ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ที่เพิ่มในไลน์อัพซิตี้ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น หลังเปิดตัวไปทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกยนตรกรรมฟูลไฮบริดครบทั้งซีดานและแฮทช์แบ็ก ทีมงานคาร์กูรูของเช็คราคา.คอม รับมา
ทดสอบขับแบบใช้งานทางไกลเส้นทางกรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ ปลายทางอยู่ที่สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต กับภารกิจทดสอบรถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่า YZF-R7 รุ่นใหม่ล่าสุด
การเดินทางพร้อมสัมภาระที่มากกว่าทั่วไปเพราะนอกจากกระเป๋าเดินทาง ยังมีกระเป๋าใส่อุปกรณ์ชุดขี่ที่ใหญ่และหนักกกว่ามากอีกใบนั่นหมายถึงคนเดียวต้องมีสัมภาระอย่างน้อย 2 ใบ ผู้เขียนมี 3 เพิ่มเติมกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเพื่อไปทำงานอีกชิ้น แต่นั่นยังไม่ท้าทายพลังขับเคลื่อนฟูลไฮบริดในฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี มากพอเพราะงานนี้มีผู้โดยสารนั่งไปด้วยอีก 2 คน พร้อมสัมภาระแบบเดียวกันอีก 2 ชุด รายการสัมภาระจึงมีมากถึง 7 ใบ พร้อมนั่ง 3 คน การเป็นรถแฮทช์แบ็กที่หลายคนอาจมองว่าเล็กและเหมาะกับวัยรุ่นหรือเน้นใช้งานในเมืองคล่องตัวดูจะเป็นเรื่องไม่ถูกต้องนัก เพราะอัตถประโยชน์ของรถแฮทช์แบ็กจริงๆ แล้วมากกว่ารุ่นซีดาน ครั้งนี้ก็พิสูจน์ได้ชัดเพราะจัดวางของได้ครบพร้อมคนนั่งกันแบบสบายๆ
ภายในห้องโดยสารที่ยังเหลือพื้นที่รอบตัวมาก และไม่รู้สึกอึดอัดเคล็ดลับก็เพียงพับเบาะหลังในส่วน 60 จาก 60/40 ลงราบไปกับแนวพื้นรถด้านหลังกว้างพอลงกระเป๋าใบใหญ่ตามแนวขวางและบนพื้นหลังเบาะที่พับเรียบก็วางได้อีก 2 ใบใหญ่ซ้อนกันยังเหลือช่องว่างให้เสียบกระเป๋าเดินทางขนาดย่อมแบบใส่เสื้อผ้า 3 วัน 2 คืนได้อีก 3 ใบ อย่างไรก็ตามน้ำหนักที่โหลดมากทางด้านหลัง ส่วนหนึ่งก็มีแบตเตอรี่ของระบบไฮบริดด้วยทำให้ช่วงล่างด้านหลังยุบลงมาจนสังเกตุได้ชัด ด้านหน้าจะออกอาการลอยนิดๆ ด้านการขับขี่จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการขับทางไกล
การเดินทาง 3 คนกับสัมภาระเต็มคัน ใช้เส้นทางหลักถนนมิตรภาพผ่านสระบุรี นครราชสีมา มุ่งสู่บุรีรัมย์ ช่วงแรกที่เป็นถนนในเมืองตรงสู่สระบุรี จำนวนรถบนถนนหนานแน่น การทำความเร็วจึงเป็นแบบเร่ง ผ่อนชะลอ การเติมความเร็วและเปลี่ยนเลนทำได้อย่างคล่องตัวไม่รู้สึกว่ารถหนักจนเสียกำลังเหมือนที่คาดหรือเคยเจอในรถคลาสเดียวกันที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินล้วน นับเป็นข้อดีของแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ผลักดันกำลังให้ขับเคลื่อนได้ง่ายแม้มีโหลดเพิ่ม นอกจากนี้ยังสบายมากขึ้นกับฟังก์ชัน Auto Brake Hold ที่่ช่วยเวลาต้องลดความเร็วจนจอดนิ่งไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกค้างสบายสุดๆ นับเป็นเทคโนโลยีที่จำเป็นไม่น้อยสำหรับการใช้งานในเมือง นอกจากนี้เวลาเปลี่ยนเลน ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางที่ติดตั้งมาให้แบบครบๆ ในชุดความปลอดภัย Honda Sensing ก็ทำให้มั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะการแสดงภาพมุมอัพขณะเปลี่ยนเลนขึ้นมาที่จอภาพทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว เวลาถอยก็มีกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ เรียกได้ว่าเทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วยให้
ชีวิตการขับรถสะดวกและปลอดภัยมากขึ้นจริงๆ พอถึงช่วงถนนโล่งเริ่มขยับความเร็วมากขึ้นใช้ระหว่าง 100-120 กม./ชม. แม้สมรรถนะของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนให้แรงบิดสูงถึง 253 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT จึงฉุดรถของเราที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสัมภาระและคนนั่งได้สบาย แต่ใครที่ไม่คุ้นการใช้เกียร์ซีวีทีต้องปรับความคุ้นชินไปสักพักกับการตอบสนองที่แตกต่างจากทั่วไป
การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธใช้เวลาไม่นานและไม่ยุ่งยากก็สามารถแสตนด์บายรอรับสายเรียกเข้าได้เลย การเดินทางด้วยรถที่มีเทคโนโลยีครบครันทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยทำให้การขับรถไม่เครียดเหมือนการขับรถยุคเก่า นอกจากนี้ก็ช่วยระวังเรื่องอุบัติเหตุได้ดีกว่า จุดนี้เป็นเรื่องสำคัญจริงๆ สำหรับใครที่มองหาพาหนะคันใหม่ไว้ใช้งานแบบครอบครัว จากตำแหน่งขับผู้เขียนสลับมานั่งหลังที่เบาะแบ่ง 40 จาก 60/40 พบว่าพื้นที่รอบตัวเยอะกว่าที่คิดระยะห่างระหว่างเข่ากับแนวหลังเบาะผู้ขับเหลือไว้พอสมควรเลย นอกจากนี้ยังมีช่องแอร์หลังให้ด้วยไม่ต้องกังวลว่าเจออากาศร้อนแล้วแอร์หน้าจะมาไม่ถึง โดยเฉพาะรถสไตล์แฮทช์แบ็กที่พื้นที่ห้องโดยสารทะลุไปถึงด้านหลังหมด เราไปถึงบุรีรัมย์ใช้งานรถขับภายในตัวเมืองทำภารกิจทดสอบรถจนเรียบร้อยก็เดินทางกลับด้วยสมาชิกชุดเดิม สัมภาระมากเท่าเดิมขับกันเพลินจนถึงกรุงเทพฯ โดยไม่มีอาการเมื่อยล้าหรือเบื่อหน่ายเหมือนขับรถรุ่นเก่า
รวมระยะทางทั้งหมดของทริปนี้อยู่ที่ 1077.5 กม. ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองแสดงข้อมูลที่หน้าจอ 21.6 กม./ล. ! นับเป็นความประหยัดที่โดดเด่นของรถฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี เหมาะกับผู้ที่มองหารถขนาดกำลังดี พละกำลังเยี่ยมจากระบบฟูลไฮบริด ที่มีระบบขับเคลื่อนเฉพาะตัว Sport Hybrid i-MMD อันทรงพลัง ประหยัดจริงด้วยการทำงานอันชาญฉลาดในการเลือกใช้พลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม และสะดวกสบายด้วยเทคโนโลยีทันสมัย รวมทั้งให้ความปลอดภัยเหมือนรถพรีเมียมระดับบน ด้วยราคา 849,000 บาท ได้ครอบครอง ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี RS อาจไม่ใช่ราคาที่ถูกในตลาดคลาสเดียวกัน แต่เป็นตัวเลือกเดียวที่ครบครันด้านเทคโนโลยีไฮบริดที่คุ้มค่ามากที่สุดในคลาส