ORA Good Cat รถยนต์ไฟฟ้าที่กระแสแรงมากเปิดให้จองแค่ 24 ชั่วโมง ทะลุกว่า 4 พันคัน มาพร้อมจุดเด่นที่เหนือกว่าคู่แข่งในท้องตลาดบ้านเราด้วยสเปคเทพที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร เทียบเท่ากับรถเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และทำความเร็วสูงสุดถึง 152 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มี 3 รุ่นย่อยให้เลือก แตกต่างที่ระยะทางการวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร และ 500 กิโลเมตร ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง โดยชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0% - 80%) 45 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 60 นาที สำหรับรุ่น 500 และ ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30% - 80%) 32 นาที สำหรับรุ่น 400 และ 40 นาที สำหรับรุ่น 500 ส่วนการชาร์จด้วยไฟบ้านแบบ AC 8 ชั่วโมง สำหรับรุ่น 400 และ 10 ชั่วโมงสำหรับรุ่น 500 ซึ่งออปชั่นก็ปรับเปลี่ยนตามแต่ละรุ่นและราคา มาสเปคที่เป็นจุดเด่นของ ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่นว่ามีอะไรบ้างครับ
รุ่นท็อปสุดสเปคล้นคันจุดเด่นคือ ความจุและระบบแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นไปอีกขั้นเป็นชนิดลิเธียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ชาร์จแบบเร็ว DC 60 นาที หรือ ชาร์จแบบ AC 8 ชั่วโมง ในเวลา 10 ชั่วโมง
- ไฟหน้า LED พร้อม Welcome Light
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
- กระจกมองข้างพับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ
- คอนโซลหน้าหนังกลับ
- เบาะหนังสังเคราะห์เลือกสีทูโทนได้
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบนวด จดจำตำแหน่ง Welcome Seat
- หลังคาซันรูฟสั่งการเปิด-ปิดด้วยเสียง
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 3 รูปแบบ
ความปลอดภัย
- ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนฉุกเฉิน
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหลัง
- ระบบเตือนมุมอับขณะถอยหลังพร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติ
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า 6 จุด ด้านหลัง 6 จุด
สีรถภายนอก : 7 สี ได้แก่
- ตัวรถสีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green with Hamilton White Roof)
- ตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Wisdom Brown Roof)
- ตัวรถสีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof)
- ตัวรถสีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof)
- สีฟ้า (Coral Blue)
- สีดำ (Sun Black)
- และสีขาว (Hamilton White)
สีรถภายใน : 3 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง) สำหรับทุกตัวเลือกสีรถภายนอก ยกเว้นเลือกตัวรถสีเขียวพร้อมหลังคาสีขาว (Verdant Green Hamilton White) จะได้ภายในสีเขียว/เทา (เบาะหนัง) และตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige Wisdom Brown) จะได้ภายในสีเบจ/น้ำตาล (เบาะหนัง)
รุ่น 400 คือ ใช้แบตเตอรี่ชนิดลิเธียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh มีระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร ในรุ่น 400 TECH และ 400 PRO
- ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ
- กระจกมองข้างพับไฟฟ้า
- ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- หลังคาพาโนรามิคเปิด-ปิดไฟฟ้า
- ภายในโทนสีดำ
- คอนโซลหน้าแบบหนังกลับ
- แผ่นปิดสัมภาระท้าย
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
- ที่พักแขนตอนหลัง
- USB สำหรับกล้องบันทึกภาพ
- USB ผู้โดยสารตอนหลัง 1 ตำแหน่ง
- ไล่ฝ้าห้องโดยสารอัตโนมัติ
- กระจกไฟฟ้า One Touch อัตโนมัติ 4 บาน สั่งการปิดด้วยเสียง
- Wiless Charge
- ระบบโทรออกฉุกเฉิน
ความปลอดภัย
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันและปรับความเร็วในขณะเข้าโค้ง
- กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก
- การเบรกฉุกเฉินความเร็วต่ำ***
- ระบบเตือนเสี่ยวการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
- ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน
- ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลม
- ระบบควบคุมเบรกขณะเข้าโค้ง
- ระบบเตือนเมื่อความเร็วสูงเกินกำหนด
สีรถภายนอก : 5 สี ได้แก่
- ตัวรถสีแดงพร้อมหลังคาสีดำ (Mars Red with Black Roof)
- ตัวรถสีขาวพร้อมหลังคาสีดำ (Hamilton White with Black Roof)
- สีฟ้า (Coral Blue)
- สีดำ (Sun Black)
- และ สีขาว (Hamilton White)
สีรถภายใน : 1 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง)
- ไฟหน้า LED พร้อมส่องนำทางหลังดับเครื่อง
- ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ
- Daytime Running Light
- ไฟท้าย LED พร้อมไฟตัดหมอก
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
- ล้ออัลลอยพร้อมฝาครอบ 17 นิ้ว
- ภายในโทนสีดำ
- คอนโซลหน้าหนังสังเคราะห์
- ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อม Hold Brake
- Smart Key และ Quick Start
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
- เบาะผ้า
- เบาะคนขับปรับมือ 6 ทิศทาง
- ผู้โดยสารปรับ 4 ทิศทาง
- เบาะหลังพับ 60:40
- USB ตอนหน้า 2 ตำแหน่ง
- ช่องไฟสำรอง 1 ตำแหน่ง
- ไล่ฝ้าในห้องโดยสาร
- กระจกไฟฟ้า One Touch ด้านคนขับ
- หน้าจอ Interactive Double Screen คอนโซลขนาด 17.25 นิ้ว แบ่งเป็น มาตรวัดขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอระบบมัลติมิเดียพร้อมระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว
- ลำโพง 4 ตำแหน่ง
- ปรับอากาศอัตโนมัติสั่งการด้วยเสียงพร้อมระบบกรองอากาศ PM2.5
- ระบบความบันเทิงแบบมัลติมีเดีย เพิ่มระดับเสียงตามความเร็ว
- รองรับ Bluetooth,MP5, Apple CarPlay และ Siri รองรับ Android Auto และ Google Assistant ระบบนำทาง
- ระบบค้นหาตำแหน่งรถ
- การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ
- คันเร่งอัจฉริยะเร่งและชะลอความเร็ว
- ระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ 1) มาตรฐาน 2) Sport 3) ECO 4) ECO+ 5) อัตโนมัติ
- ระบบควบคุมความเร็ว
ความปลอดภัย
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ
- ถุงลมคู่หน้า
- ระบบความคุมล้อหมุนฟรีและลื่นไถล
- ระบบช่วยออกตัวทางชัน
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง
- เซ็นเซอร์กะระยะด้านหลัง 4 จุด
สีรถภายนอก : 2 สี ได้แก่
- สีดำ (Sun Black)
- สีขาว (Hamilton White)
สีรถภายใน : 1 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะผ้า)
เทคโนโลยีพื้นฐานของ ORA Good Cat ทั้ง 3 รุ่น เรียกว่าแทบจะมีครบหมด ขาดเพียงในบางระบบที่อาจต้องขยับงบประมาณเพิ่มขึ้น หากต้องการฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบถ้วนทุกระบบก็ต้องเลือกรุ่น 500 ULTRA ส่วน 400 PRO ก็ตัดระบบความปลอดภัยที่อัจฉริยะมาก ๆ ออกไปบางส่วน และในรุ่น 400 TECH นับเป็นรุ่นเริ่มต้นที่คุ้มค่าไม่แพ้กัน เพราะได้ระบบไฮเทคหลายอย่างรวมถึงความบันเทิงที่ตอบสนองการใช้งานในยุคดิจิทัลได้อย่างหลากหลายแล้วครับ
***ราคาต้องรออัปเดตอีกครั้ง หลังวันที่ 29 ต.ค. 2564 นี้ สามารถติดตามการราคา ORA Good Cat ทุกรุ่นได้ที่เช็คราคานะครับ