องการใช้งานได้หลากหลายและคุ้มค่าในราคาไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งครับ