รีวิว ไขข้อข้องใจ Nissan Kicks e-power ขับสนุกประหยัดดูแลง่ายจริงหรือไม่?

Nissan Kicks e-POWER ที่หลายคนยังคงสงสัยว่า นืสสัน คิกส์ ที่มีระบบ e-POWER นั้นคือ อะไร แตกต่างกับระบบไฮบริดและรถยนต์ EV อย่างไร แล้วมีเครื่องยนต์ใช้ทำอะไร ต้องเติมน้ำมันหรือไม่ และด้านสมรรถนะเป็นอย่างไร จะประหยัดน้ำมันและดูแลง่ายไม่จุกจิกจริงหรือ รวมไปถึงต้องชาร์จไฟฟ้าหรือไม่ ถึงแม้หลายคนอาจเคยได้ทดลองขับและชอบอัตราเร่งที่ขับสนุกมาก แต่ก็ยังสงสัยว่าระบบ e-POWER ทำงานอย่างไร มาหาคำตอบไปพร้อมกันเลยครับ

 

ก่อนอื่นต้องบอกว่า นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ นั้น เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดเหนือเครื่องยนต์ทั่วไป ความโดดเด่นของรถคันนี้ คือการใช้เครื่องยนต์น้ำมันขนาดเล็ก ทำหน้าที่เป็นเปลี่ยนน้ำมันเป็นไฟฟ้า และส่งไปเก็บยังแบตเตอรี่ เครื่องยนต์จะทำงานเฉพาะเวลาที่พลังงานในแบตลดลงต่ำเท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลี่อน หรือมีโหลดในการแบกน้ำหนักรถใด ๆ ทั้งสิ้น ความสึกหรอจึงต่ำ ค่าบำรุงรักษาต่ำ และให้ความประหยัดสูงสุดตามอีโคสติกเกอร์ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ 27 กิโลเมตรต่อลิตร

ในตลาดโลก และญี่ปุ่น ที่จริง ๆ เค้าเป็นผู้นำด้าน EV อยู่แล้ว ยังเลือกที่จะพัฒนา เทคโนโลยี e-POWER ขึ้นมา เพื่อเป็น transition จากรถน้ำมันไปสู่รถ EV สำหรับผู้บริโภคที่ไม่สะดวกการรอชาร์จไฟจากสถานีชาร์จสาธารณะ ซึ่งเหมาะสมกับบ้านเราเป็นอย่างมาก ณ เวลานี้ แถมยังได้รับความนิยมมากว่า 10 ปีแล้ว มียอดขายสะสมกว่า 6 แสนคัน มีจุดเด่นในเรื่องความทนทาน บำรุงรรักษาง่าย โดยเฉพาะตัวแบตเตอรี่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงใด ๆ แม้แต่ครั้งเดียว ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน รวมจุดเด่นของมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้ความแรงสุด ๆ ขับสนุก แรงบิดมาเต็มพลังตั้งแต่กดคันเร่ง แถมยังให้ความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ต้องวางแผนการเดินทาง ไม่ต้องหาที่ชาร์จ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถ และยังสามารถขับไปได้ไกลไม่จำกัด ตราบใดที่มีปั๊มน้ำมันให้เติม

ส่วนด้านการขับเคลื่อนจะเหมือนรถ EV ล้วน ๆ ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ส่งกำลังไปที่ชุดเฟืองท้ายและไปหมุนล้อคู่หน้าโดยตรง ไม่ต้องผ่านชุด Power Split Device หรืออุปกรณ์จัดสรรพลังงานเลย เรียกว่ามอเตอร์ไปหมุนล้อโดยตรงก็ได้ ไม่มีกำลังจากเครื่องยนต์มาร่วมด้วยแต่อย่างใด!

ในส่วนครื่องยนต์ 3 สูบ 1.2 ลิตร (เหมือนในนิสสัน มาร์ช) ใช้เพื่อปั่นไฟเท่านั้น โดยส่งกำลังไปที่ระบบชาร์จไฟฟ้าหรือเจนเนอเรเตอร์เพื่อชาร์จไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่ ไม่มีขุดเกียร์ ชุดเพลาใด ๆ ไปต่อกับชุดเฟืองท้ายหรือไปหมุนล้อเลย ซึ่งการปั่นกระแสไฟฟ้านั้นสามารถส่งไปเก็บในแบตเตอรี่ และหากไฟเหลือ หรือว่าผู้ขับขี่ต้องการกำลังเร่งแซงมาก ๆ กระแสไฟฟ้าก็จะส่งตรงไปที่มอเตอร์ไฟฟ้าได้อีกด้วย และความลับที่ทำให้ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ เร่งแซงได้ทันใจก็คือ สามารถจ่ายกระแสไฟทั้งจากแบตฯ และเครื่องปั่นไฟไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้เร่งแซงได้ดั่งใจ ไม่รอรอบ ไม่ต้องรอกระแสไฟเต็มแบตฯ ครับ

นั่นจึงทำให้คนที่ได้เคยลองขับ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ จะรู้สึกว่า ขับสนุกกว่ารถยนต์สันดาป และยังเหมือนขับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป๊ะเลย ทั้งเร่งออกตัว เร่งแซง ไม่รอรอบ กดคันเร่งแล้วตอบสนองทันที เพราะมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมหมุนตลอดเวลา

ด้วยพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ไปหมุนล้อนั้นมีกำลังสูงสุด 129 แรงม้า และให้แรงบิดหรือแรงในการออกตัวเร่งแซงสูงสุด 260 นิวตันเมตร มาเต็มตั้งแต่วินาทีแรกที่กดคันเร่ง เทียบเท่าหรืออาจมากกว่าเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตรเลยทีเดียวครับ 

e-POWER นี้เอง ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องการชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ เพราะว่ามีเจ้าเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3 สูบ เล็ก ๆ ที่จะคอยช่วยปั่นไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่แทนการเสียบปลั๊กชาร์จตามแท่นชาร์จหรือปลั๊กไฟบ้าน 
นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ จึงเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ที่ไม่ต้องกังวลหาปลั๊กเสียบชาร์จ ไม่ต้องชาร์จไฟ เพราะพกเครื่องปั่นไฟติดตัวไปตลอดนั่นเอง ตราบใดที่มีปั๊มน้ำมันจะขับไปไหนก็ได้ครับ

ความแตกต่างระหว่าง Hybrid และ e-POWER 

e-POWER ให้สมรรถนะการขับสนุกเหมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% แตกต่างจากรถยนต์ไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมันเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก มอเตอร์ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยเสริมเท่านั้น แบ่งกันทำงานก็แล้วแต่การจัดสรรพลังงานของระบบไฮบริด ที่จะแบ่งกำลังจากเครื่องยนต์น้ำมัน และมอเตอร์ให้ไปหมุนล้อ

ถ้าช่วงที่ออกตัวไม่เร่งรีบจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการเคลื่อนที่ และเมื่อมอเตอร์เริ่มหมดแรงหรือไฟในแบตฯ ต่ำลง เครื่องยนต์ก็จะมีการเลือกทำงานได้อีก 2 แบบ ในแบบแรกแค่ปั่นไฟเก็บเข้าแบตฯ ให้มีไฟไปจ่ายมอเตอร์ต่อไป หรือถ้าเกิดต้องการกำลังในการเร่งแซงมากกว่านี้ก็จะส่งไฟไปมอเตอร์ไฟฟ้าโดยตรงให้ขับเคลื่อนล้อได้ตามต้องการ หรืออาจจะส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปช่วยมอเตอร์ในการขับเคลื่อนล้อ นั่นคือแบบไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์และมอเตอร์ขับเคลื่อนทั้งคู่

ด้วยเหตุนี้เองการทำงานของระบบจัดสรรพลังงานจึงมีขั้นตอนและเวลาในการ "คิดคำนวน" มากขึ้น แม้จะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม แต่กว่าจะรอให้ระบบตัดสินใจเลือกการแบ่งพลังงานลงที่ล้อ ไหนจะต้องรอรอบเครื่องยนต์ให้อยู่ในย่านที่มีกำลัง และยังจะต้องเลือกอัตราคำนวณความแปรผันของระบบเกียร์ E-CVT ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนั้นอีก ซึ่งคนที่เคยขับจะสังเกตได้ว่าเมื่อ "คิกดาวน์" หรือเร่งแซงอย่างฉับพลันมักเกิดอาการ "ชะงักหรือรอให้สมองกลคิด" ประมาณเสี้ยววินาที หรือบางครั้งอาจนานกว่านั้น และต้องรอรอบกำลังเครื่องยนต์สูง ๆ เพื่อให้เร่งแซงได้ทันใจ

ไฮบริดทั่วไปแหล่งกำลังหลัก ๆ มาจากเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลังไม่มาก จะเพียงแค่ช่วยพยุงหรือเสริมกำลังเครื่องยนต์อีกทีเท่านั้น เมื่อใช้งานที่ความเร็วสูง ๆ หรือเร่งแซงเครื่องยนต์ก็จะทำงานเพิ่มขึ้นและมีภาระมากขึ้น ไม่ต่างกับรถยนต์ทั่วไป 

แตกต่างจากระบบ e-POWER ที่มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นกำลังหลักเพียงอย่างเดียว เครื่องยนต์รับภาระแค่การปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้าในรถเท่านั้น การทำงานน้อยกว่ามาก ไม่มีภาระหรือโหลดเยอะ ทำให้การสึกหรอต่ำอีกด้วย สำหรับเครื่องยนต์ในนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ จะทำงานรอบสูง ๆ ก็ต่อเมื่อต้องการกำลังออกตัวหรือเร่งแซงมาก ๆ เท่านั้น 

โหมดคันเร่งเดียว One Pedel นี้เองที่เป็นจุดเด่นที่รถยนต์ไฮบริดทั่วไปไม่สามารถเลืยนแบบได้เลย นั่นคือ ระบบควบคุมด้วยการใช้คันเร่งเดียวทั้งการออกตัว และชะลอความเร็วจนหยุดรถได้ โดยที่เท้าไม่ต้องสลับมาเหยียบแป้นเบรกเลย ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับรถไฟฟ้า ในตลาดรถยนต์ เหมาะมาก ๆ กับการจราจรที่ติดขัดหรือรถหนาแน่น ลดการเมื่อยล้าได้เยอะ เพียงเลือกโหมดขับขี่เป็น "S" หรือ "ECO" นอกจากนี้ยังมีโหมด "EV" ซึ่งเน้นใช้งานแบบไม่ต้องการให้เครื่องยนต์ติด (กรณีแบตฯ มีไฟเต็ม) แต่ไม่ค่อยแตกต่างนักเพราะนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ก็ขับเคลื่อนในแบบ EV อยู่แล้วครับ

ระบบเยอะจัด จะจุกจิกดูแลอยากไหม? 

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ เข้าศูนย์เช็คระยะตามกำหนด มีค่าใช้จ่ายเทียบเท่ากับอีโค่คาร์เลยครับ ในการเข้าเช็คแต่ละครั้งค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาท บวก-ลบแล้ว 3,000 กว่าบาทในระยะทาง 1 แสนกม. และไม่มีอุปกรณ์เยอะเท่ารถยนต์ไฮบริดทั่วไป เพราะไม่มีชุดเกียร์ ไม่มีอุปกรณ์จัดสรรพลังงาน การสึกหรอต่ำมาก มีเพียงเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรที่บำรุงรักษาเทียบเท่ากับนิสสัน มาร์ช 

นิสสัน คิกส์ e-POWER ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยขับในเมืองและการจราจรหนาแน่นราว ๆ 19 - 22 กม./ลิตร ยิ่งขับในเมืองเจอรถติด ๆ ยิ่งประหยัด เพราะใช้กำลังไฟในการเคลื่อนที่น้อย และเครื่องยนต์ติดเพื่อปั่นไฟในรอบต่ำ ๆ เท่านั้น เรียกว่า ยิ่งติดยิ่งประหยัดครับ

การขับขี่นอกเมืองหรือต่างจังหวัดจะประหยัดมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับ "น้ำหนักเท้า" หรือพฤติกรรมผู้ขับขี่ หากขับแบบทั่วไปใช้ความเร็วตามกำหนดแบบไม่เร่งรีบ ความเร็วสม่ำเสมอจะอยู่ที่ 18 - 20 กม./ลิตร แต่ถ้าขับโหดเหมือนโกรธคันหน้า มีการเร่งแซงบ่อย ออกตัวเร็วจัด ขับอัดตลอดทาง ก็ยังทำตัวเลขได้ดี เฉลี่ย 15 - 16 กม./ลิตร ครับ  

อย่างที่ทราบกันว่าถ้าต้องการอัตราเร่งมาก ๆ หรือว่าขับขี่ในความเร็วสูง ๆ มอเตอร์ไฟฟ้าย่อมต้องการกำลังไฟฟ้ามากตามไปด้วย เครื่องยนต์จึงต้องปั่นไฟฟ้าเพิ่มให้เพียงพอต่อ "เท้า" ผู้ขับขี่ โดยตัวเลขที่ผู้ทดสอบเคยขับในแบบ "สายโหด" นั้นอยู่ราว ๆ  15 กม./ลิตร++ ครับ นับว่าดีเกินตัว เมื่อแลกกับความแรง และอัตราเร่งที่ได้มาจากรถคันนี้ 

และสุดท้ายก็ยังมีระบบการ Re-Generator หรือการชาร์จไฟกลับก็เพียงแค่ถอนคันเร่ง แรงเฉื่อยของรถที่มีความเร็วก็จะหมุนล้อที่ต่อกับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งจะเปลี่ยนหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ชั่วคราวเพื่อปั่นไฟเก็บเข้าแบตฯ  

นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ด้วย 360° SAFETY SHIELD เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน โดยเฉพาะเทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ Intelligent Forward Collision Warning (IFCW) ช่วยเตือนการชนด้านหน้าและเทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking (IEB) ที่ให้มาตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น สำหรับเทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ Intelligent Cruise Control (ICC) ควบคุมควบเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน และเทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังก่อนถอย Rear Cross Traffic Alert (RCTA) จะมีในรุ่น VL ขึ้นไป 

และครั้งแรกของรถระดับนี้ ด้วย เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) เพื่อแสดงภาพแทนการมองกระจกมองหลัง ช่วยให้เห็นเหตุการณ์ด้านหลังในกรณีที่มีผู้โดยสารหรือสัมภาระเต็มรถจนบังมุมมองด้านหลัง ช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น แถมยังปรับมุมมองได้อีกด้วย  

ปลอดภัยแม้อยู่ในที่แคบด้วย เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) พร้อม เทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน Moving Object Detection (MOD) เทคโนโลยีช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) ไม่ต้องกลัวไหลถอยหลังเมื่อจอดค้างบนเนิน  

สิ่งอำนวยความสะดวกสบายเต็มคันกับความบันเทิงจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ BLUETOOTH^®, USB และ AUX-IN , ระบบ NISSAN CONNECT รองรับ APPLE CARPLAY^® 

สรุปหลักการ e-POWER ของ Nissan Kicks e-power ง่าย ๆ คือ

1.มอเตอร์ไฟฟ้า - หมุนล้อเพื่อขับเคลื่อน แรงสุดๆ ขับสนุก ฟีลลิ่งรถไฟฟ้า คือ ไม่ต้องรอรอบ หลังติดเบาะ 

2.แบตเตอรี่ - จ่ายไฟฟ้าไปมอเตอร์ขับเคลื่อน

3.เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร - ต่อกับเครื่องปั่นไฟฟ้าส่งไปทั้งแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า

4.ไม่ต้องไปชาร์จไฟ

5.ไม่ต้องปรับพฤติกรรมการใช้รถยนต์ให้ยุ่งยาก

6.เติมน้ำมันปกติ รองรับสูงสุด E20   

7.อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทั่วไป 20 กม./ลิตร (ขึ้นอยู่กับลักษณะของการขับขี่)

8.ดูแลง่ายไม่จุกจิก เหมือนอีโค่คาร์

Nissan Kicks e-POWER มีให้เลือก 4 รุ่นย่อย

และยังมีรุ่นพิเศษจำนวนจำกัด Sky edition ราคา 1,074000 บาท ชุดแต่งพิเศษเพิ่มเพียง 25,000 บาท 

พร้อมด้วยการรับประกันตัวรถ 5 ปี / ระบบ e-POWER 5 ปี และแบตฯ 10 ปี ฟรีแพ็คเกจเช็คระยะ 10 ครั้งตั้งแต่ 10,000 - 100,000 กม. หรือ 5 ปี แล้วแต่อย่างใดถึงก่อน / ส่วนลดอะไหล่ 10% นาน 5 ปี ฟรี บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. 5 ปี ที่เหลือก็แค่ดูแลทั่วไปเช่น ยาง ผ้าเบรก ส่วนของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เป็นต้น