สวัดดี โอร่า! เป็นคำสั่งทักทายเวลาต้องการสั่งงานในเจ้าเหมี่ยวน้อยรถยนต์ไฟฟ้าที่รุ่นดั่งเดิมที่มาในลุกแมวสดในน่ารักพลังสะอาดรักษ์โลก แต่มาคราวนี้ GWM เผยโฉม
ORA Good Cat GT สไตล์สปอร์ตดุดันมาพร้อมพลังที่อับเกรทด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นอีกได้กำลังสูงสุดจากเดิม 143 แรงม้า เป็น 171 แรงม้า (PS) แรงบิดเดิม 210 นิวตันเมตร ขยับเป็น 250 นิวตันเมตร และความเร็วสูงสุด 152 กิโลเมตร/ชั่วโมงตามสเปค
เพิ่มระบบ Launch comtrol ให้ได้ความมันในการออกตัวได้ดีขึ้น พร้อมแบตเตอรี่ชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ขนาดเท่าเดิม และวิ่งได้ระยะทาง 500 กิโลเมตร (NEDC) เท่าเดิมอีกด้วยในการขับแบบปกติ (ไม่ใช้อัตราเร่งบ่อย ๆ หรือแช่ความเร็วสูง ๆ)
GWM ได้เชิญทีมงานเช็คราคาร่วมขับขี่ทดสอบ
ORA Good Cat GT ใช้งานจริงแบบ One day trip กรุงเทพฯ – ชลบุรี ออก สตาร์ทจาก โชว์รูม GWM ATT U PARK บางนา กิโลเมตรที่ 12 สู่ร้านอาหาร "มุมอร่อย" บางแสนชลบุรี และขับวนรอบอ่างเก็บน้ำบางพระ ก่อนวกกลับโชว์รูมในเส้นทางเดิม รวมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร กับผู้ร่วมเดินทางอีก 1 คนเป็น 2 คนต่อ 1 คัน
ORA Good Cat GT มาในสีเทา - อะควาเกรย์ (Aqua Grey) ซึ่งสีแดงอาจจะไม่นำมาจำหน่ายเพราะต้องการเน้นว่ารุ่น Good Cat สีเทาคือ รุ่น GT เท่านั้น! มาพร้อมกับชุดแต่งติดตั้งจากโรงงานด้วยกระจังหน้าดีไซน์สปอร์ตลายคาร์บอนไฟเบอร์ และสปอยเลอร์ดีไซน์โฉบเฉี่ยวพร้อมตราสัญลักษณ์ GT ทางด้านหลัง ล้ออัลลอยทูโทนขนาด 18 นิ้ว มาพร้อมกับดิสก์เบรคคาลิปเปอร์สีแดง จากการใส่ชุดแต่งทำให้มิติตัวรถใหญ่ขึ้นเล็กน้อยกว้าง 1,848(+23) มิลลิเมตร ยาว 4,254(+19) มิลลิเมตร สูง 1,596 มิลลิเมตร
ภายในสิ่งที่ Good Cat GT เพิ่มเติมจากรุ่น 500 Ultra
- ภายในสีแดง-ดำ ด้วยการตกแต่งแบบทูโทนสีดำและสีแดงเป็นเอกลักษณ์ ทั้งพวงมาลัย เบาะนั่ง คอนโซล รวมถึงพนักพิงศีรษะที่มีตราสัญลักษณ์ GT และเข็มขัดนิรภัยสีแดง
- ประตูท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ยกของหนัก
- เบาะที่นั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง เบาะที่นั่งคนขับมาพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง และฟังก์ชัน Welcome Seat ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเข้า-ออกจากรถได้อย่างสะดวกสบายพร้อมระบบเบาะนวดไฟฟ้าและระบบระบายอากาศ
- บังแดดพร้อมกระจกและไฟ LED สำหรับแต่งหน้า
- ระบบ Launch Control การออกตัวแบบสปอร์ต
สมรรถนะ ORA Good Cat GT ไม่ตรงปก!
ORA Good Cat GT เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแน่นอนว่าอัตราเร่งตอบสนองได้ดีไม่รอรอบ โดยเฉพาะในรุ่น "GT" ยิ่งสัมผัสได้ถึงกำลังที่เพิ่มขึ้นเมื่อใช้เครื่องมือในการจับเวลา โดยเฉพาะในรุ่น GT ที่เพิ่มระบบ Launch Control เข้ามาให้สนุกมาขึ้นเวลาออกตัว โดยวิธีการเป็นใช้งานอาจจะเข้าเมนูหน้าจอลึกไปสักหน่อย แต่ทำบ่อย ๆ ก็จะชินไปเอง
เริ่มด้วยเข้าไปที่รูปรถ เลือก การควบคุมรถ และปิดระบบ ESP ก่อน จากนั้น กดเลือกโหมดการขับขี่แบบ "SPORT" และขั้นตอนต่อมาอาจจะแปลก ๆ นั่นคือ ให้เหยียบเบรกสุดและเหยียบคันให้สุด จนมีข้อความบนมาตรวัดแสดงขึ้นว่า "เปิดระบบพุ่งออกตัว" (ประโยคจะประมาณนี้) แต่หลังจากนั้น จะต้องปล่อยเท้าออกจากแป้นทั้ง 2 ก่อน แล้วจึงค่อยเหยียบคันเร่งสุด
ผลที่ได้จากการทดลองอัตราเร่งจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในการลองระบบใหม่ Launch Control ทำการวัด 3 รอบ โดยเฉลี่ยแล้วเวลาอยู่ที่ 7.45 / 7.58 / และดีที่สุดคือ 7.1 วินาที! และในโหมด AUTO อยู่ที่ 8.2 / 7.89 / 7.9 วินาที แต่ในสเปคระบุไว้ว่า 8.5 วินาที ส่วนความเร็วปลายสูงสุดที่ทำได้ในโหมด AUTO อยู่ที่ 166 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งในคันอื่น ๆ ที่ร่วมเดินทางไปนั้นมีบางคันทำได้ 167-168 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แสดงว่าไม่ตรงปกอีกแล้วที่สเปคเคลมไว้ที่ 152 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
ขับซิ่งเท้าหนักกินแบตฯ ไหม
จากการขับเริ่มต้นทดสอบไป-กลับชลบุรีระยะทางร่วม 200 กิโลเมตร โดยเจอทั้งสภาพรถติดบนบูรพาวิถี รถเยอะต้องเร่งแซงบ่อย ขับแบบทำความเร็วสูงสุดหลายรอบ และทดสอบวัดอัตราเร่ง 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนับ 10 ครั้ง จากตัวเลขระยะทางที่ใช้งานได้บนมาตรวัด 479 กิโลเมตร เมื่อกลับถีงจุดเริ่มต้นที่ 279 กิโลเมตร แสดงว่าในระยะทางวิ่งระดับนี้แม้จะขับซิ่งแค่ไหนไฟในแบตเตอรี่ก็ยังเหลืออีกเพียบขับไป-กลับแค่นี้ ชิว ๆ เลย ซึ่งแม้กำลังที่เพิ่มขึ้นจากมอเตอร์ไฟฟ้าลูกใหญ่ขึ้นจากการใช้แบตเตอรี่เท่าเดิม หากใช้งานปกติทั่วไปก็ยังเคลมว่าได้ระยะทางสูงสุด 500 กิโลเมตร (NEDC) เท่าเดิมครับ
สิ่งอำนวยความสะดวกสบายพื้นฐาน
- หน้าจอ Interactive Double Screen หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถมีขนาด 17.25 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง แบ่งออกเป็น หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิทัล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว
- หน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัส ขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทางและแอปพลิเคชั่นเพลง เช่น JOOX อัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ลำโพงรอบทิศทาง จำนวน 6 ตัว
- สั่งการด้วยเสียงอัจฉริยะ "สวัสดี โอร่า" สามารถควบคุมการใช้งานฟังก์ชันได้ตลอดเวลาด้วยเสียง สามารถทำให้ได้รับบริการอย่างที่ต้องการ สามารถควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และมัลติมีเดีย ได้ในประโยคเดียว โดยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการขับขี่ ทำให้เกิดความปลอดภัย แบบไร้กังวล
- การเชื่อมต่อโครงข่ายระยะไกล ช่วยให้สามารถควบคุมการเปิด-ปิดการชาร์จ เครื่องปรับอากาศ ปิดหน้าต่าง ได้จากระยะไกล และสามารถดูสถานะของรถได้ผ่านระบบ GWM Application
- พนักพิงเบาะด้านหลังพับได้แบบ 60:40
- หลังคาพาโนรามิคซันรูฟอัจฉริยะ เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มพื้นที่แสงสว่าง และเปิดมุมมองรับชมวิวทิวทัศน์ได้มากยิ่งขึ้น
- ระบบกรองอากาศ PM2.5 ช่วยเปิดการไหลเวียนของอากาศจากภายนอกจากระยะไกลเพื่อระบายอากาศโดยอัตโนมัติ และสามารถช่วยลดปริมาณฝุ่น PM2.5 เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร
- ระบบชาร์จไร้สาย (Wireless Charging)
เทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ
ย้ำกันอีกครั้งว่าใน
ORA Good Cat GT มีเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยช่วยขับแจ้งเตือนและเพิ่มความสะดวกสบายการขับขี่และจอดอีกเพียบ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันและการเข้าโค้งอัจฉริยะ ที่มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ปรับเปลี่ยนมุมมองได้
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขั้นสุดให้กับผู้ใช้ถนน ด้วยระบบการตรวจจับผู้ใช้จักรยานและคนเดินถนนทั้งบนทางตรงและทางแยก และสามารถคำนวณระยะทางระหว่างรถคันหน้าและข้างหลังได้แบบเรียลไทม์ พร้อมด้วยสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
- ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเครื่องหมายบริเวณช่องจอดหรือจุดจอดรถและช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวเฉียง และจอดเทียบข้าง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนํารถเข้าจอดแล้ว รถจะทําการจอดด้วยตัวเอง ด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว โดยในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และจะประคองรถให้กลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
- Intelligent LED Headlamp ไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์แบบ LED เต็มรูปแบบในรูปทรง Cat Eye ที่โดดเด่นเฉพาะตัว พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ และไฟ Welcome light แบบพิเศษกระพริบเล่นสีสันสวยงาม ระบบปรับไฟสููง-ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องนำทางหลังดับรถยนต์ และ Daytime Running Light
เพิ่มใหม่ฟังก์ชันเดียวกับใน H6 และ Jolion
ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ และหากเลือกเกียร์ถอย รถจะสามารถถอยหลังกลับได้เองโดยใช้ข้อมูลสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่ถูกบันทึกไว้ ถ้าระบบตรวจพบสิ่งกีดขวาง คนเดินถนน หรือรถยนต์ ระบบเบรกอัตโนมัติจะทำงานและรถจะหยุดในทันที
นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นอีกมากมายได้แก่
- ระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ 1) มาตรฐาน 2) สปอร์ต 3) ECO 4) ECO+ และ 5) อัตโนมัติ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่คงเหลือ
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (ICA) ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ แต่จะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ โดยสามารถควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
- การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ (LSEB) เมื่อเรดาร์ทำงาน จะตรวจสิ่งกีดขวางทั้งที่หยุดนิ่งหรือคนเดินถนนที่เคลื่อนที่ในแนวถอยจอดและหากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะช่วยเบรคให้อัตโนมัติ โดยความเร็วขณะถอยจะไม่ต้องเกิน 8 กม./ชม.
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน โดยจะระบุเส้นแบ่งเลนถนนผ่านกล้องที่กระจกหน้ารถ เมื่อคนขับเบี่ยงเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน เมื่อระบบตรวจสอบพบว่าผู้ขับขี่มีลักษณะการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย ระบบจะแจ้งเตือนด้วยเสียง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน เมื่อรถเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว ระบบจะส่งเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่มีเวลาตอบสนองมากขึ้น เมื่อผู้ขับขี่มีอาการจาม อ่อนล้า ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้รถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบจะแจ้งเตือนโดยทันที
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
- การเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Turn) เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
- ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) โดยเมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
- ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเข้าสู่ช่องจราจร เซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและภาพ หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานด้วยการลดความเร็วและหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
- ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) ช่วยประเมินและวิเคราะห์ลักษณะในการขับขี่ เช่น มุมบังคับเลี้ยว การเบรก การควบคุมไฟส่องสว่าง และใบปัดน้ำฝน ระยะเวลาในการขับ หากพบว่ามีลักษณะการขับขี่ที่เหนื่อยล้า หรือหลังจากขับรถด้วยความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และขับรถมากกว่า 4 ชั่วโมง ระบบจะเตือนด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ 10 นาที โดยสามารถทำการตั้งค่าใหม่ได้ก็ต่อเมื่อทำการหยุดรถเท่านั้น รถจะทำการแจ้งเตือนและแนะนำให้หยุดพัก
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง
- ระบบโทรหาเบอร์ฉุกเฉิน (SOS)
ระยะเวลาในการชาร์จ
รองรับการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (DC) สูงสุด 60 kW และการชาร์จไฟบ้านแบบ AC 6.6 kW
- การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% - 80%) 60 นาที
- การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30% - 80%) 40 นาที
- การชาร์จแบบธรรมดาด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC 10 ชั่วโมง
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานขับขี่ได้ในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิ -30°C - 55°C
- แบตเตอรี่สามารถชาร์จไฟได้ในสภาพแวดล้อมอุณหภูมิ -20°C - 55°C
- แบตเตอรี่สามารถทำงานได้อย่างเป็นปกติในช่วงความกดอากาศ -150 ถึง 5,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง และภายใต้สภาวะความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ 2 - 98%
- แบตเตอรี่มีความสามารถในการป้องกันมาตรฐาน IPX9K และ IP67 ซึ่งสามารถป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน อัคคีภัย และการกระแทกได้ โดยเมื่อเกิดการกระแทก ระบบไฟฟ้าจะตัดการทำงานภายใน 0.1 วินาที เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- เซลล์แบตเตอรี่ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องที่มีความแข็งแรงในระดับ 3 มิติ พร้อมมีการควบคุมอุณหภูมิและระบบระบายความร้อน
สรุปภาพรวม ORA Good Cat GT ราคา...... น่าใช้ไหม?
จากการที่ได้ลองขับทั้งรุ่น
500 Ultra และ
GT นับว่าไม่แตกต่างกันจนมากนัก กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะยังไม่รู้สึกถึงอัตราเร่งมากนักจน
"ต้องว้าว" แต่ก็ยังพอรู้สึกได้บ้างว่าเวลา
"ขับซิ่ง" หรือเร่งแซงจะให้ความกระฉับกระเฉิงมากขึ้นและต่อเนื่องไหลลื่นกว่า โดยเฉพาะในจังหวะที่กดคันเร่งสุดรู้สึกได้ว่ามีแรงฉุดดึงหนักขึ้นและต่อเนื่องยาวนานกว่ารุ่น 500 Ultra แต่ก็ไม่ถึงกับกระชากจนหัวติดเบาะ
เรื่องความแรงอาจไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ในเรื่องความสวยงามลงตัวและดูดุดันจากชุดแต่งลายคาร์บอนไฟเบอร์ และการตกแต่งสีแดงภายในที่มาพร้อมตัวรถทั้งคัน ไม่สามารถซื้อแยกและ GWM ไม่มีแยกชิ้นขายให้ไปติดเองอีกด้วย นอกจากนี้ระบบไฟฟ้าที่เพิ่มาให้อีกเช่น ฝาท้ายเปิดไฟฟ้าแบบแฮนดืฟรี, เบาะไฟฟ้าคู่หน้ากับระบบนวด หรือ Launch Control ก็หาติดตั้งเองไม่ได้ เรียกว่าเป็นรุ่นพิเศษเฉพาะกิจเลยครับ
และ
ORA Good Cat GT ให้คุณเป็นเจ้าของก่อนใครโดย สำหรับลำดับการจองที่ 1-200 สามารถรับรถได้ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถึง 31 ธันวาคม 2565 และลำดับการจองที่ 201-500 รับรถระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2566 ถึง 31 ธันวาคม 2566 กับค่าตัวที่ขยับเพิ่มจากรุ่น
500 Ultra ราคา 959,000 บาท เป็น
1,286,000 บาท เท่านั้น (ราคาก่อนลดภาษี 1,549,000 บาท เท่ากับว่าลดไปถึง 263,000 บาท) ได้รุ่นตกแต่งพิเศษและสีเทาที่บ่งบอกว่าเป็น
Good Cat GT อย่างแท้จริง!