เฟิร์สทไดรฟ์ HAVAL H6 Hybrid เอสยูวีที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำ
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา เกรท วอลล์ มอเตอร์ จัดทดสอบ
All New HAVAL H6 Hybrid SUV ครั้งแรกให้กับสื่อมวลชน นับเป็นการเตรียมพร้อมก่อนการเปิดราคาจริงในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ด้วยการทดสอบขับทางไกลและลองระบบช่วยเหลือที่โดดเด่นของ HAVAL H6 Hybrid ภายใต้แนวคิด
DRIVE TO A NEW xEV WORLD เส้นทางกรุงเทพฯ - ชลบุรี พร้อมเตรียมสถานีทดสอบระบบช่วยเหลือต่างๆ เสมือนการจำลองใช้งานจริงให้สื่อมวลชนได้ลองเพื่อเห็นภาพที่ชัดเจน
การทดสอบ
HAVAL H6 Hybrid เริ่มกันจากโรงแรมอวานีย่านอ่อนนุช ผู้เขียนได้ขับรถหมายเลข 16 สีซิลเวอร์ เริ่มออกตัวกันราว 10.00 น. ขับไปตามถนนสุขุมวิทช่วงสั้นๆ ได้โอกาสทำความคุ้นเคยการขับของตัวรถไปสักพักก่อนหลีกหนีการจราจรที่วุ่นวาย จึงได้ลองเรื่องออกตัวและความคล่องตัว พบว่าตอบสนองได้ดีเยี่ยม
ด้วยแรงบิดรวมสูงสุดถึง 530 นิวตันเมตรจากเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตร ไดเรคอินเจคชันผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงม้าสูงสุด 243 พีเอส ทำให้ออกได้อย่างฉับไว รู้สึกได้ถึงความกระฉับกระเฉง สามารถฉุดตัวถังขนาดใหญ่บนล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในรุ่น ULTRA ได้อย่างสบาย ส่วนการใช้เบรกช่วงความเร็วต่ำก็ให้ความรู้สึกตอบกลับที่ดีให้น้ำหนักได้ง่าย มาถึงด้านจุดขึ้นทางด่วนบูรพาวิถีก็ได้จังหวะกดคันเร่งเต็มที่และต่อเนื่องมากขึ้น ขณะขับสายสายตามองแทบไม่ต้องละไปมองหน้าจอเล็กที่เป็นมาตรวัดความเร็ว เพราะมีระบบ HUD สะท้อนข้อมูลการขับขึ้นบนกระจกบานหน้า ช่วยให้มีสมาธิกับการขับมากขึ้น นอกจากนี้ผู้เขียนพยายามรักษาระดับความเร็วไม่ไห้เกิน 120 กม./ชม. ตามที่กฎหมายกำหนด อาจมีบ้างที่เผลอผ่านระดับความเร็วที่กำหนดไปบ้างอย่างไม่รู้ตัว ส่วนหนึ่งมาจากการทำงานผสานกันของเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำได้ดีมากจริงๆ ส่วนการขับเปลี่ยนเลน นับว่าทำได้คล่องแคล่วเหมือนขับเอสยูวีขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังได้สัมผัสกับระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) รวมถึงระบบระบบเอนเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆ ส่วนหน้าจอหลักสื่อสารง่ายด้วยภาษาไทย ช่วยให้ใช้งานง่ายและสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ลองจับอาการตัวถังเวลาโดนลมข้างว่าลักษณะทรงตัวรถส่งผลมากน้อยแค่ไหน โดยรวมก็นับว่าไม่รู้สึกอะไรมากนัก อาจเป็นวันที่กระแสลมไม่แรงมากนัก หลังขับสิ้นสุดทางด่วน ก็ลงเข้าชลบุรีเลี้ยวไปถนนเลียบชายทะเลบนสะพานชลมารควิถี ผ่านเข้าพื้นที่ตัวเมืองยังรู้สึกได้ว่าเบาะนั่งสบายไม่มีอาการเมื่อยล้า
HAVAL H6 Hybrid รุ่น ULTRA ที่ผู้เขียนขับมาถึงสนามบินเล็กหนองค้อ เตรียมขับทดสอบตามสถานีต่างๆในช่วงบ่าย เพื่อทดสอบระบบช่วยเหลือต่างๆ โดยมี 5 สถานี ได้แก่
1. สถานีทดสอบอัตราการเร่งและเบรก
ซึ่งได้ลองออกตัวจากจุดหยุดนิ่งเต็มที่นับเป็นครั้งแรกที่ลองออกตัวแบบสปอร์ตจริงจังตัวรถทะยานไปข้างหน้าอย่างดุดัน มีแรงจีมากพอให้ความรู้สึกหลังติดเบาะ เมื่อถึงจุดเบรกได้ลองกดให้หยุดแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้กระแทกเพื่อหวังผลหยุดทันที ทำให้มีโอกาสรับความรู้สึกตลอดช่วงที่เพิ่มน้ำหนักการเบรกไปทีละนิดจนรถหยุดนิ่ง ซึ่งทำได้ดีมากๆ มั่นใจเลยว่าเบรกของรถสามารถแบกรับภาระน้ำหนักรถใหญ่และสูงขนาดนี้ได้อยู่จริง
2. สถานีทดสอบระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA : Auto Reversing Assistance)
นับเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการทดสอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ HAVAL H6 Hybrid โดยระบบฯ สามารถบันทึกเส้นทางภายใต้ความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ได้สูงสุด 50 เมตร เพื่อไว้ใช้ถอยหลังกลับอัตโนมัติ นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ใช่น้อย
3. สถานีทดสอบระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP Integration Auto Parking)
ด้วยกล้อง 360 องศา และเซนเซอร์อัลตร้าโซนิค ช่วยให้ HAVAL H6 Hybrid สามารถค้นหาที่จอดรถ คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอด การจอดขนานเส้นทางเดินรถ และการจอดตามแนวเฉียง จุดที่ต้องเน้นเห็นจะเป็นการเตรียมพร้อมตั้งลำรถเข้าที่จอด คือ ควรเป็นมุมที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการเข้าจอด
และเมื่อระบบฯหาที่จอดได้แล้ว กราฟฟิกในจอจะขึ้นกรอบสีเขียวเต็มหมายถึงจุดนั้นมีพื้นที่เพียงพอต่อการเข้าจอดไม่ว่าจะเป็นแบบขนาน เข้าซอง หรือแบบก้างปลาก็ตาม หน้าที่คือกดยืนยันให้ระบบทำงาน จากนั้นก็เข้าสู่การเข้าจอดอัตโนมัติพวงมาลัยจะหมุนเอง รถถอยหลังเองทุกอย่างง่ายและรวดเร็ว นับเป็นระบบช่วยที่เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองมากๆ
4. สถานีทดสอบระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถหรือวัตถุเข้ามาในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA+RCTB Rear Cross Traffic Alert and Rear Cross Traffic Breaking)
ระบบจะช่วยทำการแจ้งเตือนในขณะถอยรถ โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่เข้าใกล้บริเวณด้านหลังรถ และด้านซ้าย-ขวา และเมื่อตรวจพบความผิดปกติระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนและเบรคให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชน
5. สถานีทดสอบระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC : Adaptive Cruise Control)
ทดสอบการใช้งานกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วให้อยู่ในค่าที่ตั้งไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า โดยรักษาระยะห่างกับรถคันข้างหน้าตามระยะใกล้-ไกลที่เราปรับตั้งไว้อยู่ตลอด ซึ่งระบบนี้อาจคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วเพราะรถรุ่นใหม่ๆ มักมีฟังก์ชันนี้ให้ใช้กันมากขึ้น
แต่ที่ชอบของใน HAVAL H6 Hybrid ก็คือ ครูซคอนโทรลทำเป็นก้านแยกออกมาจากพวงมาลัยปรับตั้งง่าย เพิ่มค่าความเร็วก็ง่ายเช่นกัน สำหรับการขับทดสอบ
HAVAL H6 Hybrid ครั้งแรกในประเทศไทย แม้ระยะทางไม่ไกลมาก และยังไม่ได้ลองเส้นทางชันขึ้น-ลงเขา แต่ก็รู้สึกประทับใจในสมรรถนะและเทคโนโลยีจริงๆ นับว่าเกิดคาดในหลายๆด้านกับที่คิดไว้
ด้วยราคาเริ่มต้น 1,149,000 บาท กับรุ่น PRO และ 1,249,000 บาท แบบจัดเต็มครบทุกฟังก์ชันกับรุ่น ULTRA ต่างกันแสนเดียว การเลือกอาจไม่ใช่ราคา แต่อยู่ที่ว่าใช้พอแค่รุ่นไหน ถ้า PRO ก็แฮปปี้แล้วก็เสมือนเหลือแสนไว้ช่วยซับดาวน์ สำหรับ
การรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside Assist) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทางนานถึง 8 ปีเต็ม