รถอเนกประสงค์ในตระกูล
CX-Series ของ
Mazda นั้นมีออกมาสู่ตลาดให้เลือกกันหลากหลายรุ่นประกอบด้วย
CX-3,
CX-5,
CX-8 และ
CX-30 แต่สำหรับ
New CX-5 รถครอสโอเวอร์ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟล้นคัน กับราคาค่าตัวที่เริ่มต้นเพียง 1.3 ล้านบาท ไปจนถึงตัวท็อปที่ราคา 1.8 ล้านบาท การที่คุณจะยอมจ่ายเงินล้านกว่าบาทเพื่อเป็นเจ้าของรถสักคัน (ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นการผ่อนก็เถอะ) ก็ควรเลือกรุ่นที่มันตรงใจ และตอบโจทย์คุณและครอบครัวได้มากที่สุดจริงมั้ย
New CX-5 นั้นจะมี 4 รุ่น ย่อยให้เลือกกัน เริ่มด้วยรุ่นล่างอย่าง
2.0 S ที่มากับราคา 1,320,000 บาท และ
2.0 SP ราคา 1,470,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 รุ่น เป็นเครื่องยนต์ SKYACTIV-G เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร ที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด ส่วน รุ่น
2.5 Turbo SP ราคา 1,830,000 บาท เป็นรุ่นที่เครื่องยนต์ทรงพลังมากที่สุด ถัดมารุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIV-D ขนาด 2.2 ลิตร กับรุ่น
2.2 XDL ราคา 1,770,000 บาท ที่ให้ทั้งความแรงและประหยัดน้ำมันมากที่สุดโดยในทุกรุ่นนั้นจะมากับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
สำหรับรุ่น
2.0 S เป็นรุ่นที่ให้ความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด ในรุ่นนี้นอกจากจะได้เครื่องยนต์เบนซินกับเกียร์อัตโนมัติ SKYACTIV-Drive ที่ถูกพัฒนาให้สามารถตอบสนองต่ออัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม โดยจะมอบพละกำลัง 165 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ที่สามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง E85 และจะประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
แถมยัง..เพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบเบรกมือไฟฟ้าระบบ Auto Hold, ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED เปิด-ปิด และปรับระดับสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ, ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Signature, เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับเบาะดันหลังไฟฟ้า, มาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อค พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่, กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ, ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
ทั้งยังได้ ช่อง USB สำหรับชาร์จไฟด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลังอีก 2 ช่อง, หน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว, ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า, ระบบCruise Control, ระบบปรับองศาไฟหน้าตามการเลี้ยวของรถ AFS และถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ขยับมาที่รุ่น
2.0 SP มีการเปลี่ยนล้ออัลลอยใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 19 นิ้ว ในรุ่นนี้มีหลังคาซันรูฟแบบไฟฟ้า และมาตรวัดความเร็วก็ยังเป็นแบบดิจิตอล พร้อมจอแสดงผลแบบสีขนาด 7 นิ้ว, ระบบบันทึกตำแหน่งสำหรับเบาะนั่งคนขับ, เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า มอบสุนทรียภาพตลอดการเดินทางด้วยระบบเสียง Bose รอบทิศทาง พร้อมลำโพง 10 ตำแหน่ง
ในรุ่นนี้มีระบบแสดงภาพ 360 องศา และเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ i-Activsense ครบครัน อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง, ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ, ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (เพิ่มเติมจากรุ่น 2.0 S)
ถัดมาเป็นรุ่น
2.2 XDL รุ่นนี้จะเป็นเครื่องยนต์คลีนดีเซล SKYACTIV-D 2.2 ที่มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น ทำให้ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งกว่าเดิมในทุกรอบความเร็ว ทำให้รุ่นนี้ได้ทั้งแรงและประหยัด โดยให้กำลังถึง 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD รวมถึงระบบวาล์วไอเสียแปรผันอัจฉริยะ VVT ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 16.1 กิโลเมตร/ลิตร และที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ขยับมาต่อกันที่รุ่น
2.5 Turbo SP เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.5 เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงถึง 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบเทอร์โบ แบบ Dynamic Pressure ระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT ให้การตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมมากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ i-ACTIV AWD ส่วนเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Skyactiv-Drive ที่พร้อมมอบความสนุกในการขับขี่ได้อย่างแท้จริง ด้านล้ออัลลอยเป็นดีไซน์พิเศษขนาด 19 นิ้ว ด้านภายใน ในส่วนของเบาะจะเป็นหนัง Nappa สีแดง Deep Red ที่ตกแต่งด้วยด้ายสีน้ำตาลเข้ม ส่วนวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารจะเป็นแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม ช่วนยพิ่มความหรูหราด้วยวัสดุตกแต่งแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าแบบสีดำเปียโน และสีเงินซาตินโครม รวมถึงวัสดุตกแต่งสวิตซ์ปรับเบาะ และที่เปิดกล่องเก็บของด้านหน้าแบบสีเงินซาตินโครม ด้านเพดานหลังคาจะเป็นสีดำ ด้านระบบระบายอากาศสำหรับเบาะคู่หน้า Seat Ventilation ที่ช่วยระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม สำหรับกระจกมองหลังก็เป็นแบบปรับลดแสงอัตโนมัติแบบไร้กรอบ และไฟอ่านแผนที่ รวมถึงไฟห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระ ทั้งหมดจะเป็นแบบ LED ทั้งยังมีไฟสร้างบรรยากาศบริเวณคอนโซลกลางแบบ Down Light, ไฟส่องสว่างบริเวณที่วางเท้าหน้า-หลัง, ไฟส่องสว่างในกล่องเก็บของด้านหน้า (เพิ่มเติมจากรุ่น XDL)
นอกจากนี้
New CX-5 ยังมีโปรโมชั่นพิเศษสุดในช่วงเปิดตัวด้วย ดอกเบี้ยต่ำสุด 0% หรือดอกเบี้ย 1.99% ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี หรือฟรี Mazda Care 3 ปี หรือโปรแกรมบำรุงรักษา ฟรีค่าแรง ค่าอะไหล่ และผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทาง
ทีนี้คุณพอจะตัดสินใจเลือก
New Mazda CX-5 กันได้หรือยัง สำหรับใครที่อ่านมาถึงจุดนี้ก็คงจะมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แต่ถ้านี่ยังไม่พอ ก็สามารถไปพบกันที่โชว์รูมของ Isuzu ทุกสาขา หรือไม่ก็ในงาน Motor Expo 2021 ก็ไปเดินสัมผัสของจริงกันได้เลย