Honda City e:HEV รถยนต์แฮตแบ็ค
Full Hybrid ราคาไม่ถึงล้านบาทที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองเป็นหลัก ด้วยความคล่องตัว ขับไปในสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าซอยจะแคบแค่ไหนก็สบาย อัดแน่นความปลอดภัย
Honda Sensing ในสเต็ปเดียวกับใน
Accord Hybrid และสิ่งอำนวยความสะดวกสบายล้นคัน แถมยังมาพร้อมพลังไฮบริดสุดจิ๊ดแบบไม่รอรอบ เหยียบพุ่ง พร้อมตอบสนองอัตราเร่งได้สุดมัน และยังประหยัดน้ำมันแบบเกินคาดเฉลี่ยในเมือง 19 กม./ลิตร ต้องมีให้เห็นแน่นอน กับค่าตัว 849,000 บาท อาจดูแพงเมื่อเทียบกับขนาดตัวรถ แต่ถ้าได้ลองออปชั่นและสมรรถนะไฮบริดรับรองต้องร้อง
"ว้าว" แน่นอนครับ
มาเจาะลึกกันว่านอกจากสมรรถนะที่จัดจ้านจากเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากับแรงบิดระดับ 253 นิวตัน-เมตร เทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ขับสนุกไม่แพ้รุ่น 1.0 ลิตร เทอร์โบ แถมให้อัตราสิ้นเปลืองจากการขับขจริงในเมือง 19 - 20 กม./ลิตร และออกต่างจังหวัดที่ 23 กม./ลิตร จริง แม้จะยังทำได้ไม่ถึง 27.8 กม./ลิตร อย่างที่โรงงานเคลมเอาไว้ก็นับว่าประหยัดได้ถ้วยแล้วสำหรับรถเซ็กเมนต์นี้ครับ
จุดเด่น-ออปชั่นเต็มคัน Honda City eHEV มีจุดเด่นที่ทำให้ราคาพุ่งขึ้นไปสูงกว่ารถยนต์เบนซินในระดับเดียวกันนั่นคือ
1. e:HEV Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ระบบ Full Hybrid ที่ใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวในการขับเคลื่อนและเก็บไฟฟ้าพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขับเคลื่อนผ่านเกียร์ E-CVT โดยจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในช่วงออกตัวเป็นหลัก (เว้นต้องการกำลังมาก ๆ หรือ คิกดาวน์กับจะผสานกัน) ส่วนเครื่องยนต์จะค่อย ๆ มาเสริมกำลังในช่วงกลาง ๆ และความเร็วสูง ๆ และมีระบบชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ในขณะชะลอความเร็วและเบรกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโหมดให้เลือกขับขี่ได้อีกมากมาย เช่น เลือกระดับความหน่วงในการชาร์จไฟกลับได้ 3 ระดับ และตำแหน่งเกียร์ "B" ที่เน้นการขับขี่แบบชาร์จไฟฟ้ากลับให้มากที่สุดอีกด้วย
2. Honda Sensing หรือ ระบบความปลอดภัย
ไฮไลท์ที่น่าจะเป็นจุดขายคือ ระบบความปลอดภัยที่ใช้ในรถเซกเมนต์สูง ๆ ของฮอนด้า แต่เอามาใส่ในซิติ้ อี เอชอีวีรุ่นนี้ ประกอบด้วย
2.1 ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ (CMBS) ระบบนี้ตรวจจับได้ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และคนเดินถนน นับว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับชีวิตในเมืองที่ต้องขับไปดูโทรศัพท์ไปบ้าง (แม้จะไม่ควรทำก็ตาม) หรือต้องหยิบจับสิ่งของ โดยเฉพาะช่วยที่กำลังมองกระจกข้างเพื่อเปลี่ยนเลน หากรถคันหน้าหยุดระบบนี้ก็จะช่วยเตือน และถ้าจะไม่มีการแตะเบรกรถก็จะเบรกให้ด้วย หรือในการเดินทางไกลนาน ๆ อาจเกิดอาการเมื่อยล้าและเหมอลอยได้ (หรือจะเถียง) บางจังหวะอาจไม่ทันสังเกตุว่ารถคันหน้าลดความเร็วลง ระบบก็จะเตือนให้อีกด้วยนับว่าปลอดภัยจริง ๆ ครับ
2.2 ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน (KLAS) เป็นระบบที่กึ่งขับอัตโนมัตินั่นคือ ระบบจะเลี้ยงหรือประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน แม้จะมีทางโค้งระบบก็จะหมุนพงมาลัยตามความโค้งของถนน โดยมีข้อแม้ว่าเส้นขอบทางจะต้องชัดเจน ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัยและความเร็วไม่ต่ำกว่า 65 กม.ชม. (โดยประมาณ) หรือสังเกตุได้จากมาตรวัดรูปเส้นขอบทางจะเป็นสีขาวทึบและรูปพวงมาลัยข้าง ๆ ต้องเป็นสีเขียวครับ
2.3 ระบบเตือนและควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน (RDM with LDW) ระบบจะเตือนว่ารถกำลังเอียงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจหรือไม่เปิดไฟเลี้ยว และจะดึงกลับอัตโนมัติเมื่อรถยังเบนออกไปเรื่อย ๆ โดยจะทำงานสอดคล้องกับระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน
2.4 ระบบควบคุมความเร็วแปรผันอัตโมัติ (ACC) ระบบที่ล็อคความเร็วและสามารถปรับเปลี่ยนความเร็วรถได้ตามคันหน้า ซึ่งผู้ขับไม่ต้องค่อยเบรก เร่งหรือต้องปรับความเร็ว เรียกว่าช่วยเร่งหรือลดความเร็วตามคันหน้า และเมื่อไม่มีรถคันหน้าระบบก็จะเร่งความเร็วตามที่ตั้งเอาไว้และระบบนี้ลดความเร็วลงมาได้ถึงแค่ประมาณ 30 - 40 กม./ชม. ซึ่งหน้าเสียดายที่ยังไม่มีระบบความเร็วต่ำจนถึงจุดหยุดนิ่ง (ถ้ามีราคาอาจขยับขึ้นไปอีกก็ได้)
2.5 ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (AHB) ระบบนี้ทำงานเมื่อหมุนสวิตช์ไฟหน้าไปที่ "AUTO" โดยจะเปิดไฟสูงให้เมื่อถนนข้างหน้ามืดมาก ๆ และจะปรับเป็นไฟต่ำให้เมื่อมีรถส่วนทางมาหรือถนนเริ่มมีแสงสว่างมากขึ้น
2.6 ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง คู่หน้า ด้านข้างคู่หน้า และม่านนิรภัยด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง
3. สิ่งอำนวยความสะดวกสบายเยอะเวอร์
สั่งสตาร์เครื่องเปิดแอร์เย็นฉ่ำด้วยรีโมท นับว่าเป็นฟังก์ชั่นที่มีในซีวิคและแอคคอร์ด และรถยนต์ค่ายหรูราคา 2 ล้านขึ้นไปอีกหลายรุ่น แต่ City e:HEV ก็ใส่มาให้ด้วยครับ
นอกจากนี้ยังมีระบบที่เพิ่มความขึ้นเกียจ ช่วยลดอาการขี้ลืมอีกเพียบ เช่น ระบบกุญแจอัจฉริยะจะเมื่อเดินออกห่างตัวรถก็จะล็อคให้อัตโนมัติ และก็ใช้ระบบสัมผัสที่มือจับเพื่อปลดล็อคประตู
กล้องมองหลังแบบมีเส้นแต่ไม่เอียงตามองศาเลี้ยว และกล้องแสดงภาพมุมอับสายตาฝั่งซ้าย ช่วยให้ปลอดภัยแต่ว่าคุณภาพความคมชัดของภาพยังไม่น่าประทับใจเท่าไหร่นักครับ
ระบบเบรกมือไฟฟ้าและ Auto Brake Hold ปุ่ม ECON เน้นความประหยัดตัวเลขสวย ๆ ต้องกดปุ่มนี้อาจทำได้ถึง 28 กม./ลิตร เชียวนะครับ เกือบลืมไปว่าที่มาตรวัดก็แสดงผลสวยงามผ่านจดสี TFT ขนาด 7 นิ้ว ซึ่งในปัจจุบันก็ถูกนำไปใช้ร่วมกับ
HRV e:HEV ใหม่อีกด้วยครับ และยังมีของเล่นอีกนิดหน่อยคือ ไฟตัดหมอกหน้า LED ชุดแต่ง RS ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัต แอร์อัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์ด้านหลังแต่ปรับได้แค่ขึ้นและลง
4. ความบันเทิงเต็มระบบ เหมือนใน HRV e:HEV ระบบเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมปุ่มแบบกดได้ด้านข้างที่ช่วยให้ใช้งานสะดวก รองรับ Apple Carplay/Android Auto คำสั่งเสียง SIRI Bluetooth และ Honda CONNENCT รวมถึงมีช่อง USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่งและช่อง 12V หลัง 2 ตำแหน่ง กับลำโพง 8 ตัวเต็มคัน
Honda City eHEV รถไฮเทคที่มีเทคโนโลยีทันสมัยเกินระดับเดียวกัน แต่ก็ยังมีจุดที่ควรปรับปรุงอยู่บ้างนั่นคือ
- กระมองหลังปรับลดแสงด้วยมือ หากเป็นไปได้น่าจะปรับแสงอัตโนมัติมาด้วยเลย
- กล้องมองด้านข้างและกล้องมองขณะถอยหลังไม่คมชัด โดยเฉพาะตอนกลางคืนหรือแสงน้อยภาพจะแตกและเบลอมาก ๆ ครับ
- ไม่มีเซ็นเซอร์เตือนด้านหลัง แม้จะมีกล้อง แต่หากถอยในที่มือก็เกมส์ทันทีครับ เพราะมองไม่ค่อบชัด ต้องกะระยะเองกลายเป็นมีกล้องก็ใช้งานไม่ได้เต็มที่
- ช่วงล่างนั้นใชงานในเมืองนุ่มนวลซับแรงกระแทกดีมาก ๆ แต่เมื่อใช้ความเร็วสูง ๆ จะเริ่มมีอาการ "หวิว" ต้องใช้ความเร็วเหมาะสมมาก ๆ ในการเข้าโค้ง หรือขณะเปลี่ยนเลนมือต้อง "นิ่ง" เพื่อป้องกันรถ "ส่าย" นั่นเองครับ
- ที่วางแก้วน้ำน้อยไป หากจะวางตัวให้เป็นรถครอบครัวก็อาจจำเป็นต้องมีช่องวางของกระจุกกระจิก โดยเฉพาะที่วางแก้วหรือขวดน้ำ
- ไม่มีแผ่นสัมภาระท้าย ข้อดีคือหยิบของด้านหลังง่าย แต่ข้อเสียคือ บุคคลภายนอกมองเห็นอาจเกิดความไม่ปลอดภัยหากต้องวางสิ่งของมีค่า
Honda City eHEV รถยนต์แต่ละรุ่นมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกัน ขึ้นกับการออกแบบและความตั้งใจที่จะผลิตรถออกมาให้ใช้งานในลักษณะใด แม้จะไม่ตรงใจกับความต้องการทุกข้อ แต่ก็ต้องมีข้อที่รับได้และไม่ได้ เพื่อมาหักล้างกันให้กลายเป็นรถที่ใช้งานได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด ที่เหลือ "ต้องไปลองเอง!"