ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

ทางเลือกยุคน้ำมันแพง รถยนต์เบนซินล้วน, ติดแก๊ส, ไฮบริด หรือ EV ใครประหยัดสุด!

icon 30 พ.ค. 65 icon 6,098
ทางเลือกยุคน้ำมันแพง รถยนต์เบนซินล้วน, ติดแก๊ส, ไฮบริด หรือ EV ใครประหยัดสุด!
ก่อนอื่นเลย...บทความนี้เน้นเฉพาะค่าใช้จ่าในการเดินทางประจำวันตามเส้นทางที่กำหนดและคำนวนเป็นตัวเลขง่าย ๆ เท่านั้นครับ อาจมีการคลาดเคลื่อนไปบ้าง และไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายเรื่องบริการหลังการขาย เข้าศูนย์ เช็คระยะ ฯลฯ และไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการ
 
ในภาวะน้ำมันแพง ค่าแรงต่ำ ของขึ้นราคาทุกชนิดยกเว้นเงินเดือน!.. ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์อาจเริ่มมองหา "ทางรอด" ต่อชีวิตไปเดือน ๆ ให้พอดีกับเงินเดือนที่เหลืออยู่ บางคนอาจมาหาพลังงานทางเลือกอื่นให้กับรถคันเดิม บางคนยอมเปลี่ยนมาใช้รถไฮบริด ไม่ว่าจะมือ 1 หรือมือ 2 ก็ยอมเพราะประหยัดกว่า และบางคนมีกำลังมากหน่อยก็ถอยรถยนต์ปลัคอินไฮบริดหรือไม่ก็ขยับไปเล่นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนให้จบ ๆ ไป 
แต่ก่อนที่จะคิดเลยไปไกล ลองมาดูกันก่อนว่าในการใช้งานรถยนต์แต่ละแบบแต่ละประเภทเชื้อเพลิงหรือแต่ละระบบนั้น แบบจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้ประหยัดได้มากสุด หรือแบบไหนคุ้มค่ามากที่สุด และแบบไหนที่เหมาะสมกับเงินในประเป๋ามากที่สุด 
ผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ จากการใช้งานรถยนต์ส่วนตัวในชีวิตประจำวันจริง ทำงานออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์ขับรถเข้า-ออกชานเมืองและตัวเมืองทุกวัน และรถอีกรุ่นคือรถยนต์ไฮบริดที่ใช้ระยะทางจริง และการนำตัวเลขของรถยนต์ปลั๊คอินและรถยนต์ไฟฟ้าและคำนวนให้ระยะทางเท่ากัน ผ่านเส้นทางจราจรติดขัดสลับหยุดนิ่งใกล้เคียงกัน โดยที่จะคิดการใช้รถเฉพาะแค่ไป-กลับทำงานในแต่ละวันเท่านั้น ยังไม่นับรวมออกนอกเส้นทางและวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดยาว ๆ นะครับ อ้างอิงราคาน้ำมันปัจุบัน E20 คือ 42.34  ขอปัดขึ้นเป็น 43 บาทต่อลิตร (ณ 27/05/2022)
น้ำมันเบนซินล้วน ICE
โตโยต้า โคโรลลา อัลติส 1.8 เอสสปอร์ต ปี 2015 อายุ 7 ขวบ ใช้ไปแล้ว 110,XXX กิโลเมตร ขับไป-กลับบ้านที่ทำงาน 5 วัน เส้นทางวัชรพล-รามอินทรา-ชิดลม ไม่ขึ้นทางด่วน ระยะทางรวมประมาณ 55 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองบนมาตรวัดเฉลี่ย 11 กิโลเมตรต่อลิตร  *ไม่รวมนอกเส้นทางและเสาร์อาทิตย์ 
วิ่ง 55 กิโลเมตรต่อวัน 
1 อาทิตย์ 5 วัน = 275 กิโลเมตร
1 เดือน 4 อาทิตย์ = 1,100 กิโลเมตร 
อัตราสิ้นเฉลี่ย 11 กิโลเมตรต่อลิตร 
1,100 / 11 = 100 ลิตรต่อเดือน
100 X 43 = 4,234 บาทต่อเดือน
LPG
หากติดตั้งแก๊สแอลพีจี LPG ระบบหัวฉีดในรถยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร เฉลี่ย 13 บาทต่อลิตร (ราคาแล้วแต่พื้นที่หรือจังหวัด)
ด้วยเงื่อนไขเดียวกับข้างบนนี้ ใช้รถเดิอนละ 1,100 กิโลเมตร รถติดแก๊สจะกินจุกว่าน้ำมันเดิมประมาณ 10% อัตราสิ้นเปลืองลงมาอยู่ที่ 9 กิโลเมตรต่อลิตร (แล้วแต่รุ่นรถ) อธิบายง่าย ๆ ว่าเนื่องจากหัวฉีดจ่ายแก๊สนั้นจะถูกเจาะรูฝั่งเอาไว้ที่คอไอดี ทำให้มีระยะทางห่างจากห้องเผาไหม้มากกว่าระบบหัวฉีดน้ำมันเดินติดรถจึงใช้ปริมาณเยอะกว่าครับ  
1,100 / 9 = 122.22 ขอปัดขึ้นเป็น 123 ลิตรต่อเดือน
123 X 13 = 1,599 บาท หรือ 1,600 บาทต่อเดือน ส่วนต่าง 2,634 บาทต่อเดือน จากน้ำมันล้วนจาก 4,234 บาท
*ในส่วนของการติดตั้งแก๊สนั้นมีค่าใช้จ่ายในการลงทุน 20,000 - 40,000 บาทขึ้นกับระบบยี่ห้อ, คุณภาพและร้านติดตั้ง นอกจากนี้จำเป็นต้องเพิ่มการดูแลและตรวจสอบเป็นพิเศษเพิ่มขึ้นมาจากปกติ เพราะต้องหมั่นตรวจเช็คดูแลและเข้าร้านติตดั้งแก๊สตามกำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย และยังต้องยอมรับถึงเสียประโยชน์จากราคาขายต่อของรถที่ต่ำลงกว่าปกติ
Hybrid
รถยนต์ไฮบริด - รถตัวอย่างคือโตโยต้า โคโรลลา อัลติส 1.8 ลิตรไฮบริด ปี 2020 อายุ 2 ปี ใช้ไปแล้ว 70,000 กิโลเมตร ขับไป-กลับบ้านที่ทำงาน 5 วัน เส้นทางนอร์ทปาร์ค - สาทร - ชิดลม (ขึ้นทางด่วน) ระยะทางรวมประมาณ 55 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองบนมาตรวัดเฉลี่ย 20 กิโลเมตรต่อลิตร *ไม่รวมนอกเส้นทางและเสาร์อาทิตย์   
วิ่ง 55 กิโลเมตรต่อวัน 
1 อาทิตย์ 5 วัน = 275 กิโลเมตร
1 เดือน 4 อาทิตย์ = 1,100 กิโลเมตร 
รถอัลติส เฉลี่ย 20 กิโลเมตรต่อลิตร 
1,100 / 20  = 55 ลิตรต่อเดือน
55 X 43 = 2,365 บาทต่อเดือน ส่วนต่าง 1,869 บาทต่อเดือน จากน้ำมันล้วนจาก 4,234 บาท
Plug-in Hybrid
รถยนต์ลูกครึ่ง ปลั๊กอิน-ไฮบริด ขอใช้เงื่อนไขเดียวกับรถใช้อัลติส 1.8 เอสสปอร์ตเส้นทางและระยะทางรวมที่ 55 กิโลเมตร เท่ากับเดือนละ 1,100 กิโลเมตร อัตราสิ้นเปลืองบนมาตรวัดเฉลี่ยขึ้นกับรุ่นรถความจุแบตเตอรี่อย่างเช่น MG HS PHEV แบตเตอรี่ขนาด 16.6 kWh จากสเปควิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ประมาณ 67 กิโลเมตร ก็ถือว่าแทบไม่ต้องใช้น้ำมันเลย ซึ่งก็ขึ้นกับสภาพการจราจรแต่ละวันด้วย สมมุติว่าวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนจริงได้ 60 กิโลเมตร ซึ่งรถปลั๊คอินไฮบริดถ้าใช้โหมดไฮบริดวิ่งปกติก็จะมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยราว ๆ 19 - 22 กิโลเมตรต่อลิตร และขึ้นกับว่าไฟในแบตเตอรี่เหลือมากน้อยแค่ไหน
วิ่ง 55 กิโลเมตรต่อวัน 
1 อาทิตย์ 5 วัน = 275 กิโลเมตร
1 เดือน 4 อาทิตย์ = 1,100 กิโลเมตร 
อัตราสิ้นเฉลี่ย 19 กิโลเมตรต่อลิตร (ตัวเลขกลางๆ)
1,100 / 19 = 57.89 หรือ 58 ลิตร ต่อเดือน
58 X 43 = 2,494 บาท ต่อเดือน ส่วนต่าง 1,740 บาทต่อเดือน จากน้ำมันล้วนจาก 4,234 บาท *หากสามารถขับไป-กลับได้โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วนตามที่เคลมไว้ที่ 67 กิโลเมตรได้จริงก็เท่ากับว่าไม่ต้องใช้น้ำมันเลย
ค่าไฟฟ้ารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดกรณีมีแท่นชาร์จที่บ้าน
ค่าไฟฟ้าในการชาร์จขึ้นกับขนาดของแบตเตอรี่แต่ละรุ่น เช่นเบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ (MG HS PHEV) ขนาดความจุ 16.6 kWh ชาร์จด้วย Wallbox(กำลังชาร์จ 3.7 kWh) ที่บ้านจาก 0- 100% ใช้เวลาประมาณ 4 - 5 ชั่วโมง และ MG Charging Cable 5 - 6 ชั่วโมง ชาร์จแบบเวลาปกติไม่เกิน 200 บาทต่อการชาร์จจาก 0 - 100% ส่วนชาร์จในช่วงเวลา TOU** หรือแบบได้ส่วนลดในเวลาหลัง 4 ทุ่ม ก็จะต่ำลงอีก ซึ่งโดยปกติคงไม่มีใครปล่อยให้แบตเตอรี่หมดถึง 0% และส่วนมากรถยนต์ก็จะมีระบบเก็บไฟฟ้าไม่ให้ต่ำกว่า 20 - 30% อยู่แล้วครับแสดงว่าอาจเสีนเงินค่าไฟไม่ถึง 100 บาทก็เป็นได้
BEV/EV
รถยนต์ไฟฟ้าล้วน BEV/EV แล้วแต่จะเรียกกัน ส่วนมากรถยนต์ไฟฟ้ามักจะมีการติดตั้งแท่นชาร์จหรือ Wallbox ไว้ที่บ้านด้วย เมื่อใช้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน ก็เท่ากับว่าค่าน้ำมันเป็น 0 บาท จะมีเพียงค่าไฟฟ้าในการชาร์จ โดยหากเป็นรถที่วิ่งได้ระยะทาง 300 - 400 กิโลเมตร มักมีแบตเตอรี่ลูกใหญ่อย่างเช่น MG ZS EV มีแบตเตอรี่ขนาด 50.3 kWh สามารถวิ่งได้สูงสุด 403 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ขึ้นกับการใช้งานจริงที่อาจวิ่งได้ต่ำกว่าตัวเลขจากโรงงานราว ๆ 40 - 50 กิโลเมตร สมมุติว่าวิ่งได้จริงที่ 350 กิโลเมตร ก็เท่ากับว่าจะต้องชาร์จแบบ 0 - 100% ทั้งหมด 3 ครั้งนิด ๆ ต่อเดือน  
MG ZS EV การชาร์จไฟฟ้าด้วยท่านชาร์จที่บ้านจาก 0- 100% ใช้เวลา 7 ชั่วโมง 15 นาที เมื่อเต็มก็ไม่เกิน 300 บาท แต่ส่วนมากแบตเตอรี่จะตั้งค่าไม่ให้ลดลงต่ำกว่า 20% เพื่อป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมเร็วครับ นั่นก็แสดงว่าการชาร์จจาก 20 - 100% ชาร์จไฟเต็มน่าอยู่ประมาณ 150 - 200 บาท สำหรับการใช้แท่นชาร์จที่บ้านและขึ้นกับช่วงเวลาในการชาร์จว่าช่วงดึก (แบบ off Peak มิเตอร์แบบ TOU** ก็จะถูกลงอีก) หรือเวลาปกติอีกด้วย สมมุติอีกว่าชาร์จช่วงเวลาปกติตก 5.2674 บาท ต่อหน่วย*** ชาร์จเต็ม 50.3 kWh นั่นคือการเอา 50.3 X 5.2674 = 264.95 บาท ชาร์จ 3 ครั้งต่อเดือน 264.95 X 3 = 794.85 บาท ต่อเดือนเท่านั้น ส่วนต่าง 3,439.15 บาทต่อเดือน  จากน้ำมันล้วนจาก 4,234 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟนอกบ้านก็ขึ้นกับว่าเป็นเจ้าที่ให้บริการฟรีหรือเสียเงินครับ และราคาแตกต่างกันขึ้นกับผู้ให้บริการอีกด้วย
**อัตราค่าไฟฟ้า TOU หรือ อัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาของการใช้ (Time of Use Tariff : TOU Tariff) เป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่สะท้อนถึงต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา คือ 
  • On-Peak  อัตราค่าไฟฟ้า 5.2674 บาท*** ต่อหน่วย เวลา 09.00 น. – 22.00 น.วันจันทร์ - ศุกร์ และวันพืชมงคล คือ ช่วงที่ค่าไฟฟ้ามีราคาสูง  เนื่องจากประเทศมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง การไฟฟ้าต้องจัดหาเชื้อเพลิงทุกชนิด ทั้งราคาสูงและราคาต่ำในการผลิตไฟฟ้า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในช่วงนี้
  • Off-Peak อัตราค่าไฟฟ้า 2.1827 บาท ต่อหน่วย เวลา 22.00 น. – 09.00 น.วันจันทร์ - ศุกร์ และวันพืชมงคล คือ ช่วงที่ค่าไฟฟ้ามีราคาต่ำ เนื่องจากประเทศมีความต้องการใช้ไฟฟ้าต่ำ โรงไฟฟ้าสามารถเลือกใช้เชื้อเพลิงที่มีราคาต่ำกว่ามาผลิตไฟฟ้าได้  จึงทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าในช่วง  Off-Peak  ต่ำกว่าช่วง  Peak
อ้างอิงจาก www.mea.or.th
สรุปค่าใช้จ่าย ด้วยเงื่อนไขที่ใกล้เคียงกันมากที่สุดจากข้างต้นก็คือ ใช้รถ 1,100 กิโลเมตร ต่อเดือน  
  • รถยนต์น้ำมันล้วนเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ค่าเดินทาง 4,234 บาท ต่อเดือน
  • รถยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ติดแก๊ส LPG ค่าเดินทาง 1,599 บาท ต่อเดือน (*ไม่รวมค่าติดตั้ง)  
  • รถยนต์เบนซินไฮบริด 1.8 ลิตร ค่าเดินทาง 2,365 บาท ต่อเดือน 
  • รถยนต์ปลั๊คอินไฮบริดเบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ (MG HS PHEV) ค่าเดินทาง 2,494 บาท ต่อเดือน
  • รถยนต์ไฟฟ้าล้วน BEV/EV ค่าไฟฟ้า 794.85 บาท ต่อเดือน
อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นเพียงค่าเชื้อเพลิงหรือพลังงานในการใช้เติมกับรถยนต์ ตัวเลขการใช้งาน ระยะทาง ราคา น้ำมันและไฟฟ้าอาจเปลี่ยนแปลงได้อีก ส่วนใครที่กำลังมาหาทางเลือกว่าจะหนี้ไปใช้รถยนต์อะไรดีก็ควรศึกษาข้อมูลของระบบต่าง ๆ ให้มั่นใจก่อนตัดสินใจนะครับ แต่ถ้าเป็น ณ เวลานี้ที่พลังงานหลายอย่างพุ่งสูงขึ้น ประหยัดได้ก็ควรประหยัด ใช้รถเท่าที่จำเป็น ไม่ขับเร็วจนเปลืองน้ำมัน เดินหรือใช้รถสาธารณะบ้าง ก็เพื่อเงินในประเป๋าคุณเอง เพราะทุกวันนี้ก็เหมือน "ทำงานแลกค่าน้ำมันแล้ว"
++++++++หมายเหตุตัวโตว่า! บทความนี้เป็นเพียงการประมาณและคำนวนอย่างไม่เป็นทางการ ระยะทาง การใช้งาน อาจแตกต่างหรือมีการเปลี่ยนแปลงได้ ราคาน้ำมัน ราคาแก๊สแอลพีจี หรือค่าไฟฟ้า ก็อาจผันผวนได้อีกในอนาคต วันเขียนบทความ ณ วันที่ 27 พ.ค.2565 
แท็กที่เกี่ยวข้อง mg hybrid ev plug-in hybrid
CAR GURU
เขียนโดย สินธนุ จำปีศรี CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)