ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ (Honda Civic e:HEV) รถยนต์ฟูลไฮบริด e:HEV ไลน์อับใหม่มาแทนที่รุ่น 1.5 เทอร์โบ RS กับ 2 รุ่นย่อยคือ
EL+ และ
RS ขุมพลังไฮบริดเต็มระบบผสานการทำงานอันทรงพลังร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังมอเตอร์สูงสุด 184 แรงม้า ที่ 5,000 - 6,000 รอบต่อนาที ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ที่ 0 - 2,000 รอบต่อนาที และเครื่องยนต์ใหม่คนละบล็อคกับแอคคอร์ด ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 182 นัวตันเมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ให้อัตราประหยัดสูงสุดถึง 25 กิโลเมตต่อลิตร
(ดอกจันทร์ - ในที่ทดสอบแบบปิดของฮอนด้า) ข้อมูลจากฮอนด้าแบบไปไม่เป็นทางการกำลังรวมสูงสุดทั้งระบบประมาณ 200 แรงม้า เนื่องจากกำลังสูดสุงอาจมาในรอบที่ไม่เท่ากัน รองรับน้ำมัน E20
และพระเอกในบทความนี้คือ
Civic e:HEV RS ที่ได้ร่วมทดสอบขับขี่บนถนนจริงเส้นทางกลางเมืองเชียงราย - สามเหลี่ยมทองคำระยะทางกว่า 150 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะไม่ได้ขับเยอะมากมายแต่ก็พอสัมผัสได้ถึงอัตราเร่งและช่วงล่างที่ความเร็วสูง กับการสลับกันขับกับสื่อร่วมทางคนละครึ่งสรุปแล้วได้ขับไม่ถึง 100 กิโลเมตรต่อคน จึงอาจบอกรายละเอียดการขับขี่ได้ไม่มากนัก
จุดเด่น ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี อาร์เอส ใหม่
จุดเด่นภายนอกเน้น ๆ เลยคือ โลโก้ H Mark ตกแต่งกรอบสีฟ้า และสัญลักษณ์ e:HEV ที่ด้านท้าย กระจังหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม พร้อมสัญลักษณ์ RS กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้าตกแต่งด้วยโครเมียมพร้อม กระจกมองข้างสีดำ มือจับประตูด้านนอกสีดำตกแต่งด้วยโครเมียม เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ สปอยเลอร์หลังสีดำพร้อมสัญลักษณ์ RS ด้านท้าย ท่อไอเสียพร้อมปลอกท่อไอเสีย และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว ดำสลับเงินใส่ยางระดับเฟอร์ฟอร์มานซ์ Michelin Pilot Sport4 ประเด็นคือส่วนัวมองว่าในรุ่น "RS" กลับมีการตกแต่งส่วนของโครเมียมมากขึ้น ในมุมหนึ่งอาจเป็นเพราะต้องการความสปอร์ตและหรูมีระดับได้ด้วย แต่ในเมื่อเป็นเวอร์ชั่นแต่ง "RS" กลายเป็นว่าดูขัดตาไปบ้าง และในรุ่น EL+ กลับมองรวม ๆ แล้วดุดันสไตล์สปอร์ตมากกว่าครับ ทั้งนี้ขึ้นกับมุมมองและความรู้สึกของแต่คน
ภายในไม่ต่างจากเบนซินเทอร์โบมากนักมีเพียงมาตรวัดที่เพิ่มกราฟฟิกใหม่สำหรับการดูระบบไหลเวียนพลังไฮบริด และความแตกต่างของหน้าจอในรุ่น RS ขนาด 10.2 นิ้ว ส่วน EL+ ขนาด 7 นิ้ว ส่วนจอความบันเทิงตรงกลางของรุ่น e:HEV เท่ากันคือ 9 นิ้ว พร้อมเพิ่มระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay ไร้สาย และปรับอากาศอัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้ เบาะหนังกลับและวัสดุสังเคราะห์ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ในรุ่น RS เบาะนั่งด้านหลังแยกพับแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระ แต่ว่าต้องดึงสวิตช์พับเบาะที่อยู่ในฝากระโปรงท้ายและค่อยเดินทางพับเบาะอีกที..... แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต
สมรรถนะโดยรวมฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่
จากการได้ลองขับสั้น ๆ แต่พอสัมผัสได้ถึงอัตราเร่งที่ดีจากการทำงานผสานกันทั้ง 2 ระบบ เมื่อกดคันเร่งมีอาการรอบรอบน้อยมากตนแทยไม่รู้สึก ระบบมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถเร่งออกตัวได้อย่างรวดเร็วและแม้ว่าช่วงที่เครื่องยนต์รับช่วงหรือทำงานพร้อมกันก็ไม่รู้สึกถึงรอยต่อทั้ง 2 ระบบเลย ระบบฟูลไฮบริดเค้าทำได้แนบเนียนจริง ๆ เหมือนที่เคยทดสอบขับใน
ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี นั่นเองครับ
การออกตัวด้วยโหมดปกติหรือ Mormal ใช้คันเร่งไม่ถึงครึ่งก็สามารถทำความเร็วขึ้นไปแตะ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาไม่นานนัก แต่เมื่อใช้โหมด Sport กับการใช้คันเร่งเท่าเดิมอัตราเร่งจะมารวดเร็วขึ้นกว่าอย่างชัดเจนเลยครับ และจากการที่มีสื่อมวลชนได้ทดลองวัดตัวเลขด้วยเครื่องมือพิเศษจาก 0- 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในโหมด Narmol ทำได้ 8.6 วินาที และ Sport ทำได้ 7.8 วินาที โดยประมาณครับ และขณะเดียวกันในโหมด Sport มีเสียงสังเคราะห์เหมือนรถแข่งในเกมส์ GT ให้ความเร้าใจมากขึ้นอีกด้วย
ซึ่งก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะว่ารถยนต์ไฮบริดมี 2 พลังรวมกันย่อมออกตัวและเร่งแซงดีอยู่แล้ว แต่โดยทั่วไปนั้นรถไฮบริดจะเริ่มแผ่วลงเมื่อความเร็วเลย 120 ขึ้นไป เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าจะลดกำลังและใช้เครื่องยนต์มากขึ้นหรือเป็นหลักเลย แต่ในซีวิค ไฮบริดนั้นกลับยังมีกำลังในการเร่งต่อไปได้อีกจนใกล้ ๆ 180 - 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็จะเริ่มแผ่วลงและไปหยุดนิ่งที่ 191 กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามที่ล็อคเอาไว้ อาจเป็นเพราะเครื่องยน์ 2.0 ลิตร ที่มีกำลังพอตัวและอยู่ในตัวถังรถขนาดไม่ใหญ่มากนัก แม้จะใช้เครื่องยนต์เพียว ๆ วิ่งก็ทำให้ความเร็วปลายไม่ดรอบลงมากนัก
อัตราสิ้นเปลืองเคลมไว้ 25 กิโลเมตรต่อลิตรทำได้เพียง 16..!??
ไม่แปลกครับ...เพราะว่าในวันที่ทดสอบนั้นมีเวลาจำกัดและระยะทางโล่งยาว ๆ จึงต้องเลือกว่าจะทดสอบความแรงหรือประหยัดดี สุดท้ายขอลองความแรงของมอเตอร์ไฟฟ้าระดับ 184 ม้าก่อนเลยเพราะเส้นทางโล่ง รถน้อย สามารถทดสอบอัตราเร่ง เร่งแซงและความเร็วสูงสุดได้บ่อย ๆ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจึงตกมาอยู่ที่ 16 กิโลเมตรต่อลิตรนิด ๆ และสูงสุดที่ได้ก็แตะที่ 18 กิโลเมตรต่อลิตร แต่ก็มีคันอื่นที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันทำได้ราว ๆ 20 กิโลเมตรต่อลิตร
ช่วงล่างเน้นนุ่มนวล แต่ยังไม่พอในความเร็วสูง
ด้วยความเป็นรถยนต์ฟูลไฮบริดจึงถูกปรับช่วงล่างใหม่ โดยเฉพาะส่วนของสปริงให้แข็งขึ้นเพื่อรับน้ำหนักของระบบที่เพิ่มมาราว ๆ 100 กิโลกรัม แต่ทว่า....ในความเร็วสูงกลับยังนุ่มเกินไปโดยในช่วงความเร็วระดับ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปนั้น รถมีความยวบ กระเด้งและเต้นพอสมควร ผลจากน้ำหนักที่มากนั่นเองอาจทำให้มีแรงเหวี่ยงมากขึ้นและช่วงล่างยุบมาขึ้น โดยเฉพาะช่วงรีบาวน์หรือเด้งคืนกลับระดับเดิมของโช้คอับนั้น ยังมีอาการขย่มพอควร แต่ก็ต้องเข้าใจครับว่าเค้าเน้นการใช้งานประหยัดนุ่มนวล และปรับให้เผื่อเอาไว้รองรับกลุ่มลูกค้ากว้าง ๆ ไว้ก่อน แต่ถ้าใครคิดว่าอยากซิ่งก็ไปปรับแต่งเพิ่มเติมเองตามใจชอบก็ได้ครับ
ในทางกลับกัน หากขับขี่ในลักษณะใช้งานทั่วไปซีวิค อี:เอชอีวี ให้ความนุ่มนวลและขับสบาย นั่งยิ่งสบาย ช่วงล่างนุ่มนวลนี้ช่วยให้การเดินทางสะดวกสบาย ให้ความเงียบพอตัว บวกกับเบาะที่มีผิวสัมผัสนุ่ม ยิ่งสบายเพิ่มเข้าไปอีก และการควบคุมพวงมาลัย ตำแหน่งท่านั่งต่ำ ขาเหยียดตรงก็ช่วยให้ผ่อนคลายได้ และแม้ว่าระดับเบาะนั่งจะต่ำแต่วิสัยทัศน์ก็ยังโปร่งโล่งสบาย แต่ถ้าจะขับเดินทางไกลแนะนำขับด้วยโหมด Sport จะสนุกและกระฉับกระเฉิงอย่างชัดเจนครับ นุ่มนวล สบายและสนุก ครบเลย
สรุปว่า ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ น่าซื้อใหม่?
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี อาร์เอส ใหม่ (Honda Civic e:HEV RS) สำหรับกลุ่มวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ที่ยังใจวัยรุ่นอยู่ด้วยรูปลักษณ์ที่สปอร์ตคล่องตัว ไม่ต้องการความพรีเมียมมากนัก แต่ก็ยังมีความหรูหราและประโยชน์ใช้สอยกับความปลอดภัยเต็มคันเทียบเท่ากับรุ่นพี่แอคคอร์ด ได้ทั้งความประหยัดระดับ 18 - 20 กิโลเมตรต่อลิตร ได้อัตราเร่งจัดจ้านไม่รอบรอบ ได้ความนุ่มนวลในการเดินทาง ได้ความสะดวกสบายทันสมัย เหมาะในการใช้งานทุกวัน ขับสบาย จ่ายในราคา
1,259,000 บาท ก็ไม่ได้สูงไปกว่าในระดับเดียวกันหรืออาจจะคุ้มค่ากว่าด้วยซ้ำ
สมมุติว่า.......ต้องการเพิ่มสมรรถนะก็ปรับเปลี่ยนช่วงล่างดี ๆ ล้ออัลลอยสวย ๆ ซักชุดก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่อย่าลืมใช้ยางเดิมติดรถนะครับเพราะมันคือ Michelin Pilot Sport4 เชียวนะ!!
ส่วนถ้าให้เลือกระหว่างรุ่นย่อย EL+ และ RS
การที่จะเลือกรุ่นไหนดีนั้นขึ้นกับความต้องการใช้งานแต่ละรุ่นใน RS ขยับเพิ่มความพิเศษเน้นออปชั่นเพิ่มเติมมากขึ้น เช่น ชุดแต่ง "RS" มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) รองรับ Honda CONNECT ระบบนำทาง ปรับอากาศแยกปรับซ้าย-ขวา เบาะหลังพับได้ 60 : 40 กุญแจแบบ "Key Card" ใช้แทนกุญแจรีโมทได้เลย ส่วนรุ่น EL+ น่าจะเน้นเรื่องราคาประหยัดลงไม่มีชุดตกแต่งรอบคัน
Civic e:HEV RS
Civic e:HEV EL+
Civic e:HEV RS / มาตรวัด 10.2 นิ้ว
Civic e:HEV EL+ / มาตรวัด 7 นิ้ว
Civic e:HEV RS / เบาะหลังพับได้
Civic e:HEV EL+ / พับไม่ได้
Civic e:HEV RS / แอร์แยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา
Civic e:HEV EL+ / ไม่แยกปรับ
อย่างไรก็ตามในชั่วโมงนี้รถยนต์ไฮบริดก็นับเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก เพราะปัญหาน้ำมันแพงและจะแพงขึ้นเรื่อย ๆ Honda Civic e:HEV ทั้ง 2 รุ่นย่อยก็มาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่สุด ๆ ครั้งแรกกับระบบฉีดตรง Direct Injection และ Atkinson-Cycle ในรถยนต์ฮอนด้าที่จำหน่ายในประเทศไทย แม้ว่าออปชั่นบางอย่างที่เค้ามีกัน "แต่เราไม่มี" นั้นจะดูเป็นที่ต้องการมาก เช่น ระบบเตือนมุมอับสายตาด้านข้า งหรือว่ากลองปสดงภาพรอบคัน แต่ก็ไม่ทำให้ผู้หลงไหลในความเป็น "ซีวิค" ลดน้อยลงแต่อย่างใด และในซีวิค ฟูลไฮบริดใหม่นี้กลับมีสิ่งที่เติมเต็มและกลบจุดที่ขาดหายไปได้อย่างดีเลยครับ
สำหรับสีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS สีดำคริสตัล (มุก) สีขาวแพลทินัม (มุก) สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีฟ้ามอร์นิงมิสต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV EL+ และสีภายในของรุ่น e:HEV EL+ มีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ และสีเทาเบจ ซึ่งขึ้นอยู่กับสีภายนอก โดยรุ่น e:HEV RS สีภายในจะเป็นสีดำเท่านั้น
มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ สำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 31 กรกฎาคม 2565 รับดอกเบี้ย 2.59%** พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี และฟรี เสื้อแจ็กเกต e:HEV มูลค่า 500 บาท**
นอกจากนี้ ยังมอบแคมเปญพิเศษด้านการบริการหลังการขาย เพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่ ได้แก่
• รับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี
ไม่จำกัดระยะทาง**
• ฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) มูลค่า 7,158.50 บาท
ยกระดับความสปอร์ตไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Make the CIVIC 3F (Fashion, Function and Featured)” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก อาทิ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราคา 10,000 บาท แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต ราคา 1,800 บาท คิ้วบันได LED ราคา 5,100 บาท ฝาครอบกระจกมองข้าง ราคา 1,000 บาท คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา 1,950 บาท ปลอกท่อไอเสียสเตนเลส ราคา 1,150 บาท คิ้วตกแต่งกระจังหน้า ราคา 3,900 บาท คิ้วตกแต่งกันชนหลัง ราคา 5,900 บาท ไฟส่องสว่างที่เท้า ราคา 2,200 บาท เป็นต้น หรือเลือกตกแต่งในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน ทั้งหมด 3 แพ็กเกจ ได้แก่
• Sport Package ราคา 8,900 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า และ คิ้วตกแต่งกันชนหลัง
• Exclusive Sport Package ราคา 17,200 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า คิ้วตกแต่งกันชนหลัง และ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
• Modulo Aero Package ราคา 18,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และ สเกิร์ตหลัง
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชทกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรือ อ่านรายละเอียดผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th/civic
ทั้งนี้ ลูกค้าที่สนใจสามารถทดลองขับ ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี ใหม่ กับแคมเปญ “Happy Day Happy Drive” โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมทดลองขับได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 – 30 กันยายน 2565 พร้อมรับของสมนาคุณ “You’re e:HEV Family Bottle ขวดน้ำ LocknLock” มูลค่า 249 บาท** ฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรืออ่านข้อมูลทางเว็บไซต์ www.honda.co.th/testdrive