ประเมินวงเงินรู้ผลใน 3 นาที

กับ กรุงศรี ออโต้ พร้อมสตาร์ท

เริ่มประเมินวงเงินพร้อมสตาร์ท
ผ่านมือถือ สแกนเลย

ดูวงเงินพร้อมสตาร์ทที่ได้รับ

x
icon-filter ค้นหารถยนต์
product filter
product filter
product filter
product filter
product filter

รวมรถยนต์เด่นในงาน Motor Show 2022

icon 31 มี.ค. 65 icon 7,535
รวมรถยนต์เด่นในงาน Motor Show 2022
ในบทความนี้เราได้รวบรวมเอารถยนต์รุ่นเด่นๆ ที่พร้อมจะเข้าไปอวดโฉมในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 หรือ Bangkok International Motor Show 2022 ที่จัดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน 2565 โดยจะเปิดให้เข้าไปภายในงานตั้งแต่เวลา 12.00-22.00 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ 1 - 3 เมืองทองธานี ซึ่งก็มีที่รถรุ่นใหม่, รุ่นไมเนอร์เชนจ์ ฯลฯ มาให้ได้เลือกสรร กันอย่างจุใจ แต่ก่อนถึงงานเรามาดูกันดีกว่าว่ามีรุ่นอะไรกันบ้าง
ส่องรถและมอเตอร์ไซค์ในงาน Motor Show 2022 | กูรูช้าง & กูรูบอม

AUDI

อาวดี้ ประเทศไทย เดินหน้าด้วยการเปิดตัว The New Audi RS 7 Sportback ที่สุดแห่งสมรรถนะจาก Racing Sport ได้แรงบันดาลใจจากสนามแข่ง ทรงพลังและแรงจัดด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 ลิตร V8 เทอร์โบชาร์จ ผลิตแรงม้าได้สูงสุด 600 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพียง 3.6 วินาที และความเร็วสูงสุด 280 กิโลเมตร/ชั่วโมง ออฟชั่นพิเศษ Dynamic Package ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานสำหรับรถที่นำเข้ามาขายในประเทศไทย พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยระยะเวลารับประกันนานถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร
The New Audi RS 7 Sportback ราคา 10,700,000 บาท

BENTLEY

เบนท์ลีย์ แบงค็อก โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด เตรียมเปิดตัว 2 อัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ไฮบริดใหม่ ในงาน มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 43ประกอบด้วย New Bentayga Hybrid อัครยนตรกรรมเอสยูวีอเนกประสงค์แบบ 5 ที่นั่ง พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ประหยัดพลังงานแบบไฮบริดวิวัฒนาการล่าสุด
 
และ Flying Spur Hybrid  อัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดานแบบ 4 ประตู ที่ได้รับการขนานนามจากสื่อสายยานยนต์ชั้นนำว่าเป็น ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานที่ดีที่สุดในโลก เป็นครั้งแรกในประเทศไทย สัมผัสประสบการณ์ใหม่ภายใต้แนวคิด The Future of Luxury Mobility, the Sustainable Journeys จากแผนแม่แบบ BEYOND100 กลยุทธ์ที่ว่าด้วยเส้นทางสู่ผู้ผลิตอัครยนตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนขององค์กรจาก เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประเทศอังกฤษ

BMW

BMW M440i xDrive Coupe รถสปอร์ตรุ่นท็อปของตระกูลซีรีส์ 4 คูเป้ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่ ที่ช่วยตอบโจทย์ด้านการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ประกบด้วยไฟหน้าเทคโนโลยี BMW Laserlight ที่ติดตั้งระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติมาด้วย ส่วนหน้าต่างทั้งสองข้าง เสริมความเนี้ยบด้วยกรอบดำวาวสะดุดตาจากชุดแต่ง BMW Individual high-gloss Shadow Line เข้ากับเส้นสายด้านข้างที่สะท้อนถึงสมรรถนะและความคล่องตัว เช่นเดียวกับอุปกรณ์เสริมสไตล์ M ที่จัดมาให้ครบชุด ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่ง M Aerodynamics, สปอยเลอร์แบบ M, ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้วในแบบ Double-spoke และเบรก M Sport พร้อมคาลิเปอร์สีแดงแบบ high-gloss
 
ด้านสมรรถนะมอบพลังแบบเต็มพิกัดจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบขนาด 2,998 ซีซี พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ส่งพละกำลังสูงสุดถึง 387 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับระบบเกียร์ 8 จังหวะแบบ Steptronic Sport เพื่อให้ตัวรถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive ก็ทำงานผสานกับช่วงล่างระบบ adaptive M เฟืองท้ายแบบ M Sport และระบบบังคับเลี้ยวแบบแปรผันตามการหมุนของพวงมาลัย (variable sport steering)

BMW M440i xDrive Coupe  รอประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้

BMW 4 xDrive20d M Sport กลับมาอีกครั้งกับคุณสมบัติและการตกแต่งแบบรอบด้านที่เตะตากว่าเคยจากกระจังหน้าไตคู่สไตล์ M ด้านหน้า จับคู่กับไฟหน้าแบบ adaptive LED และชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line ที่เติมความเข้มด้วยกรอบและซี่กระจังหน้าสีดำ ส่วนท้ายรถก็สปอร์ตไม่แพ้กันกับไฟท้าย LED ทรงสามมิติที่เข้าคู่กับกันชนดีไซน์ใหม่และปากท่อไอเสียทรงกว้าง ส่วนล้อแม็กอัลลอยใหม่สไตล์ M ขนาด 20 นิ้วแบบ Double-spoke และ ช่วงล่างแบบ adaptive พร้อมระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) ขุมพลังยังคงเปี่ยมสมรรถนะด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 1,995 ซีซีพร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo เช่นเคย ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ทำงานผสานกับระบบเกียร์ Steptronic 8 จังหวะ พร้อมส่งให้ตัวรถทะยานสู่ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 8.0 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ 213 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
BMW 4 xDrive20d M Sport ราคา 4,099,000 บาท (พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW X4 M Competition เหนือกว่า X4 M รุ่นเดิมด้วยชุดแต่ง Competition เสริมให้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ขนาด 2,993 ซีซี มอบความแรงได้ถึง 510 แรงม้า ขณะที่การเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ทำได้ในเวลาเพียง 4.0 วินาทีเท่านั้น ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ช่วยให้มีความคล่องตัวสูง ระบบเกียร์ 8 จังหวะแบบ M Steptronic พร้อมเทคโนโลยี Drivelogic ขณะที่ระบบเบรกประสิทธิภาพสูง BMW M Compound Brake ก็ชะลอและหยุดรถได้อย่างมั่นใจ พร้อมเติมมาดเข้มด้วยคาลิเปอร์สีดำขลับ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ที่เสริมด้วยชุดแต่ง BMW Individual High-Gloss Shadow Line with Extended Contents ส่วนไฟหน้า LED ตกแต่งสีดำแบบ BMW M Light Shadow Line ขณะที่ด้านท้ายรถก็โดดเด่นด้วยการออกแบบช่องทรงสี่เหลี่ยมคางหมูบริเวณป้ายทะเบียนที่กันชนท้าย พร้อมด้วยท่อไอเสีย 4 ท่อ 2 คู่ ในสีดำโครเมียม ติดตั้งประกบอยู่ทั้งสองข้างของดิฟฟิวเซอร์ สอดรับกับความดุดันในโทนสีดำที่ล้อแม็ก 21 นิ้วแบบ M light alloy ในดีไซน์ Double-spoke แบบสลับสี
BMW X4 M Competition ราคาจำหน่าย: 8,599,000 บาท (พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
BMW X5 xDrive30d M Sport รถยนต์ในตระกูล Sports Activity Vehicle รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมเทคโนโลยี mild hybrid ด้วยการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าแรงดัน 48 โวลต์ เสริมพละกำลังขึ้นมาอีก 11 แรงม้าในขณะสตาร์ทรถและเร่งความเร็ว ส่วนตัวเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 2,993 ซีซี พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ก็แรงกว่าเดิมด้วยพลังสูงสุดที่ 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรจึงทำให้การเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงรวดเร็วขึ้น เหลือเวลาเพียง 6.1 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากสมรรถนะที่สูงขึ้นแล้วยังยกระดับให้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าที่เคยด้วยการใช้ AdBlue สารพิเศษที่ช่วยลดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์ในไอเสีย โดยทำปฏิกิริยาเคมีเพื่อแตกสารดังกล่าวให้กลายเป็นไนโตรเจนและน้ำ ซึ่งล้วนไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมเครื่องยนต์ดีเซล ภายนอกโดดเด่นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics พร้อมด้วย M High-Gloss Shadow Line และ M Roof Rails High-Gloss Shadow Line ส่วนห้องโดยสารที่กว้างขวางก็เสริมกลิ่นอายความสปอร์ตด้วยพื้นผิวที่แต่งสไตล์ M ด้วยลาย Aluminium Tetragon เพดานภายในสีดำ anthracite แบบ M และพวงมาลัยหนัง M Sport ขณะที่ในด้านความสะดวกสบายก็ครบครันสำหรับทุกระยะทาง ด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน หลังคาซันรูฟ และระบบเสียงเซอร์ราวด์จาก Harman Kardon
BMW X5 xDrive30d M Sport ราคาจำหน่าย: 4,799,000 บาท (พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
 
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย มุ่งสู่อนาคตแห่งด้วยยนตรกรรมรุ่นต่างๆ เริ่มด้วย BMW 430i Convertible M Sport สร้างนิยามใหม่ให้แก่สุนทรียภาพแห่งการขับขี่ในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียมขนาดกลาง ผสมผสานทั้งความแข็งแกร่งทรงพลัง ความหรูหราอันเป็นเอกลักษณ์ และตำนานสุดยอดความสปอร์ตของบีเอ็มดับเบิลยู ในดีไซน์ที่โดดเด่นสะดุดตาจากทุกมุมมอง หลอมรวมรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยของรถสปอร์ตสองประตูและปรัชญาการดีไซน์ใหม่ที่ล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่แนวตั้งขนาดใหญ่ที่ยาวลงมาใกล้ขอบกันชนหน้า โครงสร้างเสาได้รับการออกแบบให้เพรียวยิ่งขึ้นสอดรับกับความยาวของประตูและหน้าต่างไร้ขอบ รวมถึงแนวหลังคาที่ล้วนสะท้อนถึงความสง่างามของรถยนต์ซีรีส์ 4 คันนี้ ส่วนเบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport รถคันนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo มอบสมรรถนะการขับขี่ได้เต็มพิกัด ส่งพละกำลังสูงสุด 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที ส่วนชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Sport Steptronic พร้อมช่วงล่าง M Sport ได้รับการพัฒนาใหม่ให้มอบการควบคุมที่ปราดเปรียวมากยิ่งขึ้น มาพร้อมล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-Spoke แบบสลับสี 
430i Convertible M Sport ใหม่ ราคาโดยประมาณ 4,300,000 – 4,500,000 บาท (รอประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้)
ส่วนรุ่นนี้เป็นรถที่มากับเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าของบีเอ็มดับเบิลยู โดย i4 ประกอบด้วยสองรุ่นย่อยคือ i4 M50 ใหม่ อัตราการใช้ไฟฟ้ารวม 22.5 - 18 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม / กิโลเมตร ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวบริเวณเพลาหน้าและด้านหลังของรถ ส่งพลังได้ถึง 544 แรงม้า มอบความเพลิดเพลินในการขับขี่ได้ยิ่งกว่า ทั้งยังทำระยะวิ่งได้สูงสุดถึง 521 กิโลเมตร ตามมาตรฐานทดสอบ WLTP กับ i4 eDrive40 M Sport ใหม่ อัตราการใช้ไฟฟ้ารวม 19.1 – 16.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0 กรัม/กิโลเมตร ผสมผสานมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 340 แรงม้า เข้ากับระบบขับเคลื่อนล้อหลังแบบคลาสสิก มอบระยะวิ่งสูงสุดถึง 590 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP โดยแนวคิดการออกแบบยนตรกรรมของ i4 ตอบโจทย์ทั้งในด้านการขับขี่แบบสปอร์ตและความสามารถในการทำระยะทาง ด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่ทรงประสิทธิภาพ การออกแบบเน้นน้ำหนักเบาที่เสริมสมรรถนะให้ปราดเปรียวยิ่งขึ้น และระยะทางขับขี่ที่ทำได้ไกลยิ่งกว่า โดยไม่จำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่น้ำหนักมาก ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และประสบการณ์ที่ยาวนานในการพัฒนารถยนต์ระดับพรีเมียมสไตล์สปอร์ต ทำให้มีความคล่องแคล่วปราดเปรียว ส่งพลังเร่งเครื่องได้อย่างเหนือชั้นเต็มกำลังรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง ผลลัพธ์ที่ได้คือการขับเคลื่อนที่ทำได้อย่างง่ายดายแม้ขับขี่ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย และการควบคุมที่แม่นยำ
i4 M50 ใหม่ ราคาจำหน่าย: 4,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)
i4 eDrive40 M Sport ใหม่ ราคาจำหน่าย: 4,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง)

FORD

ฟอร์ด ประเทศไทย นำทัพรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ได้แก่ ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่, ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ เผยโฉมให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรก ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 พร้อมเปิดรับจองรถฟอร์ด เจเนอเรชันใหม่ ได้ง่ายๆ ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ฟอร์ด ควบคู่กับการรับจองภายในงานมอเตอร์โชว์ และที่ผู้จำหน่ายฟอร์ดทั่วประเทศ
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ ได้รับการพัฒนาให้เป็นรถคู่ใจของลูกค้าที่สามารถไว้วางใจได้ในทุกเส้นทางของชีวิต เป็นรถที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ขบขี่ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่แบบไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิตกับครอบครัว หรือการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน ด้วยรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งและปราดเปรียว ก้าวข้ามขีดจำกัดของการออกแบบภายนอกแบบเดิมๆ ด้วยกระจังหน้าโฉมใหม่อันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และไฟหน้าใหม่รูปตัว C เสริมภาพความดุดัน สะท้อนนิยาม ‘เกิดมาแกร่ง’ อย่างชัดเจน และเป็นครั้งแรกที่ฟอร์ดมาพร้อมไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี และบันไดเหยียบข้างกระบะท้ายบริเวณด้านหลังล้อหลัง ทำให้การขึ้นกระบะท้ายสะดวกสบายยิ่งกว่าเคย  
สำหรับลูกค้าในประเทศไทย ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2 ตัวเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร หรือเทอร์โบเดี่ยว 2.0 ลิตร ทำงานคู่กับเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และตัวเลือกเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ด้วยโครงสร้างและกันชนอันแข็งแกร่ง บนฐานล้อที่มีความยาว และความกว้างเพิ่มขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร ทำให้ฟอร์ด เรนเจอร์ พร้อมพาคุณไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวัน หรือตะลุยเส้นทางสุดสมบุกสมบัน
ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ที่ผสานสมรรถนะเพื่อการผจญภัยเข้ากับความสะดวกสบายอันเหนือระดับ มาพร้อมเทคโนโลยีเพื่อผู้ขับขี่มากมาย ทำให้รถคันนี้ครบครันทั้งความพร้อมลุย หรูหรา และขับสนุกในทุกการเดินทาง ด้านระบบส่งกำลังและแรงบิด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว หรือเทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดอันทรงประสิทธิภาพ
 
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ รุ่นที่สองได้รับการออกแบบและพัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ให้เป็นที่สุดแห่งรถกระบะที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น เพื่อควบคุมการทำงานของตัวถังที่แข็งแกร่งและเหนือชั้นยิ่งขึ้น ยกระดับสมรรถนะด้านออฟโรดให้เหนือมาตรฐานสำหรับผู้หลงใหลการขับขี่ออฟโรดตัวจริง
อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ใหม่เพื่อพิชิตทุกเส้นทางออฟโรดสุดหฤโหด ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เป็นครั้งแรก มอบพละกำลังถึง 397 PS ที่ 5,650 รอบต่อนาทีและแรงบิด 583 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ปรับแต่งโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ทั้งบนทางเรียบและเส้นทางออฟโรด ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่ปรับจูนตามมาตรฐานของฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เครื่องยนต์ใหม่ของฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ จึงส่งกำลังการขับขี่ได้อย่างเต็มพิกัดทั้งบนทางกรวด ดิน โคลน และทราย  
ทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ ยังร่วมมือกับ FOX ในการผสานการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในงานด้านวิศวกรรม และการทดสอบรถในสถานการณ์จริง เพื่อปรับแต่งการทำงานของสปริงไปจนถึงการกำหนดความสูง การปรับแต่งวาล์ว และการออกแบบระดับการยืด-ยุบของโช้ค เพื่อสร้างความสมดุลที่สมบูรณ์แบบที่สุด ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ มาพร้อมระบบช่วงล่างที่ปรับแต่งใหม่ด้วยโช้คอัพ FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ซึ่งล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยใช้ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ ด้วยความสามารถในการปรับการทํางานได้แบบเรียลไทม โดยใช้เซ็นเซอร์รอบคัน ทําให้โช้คปรับค่าความหน่วงจากจุดปะทะต่างๆ ได้มากถึง 500 ครั้งต่อวินาที
ราคา Ford Next-Gen 
Ranger Raptor ราคา 1,869,000 บาท  

Everest 2.0L Turbo Sport 4x2 6AT ราคา 1,464,000 บาท
Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT ราคา  1,854,000 บาท

Ranger Double Cab Sport 2.0L Turbo HR 6MT ราคา  929,000 บาท
Ranger Double Cab Sport 2.0L Turbo HR 6AT ราคา  964,000 บาท
Ranger Double Cab Sport 2.0L Turbo 4x4 6AT ราคา  1,049,000 บาท

Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6MT ราคา  999,000 บาท
Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Turbo HR 6AT ราคา  1,049,000 บาท
Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Bi-Turbo HR 10AT ราคา 1,159,000 บาท
Ranger Double Cab Wildtrak 2.0L Bi-Turbo 4x4 10AT ราคา  1,299,000 บาท

GWM

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เชิญชวนร่วมชมและสัมผัสนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิด Leading The Future ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ด้วยทัพรถยนต์ไฟฟ้าฟ้าถึง 7 รุ่น พร้อมไฮไลท์สุดพิเศษ นำทัพโดยเอสยูวีออฟโรดสไตล์โมเดิร์นขวัญใจขาลุย TANK 300 HEV ซึ่งจะนำมาจัดแสดงในตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทย พร้อมด้วย ORA Good Cat GT เจ้าเหมียวไฟฟ้าแนวสปอร์ตที่จะมาเผยโฉมให้แฟนๆ ชาวไทยได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกภายในงานเช่นกัน และพลาดไม่ได้กับข้อเสนอสุดพิเศษและสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับลูกค้าและผู้สนใจซื้อรถยนต์เกรท วอลล์ มอเตอร์ โดยสามารถร่วมชมการถ่ายทอดสดบรรยากาศการแถลงข่าวเปิดบูธของเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ทาง Facebook หรือ YouTube หรือ TikTok : GWM Thailand ในวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565 ตั้งแต่เวลา 12.15 น. เป็นต้นไป 
 TANK 300 HEV รถยนต์ออฟโรดสไตล์โมเดิร์นที่มาพร้อมรูปทรงสง่างามและเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ภายในเมืองได้อย่างครบครัน และการผจญภัยของผู้ขับขี่ขาลุยอย่างลงตัว ซึ่งผู้บริโภคชาวไทยจะได้สัมผัสความแข็งแกร่งกันอย่างใกล้ชิดภายในงานนี้เท่านั้น
ครั้งแรกของประเทศไทยกับการเผยโฉม ORA Good Cat GT เจ้าเหมียวไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นจากแบรนด์ ORA โดดเด่นด้วยดีไซน์อันโฉบเฉี่ยวและอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ พร้อมแล้วที่จะนำมาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสกันภายในงานนี้โดยเฉพาะ 

เพลิดเพลินไปกับการเลือกชมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ พร้อมร่วมสนุกไปกับกิจกรรมต่างๆ และลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษมากมาย โดยมีน้อง Intelligent Ambassador (iAM) คอยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์และของที่ระลึกของเกรท วอลล์ มอเตอร์ และพักผ่อนหย่อนใจได้ที่ GWM Bar และ Lifestyle Lounge ที่พร้อมต้อนรับทุกท่านอย่างอบอุ่นตลอดทั้งงาน 

HYUNDAI

ฮุนได ไทยแลนด์ เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นแรก Hyundai CRETA ที่นำเข้าจากโรงงานมาตรฐานระดับโลกของฮุนได ในประเทศอินโดนีเซีย ได้รับการออกแบบกระจังหน้า Parametric Jewel Radiator Grille ที่มีเอกลักษณ์  และด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่ให้ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน หรือ Daytime Running Lights กลมกลืนไปกับแผงกระจังหน้า และจะสังเกตุเห็นได้เมื่อไฟเปิดทำงาน สะท้อนความมีนวัตกรรมของฮุนได ที่นำเทคโนโลยีมาผสานกับการใช้งานได้จริงและไม่เหมือนใคร ส่วนไฟท้ายออกแบบให้มีลักษณะเหมือนบูมเมอแรงและไฟเบรกเพิ่มความล้ำสมัย โดดเด่นและใช้งานได้จริง ล้ออัลลอยแบบ Diamond cut ขนาด 17 นิ้วให้ความรู้สึกสปอร์ต มีมิติ กลมกลืนไปกับรูปลักษณ์ทั้งหมดของตัวรถ
ส่วนภายใน ได้ถ่ายทอดความพรีเมี่ยมที่แตกต่าง บริเวณด้านหน้าแผงหน้าปัดแนวยาวเชื่อมต่อไปกับแผงด้านข้างประตูเสมือนปีกที่โค้งรับกัน ดูเข้ม และมีพลังเหมือนช่วยโอบอุ้มผู้โดยสารในห้องเคบิน บริเวณแผงด้านหน้าติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Android Auto และ Apple Car Display นอกจากนี้ เครต้ายังถูกออกแบบด้วยการใส่ใจในรายละเอียดทุกด้าน ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีความพิเศษมากขึ้น อาทิ ฝาครอบลำโพงออกแบบพิเศษ ขอบเหล็กหุ้มบริเวณหัวเกียร์ และเส้นไฟเรืองแสงภายในห้องโดยสาร และที่สำคัญพาโนรามิค ซันรูฟ ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มความหรูหรา
Hyundai CRETA มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว มอบพละกำลังสูงสุง 115 แรงที่ 6,300 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับเกียร์ IVT พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือก 4 แบบ คือ อีโค Eco, คอมฟอร์ท Comfort, สปอร์ต Sport และสมาร์ท Smart พร้อมปุ่มปรับการขับขี่เฉพาะสภาพถนนหิมะ ทรายหรือโคลน นอกจากนี้ ยังมอบความมั่นใจสูงสุดด้วยระบบความปลอดภัยอัฉริยะบนท้องถนนภายใต้ Hyundai SmartSense 
 
สำหรับโปรโมชั่นพิเศษเมื่อจองรถยนต์ Hyundai CRETA ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่งนาน 1 ปี รับประกันคุณภาพนาน 5     ปีหรือ 150,000 กม ช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีค่าแรงบำรุงรักษานาน 5 ปี และพิเศษลูกค้าเก่าฮุนไดรับส่วนลดเพิ่ม 10,000 บาท
Hyundai CRETA มีให้เลือก 2 รุ่น
  • SEL 999,000 บาท
  • SE 949,000 บาท

JEEP

Jeep (จี๊ป) กลับมาทำตลาดในไทยอีกครั้งหลัง บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับการแต่งตั้งจากกลุ่ม Stellantis ผู้ผลิตรถยนต์ระดับแนวหน้าของโลก ให้เป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายรถยนต์ Jeep อย่างเป็นทางการในประเทศไทย หลังมีพิธีลงนามที่ บ้านปาร์คนายเลิศ ถนนวิทยุ โดยได้รับเกียรติจาก อุปฑูตรักษาการแทนเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ไมเคิล ฮีธ ร่วมเป็นสักขีพยาน

 
โดยนับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการทำตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจ และเป็นอาณาเขตสำคัญ ต่อการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ เรามีความตื่นเต้น ที่ได้นำเสนอยนตรกรรมระดับตำนาน รุ่น แรงเลอร์ (Wrangler) และ กลาดิเอเตอร์ (Gladiator) เพื่อเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ และจะทำการเปิดตัวรถยนต์ Jeep อย่างเป็นทางการ ในงานบางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 นี้ 

MAZDA

เริ่มต้นปีเสือ มาสด้า ทำการส่งข่าวเป็นทางการถึงการแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ล่าสุดนั่นคือ NEW MAZDA2 ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ใหม่ LIVE LESS ORDINARY ไม่ธรรมดาในแบบที่เราเป็น โดยยังมาพร้อมขุมพลังสกายแอคทีฟคลีนดีเซลและขุมพลังสกายแอคทีฟเบนซิน กับตัวถัง 2 แบบ นั่นคือ ซีดาน 4 ประตู และแฮทช์แบค 5 ประตู ทั้งยังมีการเพิ่มอุปกรณ์ที่ดีที่สุดในคลาสกับสีใหม่ แพลตทินั่ม ควอตซ์ วางราคาจำหน่ายเท่าเดิมเริ่มต้นเพียง 546,000 บาท
NEW MAZDA2 ยังคงมาพร้อมกับดีไซน์ที่สง่างามด้วยแรงบันดาลใจในการออกแบบและการพัฒนาจากแนวคิด Kodo – Soul of Motion ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความโฉบเฉี่ยวทรงพลังราวกับมีชีวิต ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More ส่วนภายในห้องโดยสารถูกยกระดับให้มีความหรูหราพรีเมี่ยมยิ่งขึ้น
พร้อมเพิ่มออฟชั่นที่ทันสมัยและครบครันมากยิ่งขึ้น อาทิ wirless Charger โดยเฉพาะเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำที่เพียบพร้อมใน NEW MAZDA2
ราคาจำหน่าย NEW MAZDA2
Sedan 4 ปะตู 

รุ่น 1.3 E 546,000 บาท    
รุ่น 1.3 C 599,000 บาท    
รุ่น 1.3 S Leather 659,000 บาท    
รุ่น 1.3 SP 690,000 บาท    
รุ่น XDL 799,000 บาท
Hatchback 5 ประตู
รุ่น 1.3 E Sports 546,000 บาท    
รุ่น 1.3 C Sports 599,000 บาท    
รุ่น 1.3 Sports Leather 659,000 บาท    
รุ่น 1.3 SP Sports 690,000 บาท    
รุ่น XDL Sports 799,000 บาท
มาสด้าเดินหน้ากระตุ้นตลาดต่อเนื่อง ส่ง New Mazda3 เก๋งยอดนิยม ต้นแบบแห่งความสง่างามดุจงานศิลปะชิ้นเอก ยนตรกรรมที่พร้อมปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในตัวคุณให้มีชีวิต เจ้าของรางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมของโลก และ Top 3 รถยนต์ยอดเยี่ยมของโลก ชูไฮไลท์สำคัญ คือ สมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ด้วยเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร และเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยครบครันยิ่งขึ้นตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น เสริมภาพลักษณ์ความสปอร์ตหรูที่เหนือกว่ากับหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้าหนึ่งเดียวในตลาด พร้อมเติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบไม่ซ้ำใครกับสีภายนอกใหม่ บรอนซ์ แพลตทินั่ม ควอตซ์ มาพร้อมตัวถังสองรูปแบบทั้งซีดานและฟาสท์แบค ที่สะท้อนภาพลักษณ์และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ที่ลงตัว มอบความคุ้มค่าคุ้มราคาด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 979,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ กับดอกเบี้ย 1.99%1 และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 เชิญสัมผัสตัวจริงเสียงจริงได้แล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ และพร้อมส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าทันที
New Mazda3 ในครั้งนี้ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ AWAKENING YOUR SOUL เป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมี่ยมใหม่ ที่ปลุกสัญชาตญาณความสปอร์ตในแบบคุณให้มีชีวิต เติมเต็มเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในแบบที่ไม่ซ้ำใคร ด้วยดีไซน์ที่สะกดสายตาในทุกมุมมอง ดีไซน์ภายนอกที่ยังคงความสง่างาม สปอร์ตพรีเมี่ยม ภายใต้แนวคิด Kodo: Soul of Motion ที่ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการลดทอนรายละเอียดที่ไม่จำเป็นลง แต่คงไว้ซึ่งความเรียบหรู ทรงพลัง ดุจการเติมจิตวิญญาณให้ยนตรกรรมมีชีวิต ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More ที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม ในรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู ยังคงแบบอย่างการดีไซน์อันมีเอกลักษณ์เสมือนงานศิลปะชิ้นเอก โดดเด่นด้วยความสปอร์ตในทุกรายละเอียด เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ในขณะที่รุ่นซีดาน 4 ประตู ให้ความหรูหรา ปราดเปรียวอย่างมีสไตล์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความภูมิฐานสง่างามในทุกรายละเอียด พร้อมสะกดทุกสายตาให้เหลียวมองHuman Centric Philosophy เพื่อมอบความสะดวกสบายและปลอดภัยให้กับผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง
New Mazda3 ยังมอบความเร้าใจด้วยถ่ายทอดจิตวิญญาณความสปอร์ตของผู้ขับขี่ ด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่โดดเด่นของเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ให้พละกำลังสูงถึง 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 213 นิวตัน-เมตร รองรับน้ำมันได้ถึง E85 ให้การประหยัดน้ำมันสูงสุด 15.9 กม./ลิตร* และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับระบบส่งกำลังอัจฉริยะ SKYACTIV-DRIVE เกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ 6 สปีด ที่ให้การตอบสนองแม่นยำในทุกรอบความเร็ว พร้อมแมนนวลโหมด Activematic มอบความสนุกเร้าใจอีกระดับ 
ราคาจำหน่าย New Mazda3 ทั้งรุ่นฟาสท์แบค 5 ประตู และซีดาน 4 ประตู จำหน่ายในราคาเดียวกัน
รุ่น 2.0 C และ 2.0 C Sports        ราคา    979,000 บาท
รุ่น 2.0 S และ 2.0 S Sports         ราคา  1,069,000 บาท
รุ่น 2.0 SP และ 2.0 SP Sports    ราคา  1,198,000 บาท

MERCEDES-BENZ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถยนต์ระดับลักชัวรีอย่างต่อเนื่อง ด้วยทัพรถยนต์หรูแบบครบทุกเซกเมนต์ที่นำมาจัดแสดงในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 โดยภายใต้คอนเซ็ปต์ Reinvention of Tomorrow ที่สื่อความหมายถึงการนำเสนอประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคตที่ดียิ่งกว่าจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมนำเสนอไฮไลต์ที่หลายคนรอคอย นำโดย
The new Mercedes-Benz C-Class เดอะนิวเบบี้ลักชัวรีของรถยนต์รุ่นยอดนิยมตลอดกาลจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ เจเนอเรชันที่ 6 รหัส W206 คือเดอะนิวเบบี้ลักชัวรีที่มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่สุดเร้าใจ กับขุมพลังดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร พัฒนาใหม่พร้อมระบบ Mild Hybrid สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถ โดยเป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ แบบ 48V technology ทำให้ได้กำลังรวมมากถึง 200 แรงม้า และให้แรงบิด 440 นิวตันเมตร และทำความเร็วได้สูงสุด 245 ก.ม./ช.ม. พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9G-TRONIC) ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและขนาดตัวรถที่กว้างขึ้นในทุกมิติ จึงช่วยมอบความสะดวกสบายในการเดินทางมากยิ่งขึ้น ส่วนดีไซน์ภายในก้าวไปอีกขั้นกับการตกแต่งที่ถอดแบบมาจากรุ่น S-Class ทั้งหน้าจอ LCD ความละเอียดสูง การปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านหุ้มด้วยหนัง คอนโซลกลางแบบ LED จอสัมผัสแนวตั้งขนาดใหญ่ 11.9 นิ้วที่เบี่ยงเป็นมุมเฉียงมายังผู้ขับขี่เล็กน้อย ทั้งยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยและมาตรฐานของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ได้รับการยกระดับขึ้นอีกขั้น
The new Mercedes-Benz C-Class มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่
-    รุ่น C 220 d Avantgarde     
-    รุ่น C 220 d AMG Dynamic
Mercedes-AMG C 43 4MATIC Coupe Special EDITION สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์แบบที่พิเศษเหนือใครของรถยนต์สปอร์ตในแบบฉบับ Mercedes-AMG ที่เตรียมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดให้กับคุณด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์เบนซินแบบวี 6 สูบ BITURBO engine มอบพละกำลังที่แข็งแกร่งกับแรงม้าสูงสุด 390 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร มอบความเร็ว แรง และเร้าใจในชั่วพริบตาด้วยอัตราเร่งจาก 0 – 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.7 วินาที นอกจากนี้ยังเพิ่มความเร้าใจเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC ที่ทำให้การออกตัวพุ่งทะยานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ควบคุมการเข้าโค้งได้เฉียบคม ตอบโจทย์การขับขี่ทุกสภาพถนน ส่วนระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G Transmission แบบใหม่ยังมาพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหลและแม่นยำ เปิดโอกาสให้คุณรับประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างดีที่สุด ดีไซน์ภายนอกสะท้อนความเร้าใจตามแบบฉบับ AMG ได้อย่างลงตัว ส่วนดีไซน์ภายในพร้อมเปิดประสบการณ์สปอร์ตเหนือจินตนาการให้กับคุณ ผ่านการรวบรวมความสปอร์ตเหนือระดับมาให้คุณได้สัมผัสจิตวิญญาณของนักแข่งในที่เดียว 
เมอร์เซเดส-เบนซ์ มากับรถรุ่นเด่นในซับแบรนด์ ได้แก่ Mercedes-EQ, Mercedes-Maybach นำโดย The new EQS 450+ AMG Premium จาก Mercedes-EQ ซึ่งภายในงาน Motor Expo 2021 ก็ได้นำเจ้าคันนี้มาอวดโฉมไปแล้ว มันคือยานยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมทำตลาดด้วยรุ่นประกอบในประเทศไทย ถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยแพลตฟอร์มของยานยนต์ไฟฟ้าใหม่ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เรื่อยไปจนถึงดีไซน์ภายนอกและภายในที่สะท้อนเอกลักษณ์ของความเป็นยานยนต์สำหรับโลกอนาคตโดยมาพร้อมขุมพลังไฟฟ้า 100% จากมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมความจุของแบตเตอรี่ขนาด 107.8 kWh ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 568 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 6.2 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งด้วยความจุของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ทำให้รถยนต์คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุด 770 กิโลเมตร (WLTP) ต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 1 ครั้ง
The new EQS 450+ AMG Premium พร้อมเริ่มต้นจำหน่ายอย่างเป็นทางการในปีนี้
 
โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเตรียมโปรโมชันพิเศษ Mercedes-Benz Reinvention of Tomorrow Offers กับข้อเสนอที่พลาดไม่ได้สำหรับรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์หลายรุ่น และสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟมากมาย 

MINI

MINI Electric Collection Edition เสริมความโดดเด่นด้วยหลังคาเฉดสีพิเศษ กับตัวถังสีใหม่ ได้แก่ สีเทา Rooftop Grey Metallic และ สีน้ำเงิน Island Blue Metallic ให้ความสปอร์ตมากขึ้น และการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมความสนุกเร้าใจสไตล์โกคาร์ทในตำนาน และยังคงผสานประสิทธิภาพแห่งการขับขี่ โลดแล่นไปสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้นด้วยพลังงานสะอาด โดย มินิ Electric Collection Edition นี้มาให้ลูกค้าในไทยได้เป็นเจ้าของ จำนวนจำกัดเพียง 40 คันเท่านั้น 
 
เทคนิคการทำสีแบบใหม่ทำให้เกิดปรากฏการณ์การสร้างสรรค์สีของหลังคาแบบไล่โทนสี หรือ multitone roof โดยเริ่มจากการลงสีอ่อนอย่างสีฟ้า Pearly Aqua เป็นสีแรก จากนั้นจึงใช้สีน้ำเงิน San Marino Blue แต่งแต้มบริเวณด้านหน้าของหลังคาและสีดำ Jet Black ที่ด้านหลัง การไล่โทนสีในแต่ละคันอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยจากขั้นตอนการลงสีในกระบวนการผลิต
MINI Electric Collection Edition ราคา 2,459,000 บาท พร้อมแพ็คเกจ MSI standard 
MINI Cooper S Brick Lane Edition ที่ได้แนวคิดในการออกแบบมาจากผลงานสตรีทอาร์ทบนถนน Brick Lane ของลอนดอน โดยมินิรุ่นพิเศษนี้มีจำหน่ายในประเทศไทยเพียง 22 คันเท่านั้น โดยนำเอารถ MINI Hatch 3 Door รุ่นมาตรฐาน มาแต่งแต้มลวดลายแบบสตรีทไม่ว่าจะเป็นแถบลายบนฝากระโปรงหน้าและด้านข้างตัวรถ ที่ได้ไอเดียมาจากอาคารอิฐที่เรียงรายกันอยู่บนถนน Brick Lane ตัดกับหลังคาสีน้ำเงินเข้ม San Marino Blue และสปอยเลอร์สีดำ แถบลายที่ว่านี้ยังถูกนำไปเป็นส่วนประกอบของดีไซน์ในจุดอื่น อีกหลายแห่ง
MINI Cooper S Brick Lane Edition ราคา 2,899,000 บาท พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา MSI Standard
รถยนต์มินิเปิดประทุนสี่ที่นั่งรุ่นพิเศษมาพร้อมกับดีไซน์และอุปกรณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ MINI Cooper S Convertible Sidewalk Edition มอบรูปลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตาสู่ท้องถนนในตัวเมือง สีตัวถังที่สร้างสรรค์มาให้ตัดเฉดกันอย่างลงตัวและการเลือกใช้วัสดุเน้นย้ำถึงการสร้างสีสันที่สดใหม่ เสริมเอกลักษณ์ความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใครและความเพลิดเพลินอันเหนือชั้นให้กับผู้ขับขี่ รูปลักษณ์ภายนอกที่เตะตาและการตกแต่งภายในอย่างมีสไตล์ มอบที่สุดแห่งประสบการณ์การขับขี่แบบเปิดประทุนอย่างเป็นเอกลักษณ์ตามสไตล์มินิ

มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล Sidewalk Edition ใหม่ ผสานสีตัวถังในสีเหลือง Zesty Yellow เข้ากับรายละเอียดสะดุดตาของดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่ายแต่สื่อถึงความเป็นมินิกว่าที่เคย ตัวถังและกันชน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาดสองลิตร พร้อมเทคโนโลยี MINI TwinPower Turbo ส่งกำลังสูงสุด 192 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตัน-เมตร ทำความเร็วสูงสุดที่ 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถเร่งเครื่องจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.1 วินาที  
MINI Cooper S Convertible Sidewalk Edition ราคาจำหน่าย: 3,090,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)
MINI John Cooper Works Anniversary Edition เป็นการเฉลิมฉลองตำนานกว่า 60 ปีกับครอบครัว Cooper MINI โดยผลิตมาในจำนวนจำกัดเพียง 740 คันทั่วโลก และมีจำหน่ายในประเทศไทยในจำนวนจำกัดเพียง 22 คันเท่านั้น มาในสีตัวถังสีเขียว Rebel Green ตัดกับสีขาวของหลังคา มือจับประตู กระจกมองข้าง และกรอบไฟหน้า รวมถึงแถบสีขาวบริเวณฝากระโปรงหน้าพร้อมเส้นสายสีแดง อุปกรณ์อื่น ๆ บนตัวรถยังประกอบไปด้วย ล้อลาย John Cooper Works Circuit Spoke แบบสลับสี ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางรันแฟลต และสัญลักษณ์ “COOPER” แบบคลาสสิก ที่ติดอยู่บริเวณขอบประตู เสา C และแกนกลางพวงมาลัยหนังแบบสปอร์ต การตกแต่งภายนอกโดดเด่นด้วยหมายเลข 74 บริเวณฝากระโปรงและบานประตู ส่วนภายในห้องโดยสารมาในสีดำ Piano Black พร้อมเบาะหนัง Dinamica แผงหน้าปัดสะดุดตาด้วยลายเซ็นจากสมาชิกสามเจเนอเรชั่นของครอบครัว Cooper ขับเคลื่อนจากขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ควบคู่กับโครงสร้างน้ำหนักเบาและเกียร์อัตโนมัติ Steptronic Sport 8 จังหวะ ส่งกำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร โลดแล่นจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 246 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
MINI John Cooper Works Anniversary Edition ราคาจำหน่าย: 3,450,000 บาท (พร้อมโปรแกรมบำรุงรักษา MSI Standard)

MITSUBISHI

บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด มีแผนการเปิดตัว มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ใหม่ ต่อยอดความสำเร็จของการเป็นรถเอ็มพีวีที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในประเทศไทย พร้อมด้วยการเผยโฉมรถยนต์แรลลี่อาร์ตสองรุ่นใหม่ ได้แก่ มิตซูบิชิ ไทรทัน แรลลี่อาร์ต ดับเบิลแค็บ และ มิตซูบิชิ มิราจ แรลลี่อาร์ต เติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับตำนานของแรลลี่อาร์ต พบกับรถยนต์ทุกรุ่นได้ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43

SUBARU

รถยนต์สปอร์ตคูเป้เจนเนอเรชั่นใหม่ All-New Subaru BRZ สร้างเสียงฮือฮาให้สื่อต่างประเทศหลายสำนักด้วยการออกแบบใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เครื่องยนต์ขุมพลังใหม่จนถึงดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวของการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์ – เครื่องยนต์ด้านหน้า ขับเคลื่อนล้อหลัง และเทคโนโลยีที่พัฒนากว่าทศวรรษโดยวิศวกรรมมอเตอร์สปอร์ตของซูบารุ สร้างทอล์กออฟเดอะทาวน์ด้วยการได้รับโหวตให้เป็น สุดยอดสปอร์ตคูเป้ยอดนิยมแห่งปี จากหลายเวทีระดับโลก จะมาเปิดตัวให้ยลโฉมเส้นสายที่สวยงามและนวัตกรรมการออกแบบในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43

TOYOTA

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ขยับทีมีกระเทือนกันเลยทีเดียวเมื่อมีการประกาศข่าวออกมาว่ามีแผนที่จะทำการแนะนำ bZ4X ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของซีรีส์ bZ ออกสู่ตลาดภายในปีนี้ ในเบื้องต้นขนาดตัวถังจะใกล้เคียงกับ RAV4 พูดง่ายๆ คือ ใหญ่กว่า C-HR คาดการณ์ว่า สเปคเบื้องต้น จะมาแบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 265 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์จ 500 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) ยิ่งไปกว่านั้น โตโยต้า จะพยายามส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลากหลายรุ่นต่อไปในอนาคต 

 
โตโยต้า ทำการเปิดตัว All new Toyota Veloz เป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง  โดยจะมากับดีไซน์ล้ำสมัยกับห้องโดยสารกว้างขวางเทียบเท่ารถระดับ C-segment เบาะที่นั่งสามารถปรับได้ถึง 7 แบบ พร้อมตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้รถที่เป็นครอบครัว รวมถึงกลุ่มธุรกิจ SME สมัยใหม่ ในราคาที่ง่ายต่อการเป็นเจ้าของ โดยมีให้ลูกค้าเลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Premium และ รุ่น Smart 
โดย All new Toyota Veloz มาพร้อม 4 จุดขายหลัก คือ ดีไซน์ล้ำสมัยตามแนวคิดการออกแบบ Proud Active, ระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดด้วย Toyota Safety Sense, พื้นที่ภายในกว้างขวางกับรูปแบบปรับเบาะที่นั่งโดยสารถึง 7 แบบ และ การขับขี่ที่ดีเยี่ยม โดยภายนอกเป็นสไตล์พรีเมียมที่เหนือระดับสำหรับชีวิตยุคใหม่โดยด้านหน้าของ All new Toyota Veloz โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ขนาดใหญ่พร้อมไฟหน้าแบบ LED พร้อมด้วย Light Guiding กับไฟเลี้ยวแบบ Sequential และไฟตัดหมอกหน้า
ส่วนไฟท้ายแบบ LED Light  Guiding บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ ให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง พร้อมแผ่นกันใต้ท้องรถสไตล์ Crossover มีแนวเส้นขอบโครเมียมตั้งแต่ด้านหน้าตัวรถ ยาวไปจนถึงด้านหลัง ล้อและซุ้มล้อขนาดใหญ่ ให้อารมณ์แบบ SUV การออกแบบด้านหลัง ตกแต่งด้วยดีไซน์แบบเส้นยาวแนวนอน ยาวไปจนถึงชุดไฟท้ายทั้งสองฝั่งของตัวรถ ให้ความรู้สึกเฉียบคม และมีความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น
 การตกแต่งภายในที่มีความอเนกประสงค์ และกว้างขวางเป็นพิเศษจากการออกแบบที่เหนือระดับสำหรับชีวิตยุคใหม่ ทำให้ภายในกว้างขวางใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ให้ความสบายแก่ผู้โดยสารในทุกที่นั่ง ระยะห่างระหว่างที่นั่งผู้โดยสารในแถวที่หนึ่ง และแถวที่สองมีขนาดเทียบเท่ากับรถใน C-segment ในขณะที่เบาะแถวที่สองมีระยะเลื่อนได้ถึง 240 มิลลิเมตร ทั้งยังออกแบบให้จัดที่นั่งได้อย่างยืดหยุ่นถึง 7 แบบ
 All new Toyota Veloz ยังมากับ Platform ขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ ให้สัมผัสการขับขี่ที่มั่นใจและทรงพลังไม่ว่าทางจะเป็นเส้นทางขรุขระ หรือบรรทุกผู้โดยสารเต็มคันรถ ก็รู้สึกได้ถึงความสมดุล และความมั่นคงของรถ Platform และช่วงล่างใหม่ นอกจากนี้การผสานการทำงานของเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง และการเปลี่ยนระบบส่งกำลัง CVT ใหม่ ให้การขับขี่ที่ทรงพลัง และประหยัดน้ำมัน รถรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับ Toyota Safety Sense หรือ TSS ให้คุณขับรถได้อย่างมั่นใจ โดยเครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-i 1.5 ลิตร 106 แรงม้า พร้อมเกียร์ CVT ใหม่ ประหยัดน้ำมัน(17.9 กิโลเมตร/ ลิตร) ตอบสนองทันใจ แต่เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล เงียบกว่าในทุกช่วงความเร็ว พร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่ตอบสนองได้ดังใจ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า ทันสมัย และสะดวกสบายกว่า
All new Toyota Veloz ถูกแต่งเติมเพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยด้วยแผงหน้าปัด TFT ขนาด 7 นิ้ว ปรับได้ 4 รูปแบบ ระบบเครื่องเสียง หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว (เฉพาะรุ่น Premium) รองรับ Apple CarPlay  Android Auto และ Bluetooth พร้อมที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย, ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V บริเวณกล่องเก็บของ, ช่องเสียบ USB 4 จุด และที่วางแก้วน้ำมากถึง 15 จุด ที่สำคัญยังเพียบพร้อมด้วยระบบมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในรถระดับเดียวกัน ด้วย Toyota Safety Sense หรือ TSS สมรรถนะการขับขี่เหนือกว่าด้วยแพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้าใหม่ และ หยุดรถมั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมเบรกมือไฟฟ้า ส่วนมาตรฐานความปลอดภัย Toyota Safety Sense หรือ TSS มอบความมั่นใจตลอดการเดินทาง
ราคาจำหน่าย All new Toyota Veloz
- รุ่น Premium ราคา 875,000 บาท 
- รุ่น Smart ราคา 795,000 บาท 

อีกรุ่นที่ทาง Toyota เปิดตัวก็คือรถที่จะมาเสริมทัพ GR Series นั่นก็คือ C-HR HEV GR Sport ที่จะมาพร้อมกับดีไซน์ภายนอกแบบสปอร์ตกับแพ็กเกจชุด GR Sport (สเกิร์ตรอบคัน, ชุดตกแต่งกันชนหน้า, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่, ไฟตัดหมอกแบบ LED, พร้อมสัญลักษณ์ GR ที่กันชนหน้า และ GR Sport บริเวณท้ายรถ) ส่วนขุมพลังจะเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด ขนาด 1.8 ลิตร

ภายในตกแต่งด้วยสีดำ Total Look และสี Gun Metallic สปอร์ตเข้มเต็มสไตล์ GR เบาะนั่งดีไซน์พิเศษ เดินด้ายสีเทา พร้อมสัญลักษณ์ GR , พวงมาลัยหุ้มหนังแบบเจาะรูพร้อมสัญลักษณ์ GR, ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start พร้อมสัญลักษณ์ GR 
เช่นเคย C-HR HEV GR Sport ยังมากับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense และด้วยช่วงล่างปรับจูนใหม่แบบสปอร์ต ที่ผสานกับประสิทธิภาพช่วงล่างหลังอิสระแบบปีกนกคู่ ให้สมรรถนะในการขับขี่ดีเยี่ยม และขับสนุกได้มากยิ่งขึ้น  
 ราคาจำหน่าย C-HR HEV GR Sport
- HEV GR Sport ราคา    1,189,000 บาท

VOLVO

บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย (จำกัด)  เปิดตัว The All-New Volvo C40 Recharge Pure Electric ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทรง Crossover Coupe คันแรกของทาง Volvo ที่ไม่เพียงไม่เพียงออกแบบมาเพื่อการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% แต่ยังเป็นรถที่สามารถอัปเดทประสิทธิภาพและฟังก์ชันได้อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการใช้งานและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  ส่วนสมรรถนะก็จะมีรายระเอียดคร่าวๆ คือ The All-New Volvo C40 Recharge Pure Electric ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Compact Modular Architecture (CMA)ขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Dual Motor AWD ให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า พร้อมแรงบิด 660 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 ได้ในระยะเวลาเพียง 4.7 วินาที ให้ระยะทางการขับขี่มากกว่า 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง แบตเตอรี่มีระบบรองรับการชาร์จเร็ว โดยใช้เวลาการชาร์จจาก 0 - 80% เพียง 37 นาที โดยระบบการขับขี่แบบ One Pedal Drive ที่ให้การเร่ง ชะลอ และเบรกรถยนต์ทำได้ด้วยแป้นเหยียบเพียงแป้นเดียว และเริ่มขับโดยไม่ต้องกดปุ่มสตาร์ท

อีกทั้งรถคันนี้ยังได้มีการสื่อสารว่าปราศจากการใช้หนังสัตว์ ในการตกแต่งภายในจนถึงเบาะโดยสาร และพลิดเพลินกับระบบ Infotainment ของ Volvo with Google Built in* ที่ให้คุณใช้แอปจากกูเกิ้ลอย่าง Google Maps, Google Assistant ซึ่งเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่านคำว่า “Hey Google” เพื่อควบคุมแอป อย่าง Sportify รวมทั้ง Google Play หรือจะควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Volvo Cars App บนสมาร์ทโฟนของผู้ขับขี่ก็สามารถทำได้ ส่วนใครที่สนใจสัมผัสทาง Volvo ก็จะนำไปชมตัวเป็นๆ กันที่บูธภายในงาน นอกจากนี้ยังได้มีการจัดแสดงขบวนรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมสัญชาติสวีดิช สไตล์สแกนดิเนเวียนที่มาพร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมยานยนต์ชั้นสูงอีกหลากหลายรุ่น 
The All-New Volvo C40 Recharge Pure Electric ราคาจำหน่าย 2,750,000 บาท

รถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจและพร้อมไปเผยโฉมในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 หรือ Bangkok International Motor Show 2022 ยังมีอีกมาก ทีมงานจะมาอัพเดทเพิ่มเรื่อย ๆ ตลอดจนจบงานนี้ และยังมีรถยนต์อีกหลายรุ่นที่เด่นไม่แพ้กัน อย่าลืมไปเยี่ยมพร้อมสัมผัสรถคันจริงและแคมเปญโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้ครับ 
แท็กที่เกี่ยวข้อง ford ford everest audi mazda 2 mini subaru volvo hyundai land rover bentley jeep mitsubishi xpander ford ranger raptor บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ gwm toyota corolla altis gr sport BMW iX3 M Sport BMW iX xDrive50 Sport motor show 2022 The new EQS 450+ AMG Premium volvo c40 recharge BMW 430i Convertible M Sport MINI Cooper S Convertible Sidewalk Edition NEW LAND ROVER DEFENDER PLUG-IN HYBRID The New Audi RS 7 Sportback MINI Electric Collection Edition ORA Good Cat GT TANK 300 HEV C-HR HEV GR Sport All-New Subaru BRZ New Bentayga Hybrid Flying Spur Hybrid Hyundai CRETA mini Cooper S Brick Lane Edition BMW M440i xDribe Coupe BMW X4 xDrive20d M Sport The new Mercedes-Benz C-Class Mercedes-AMG C 43 Coupe Special EDITION
CAR GURU
เขียนโดย วโรดม อิ้วลันตา CAR GURU

พูดคุยกับกูรูได้ที่




เว็บไซต์นี้มีการเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับปรุง และนำเสนอเนื้อหาตรงตามความสนใจของท่าน ท่านสามารถดู Privacy Notice และ ดู Cookies Policy ของเราได้ ที่นี่ ทั้งนี้ ท่านจะยินยอมให้เราเก็บคุกกี้ทั้งหมด หรือให้เก็บแค่บางส่วนโดยการคลิกเลือก ตั้งค่า

ท่านสามารถเลือกให้ความยินยอมการเก็บคุกกี้เป็นเรื่องๆ ได้ที่นี่

เมื่อคุณเข้าชมเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น checkraka เราอาจจัดเก็บ หรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของคุณในรูปแบบของคุกกี้ และเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึง เช่น tag และ pixel (เรียกรวมกันว่า “คุกกี้”) ซึ่งมักเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้โดยตรง แต่ช่วยให้คุณใช้งานเว็บไซต์ได้ปลอดภัย และตรงตามความต้องการมากขึ้น คุณอาจไม่ยินยอมให้เราเก็บคุกกี้บางประเภทได้ โดยการคลิกตามหัวข้อข้างล่างนี้

ประเภทคุกกี้
อ่านเพิ่มเติม ที่นี่
ยินยอม / ไม่ยินยอม
คุกกี้ที่จำเป็นต้องมีเสมอ
(Strictly Necessary)
คุกกี้สำหรับการใช้งานเว็บไซต์
(Functionality)
คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและวิเคราะห์
(Performance & Analytics)
คุกกี้เพื่อการตลาด
(Marketing)