รีวิว Toyota Hilux Revo Z Edition (Razer Package) ... หน้าหล่อแต่งซิ่ง กระบะตัวจริงที่ใครก็มอง
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ ได้ปรับปรุงรุ่นธรรมดาใหม่ตั้งแต่ปี 2562 เพื่อสร้างความโดดเด่นให้มากขึ้น ทั้งในรุ่นสมาร์ทแค็บและดับเบิ้ลแค็บ ภายใต้เวอร์ชันใหม่ Toyota Hilux Revo Z Edition (แซดอิดิชั่น) โดย Z มาจากแนวทางในการแต่งรถ ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโดดเด่น เร้าใจ ด้วยกันชนและกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว พร้อมเพิ่มทัศนวิสัยและความปลอดภัยในการขับด้วยไฟตัดหมอกหน้า แต่ยังคงไว้ซึ่งความแรงและประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม ให้ความคุ้มค่าในทุกรูปแบบของการใช้งาน และแน่นอนแต่งสนุก ซิ่งได้มันส์ !
ทีมงานคาร์กูรู ไทยแลนด์ โดย เช็คราคา.คอม นำรุ่น
Double Cab Z Edition 4x2 2.4 Mid มาแนะนำ พร้อมหลากหลายมุมมองจากการขับทดสอบ กับการเป็นตัวท็อปของสายซิ่งเกียร์แมนนวล ที่หน้าหล่อจากโรงงาน เสริมด้วยแพคเกจสปอร์ตโดนใจอย่าง
Razer ที่โตโยต้าวางเป็นออปชั่นทางเลือกเพิ่มให้ โดยคันที่นำมาได้ติดตั้งล้อแม็กจากเลนโซ่ พร้อมยางหน้ากว้าง 255/50/18 เพื่อขับความเป็นกระบะตัวซิ่งให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เท่านั้นยังไม่พอมีการเพิ่มดีกรีความร้อนแรงให้กับขุมพลังเข้าไปอีกด้วยการใช้
ชุดกล่อง Ultra Boost จาก ECU SHOP ที่มีโหมดความแรงให้เลือกปรับได้เองตามความชอบ งานนี้ฝูงม้าลงพื้นเกิน 150 ตัว สเปคโรงงานแน่นอน แม้ไม่ได้ขึ้นเครื่องวัดแรงม้าที่ล้อก็ตาม แต่กล่องรุ่นนี้ก็ได้ผ่านการทดสอบและวัดแรงม้ามาเรียบร้อยแล้ว เคลมไว้สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร ในรีโว่ว่า เพิ่มอีก 30 ตัว ทั้งหมดสามารถเลือกสั่งติดตั้งเพิ่มได้ก่อนรับรถ ง่ายๆ คือ หล่อ แรง ซิ่ง ได้ทันทีตั้งแต่ล้อหมุนออกจากโชว์รูม
ตัวถังภายนอกมีการปรับเปลี่ยนที่ชัดเจนคือ โป่งล้อทั้งหน้าหลังที่กว้างขึ้นให้ลุคเหมือน รีโว่ ไวด์บอดี้ ดูดันพร้อมรับกับล้อ-ยางหน้ากว้าง สำหรับคันนี้ที่มีการติดตั้ง RAZER PACKAGE เพิ่มทำให้ตัวรถดูสปอร์ตและเต็มรอบด้านมากขึ้นด้วยสเกิร์ตรอบคัน และมีลวดลายสติ๊กเกอร์คาดหน้าหลังและข้างครบ แน่นอนว่าดูซิ่งแตกต่างจากความเป็นสแตนดาร์ดทันที เมื่อมีโป่งขนาดใหญ่แล้วก็ต้องจัดชุดล้อกับยางหน้ากว้างมาเข้ากับรถ คันนี้ได้ชุดล้อเลนโซ่รุ่นพิมพ์นิยมของรถกระบะ โชว์ออฟเซ็ตลึกดุดัน ตัวล้อเป็นสีดำตัดกับตัวถังสีเงินได้เป็นอย่างดี ยางที่ใช้ก็เข้าชุดมากับล้อเลนโซ่เป็นยางหน้ากว้างขนาด 255/50 - 18 เท่ากันทั้งหน้า-หลัง โชว์ลายดอกยางสปอร์ตสุดๆ ให้ความนุ่มนวลและยึดเกาะดีทีเดียวด้วยค่าเทรดแวร์ต่ำไม่ถึง 200
ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย วัสดุหุ้มเบาะเป็นผ้าสีดำคลุมโทนดำทั้งหมด เสริมความดุ คอนโซล แผงหน้าปัด เรือนไมล์ยังคงเป็นรูปแบบเดิมของ ไฮลักซ์ รีโว่ แต่รุ่นนี้นับเป็นตัวท็อปได้เรือนไมล์แบบ Optitron และมีจอแสดงข้อมูลการขับ - MID พร้อมบอกค่าต่างๆ เป็นภาษาไทย พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันครอบคลุมการใช้งานได้ครบถ้วน โดยเฉพาะการโทรเข้าออกจากสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับหน้าจอเฮดยูนิตขนาด 8 นิ้ว พร้อมให้การสัมผัสที่ดีจากวัสดุหนังที่หุ้มเดินด้ายเย็บปราณีตไม่ได้ถูกลดทอนลงแต่อย่างใด เช่นเดียวกับหัวเกียร์ก็หุ้มหนังเช่นกัน ช่องเก็บของด้านซ้ายบนยังเป็น COOL BOX ไว้ใช้เก็บของที่ต้องการรักษาความเย็น และสะดวกโดนใจกับที่วางแก้วหรือกระบอกน้ำใต้ช่องแอร์ซ้ายขวา โดยรวมนับว่าครบถ้วนที่เพิ่มเติมทันสมัยก็คือ การเชื่อมต่อของระบบแอนดรอยด์ ออโต้ กับแอบเปิ้ล คาร์เพลย์ ทำให้ใช้งานแอปพลิเคชั่นจำเป็นจากสมาร์ทโฟนผ่านจอได้เลย เช่น กูเกิ้ลแมพ ซึ่งเป็นแอปฯ จำเป็นต่อการเดินทาง อย่างไรก็ตามที่ขาดหายไปอย่างน่าเสียดายคือ กล้องมองหลังเวลาถอย หรืออย่างน้อยก็น่ามีเซนเซอร์ถอยให้มา แต่ก็สามารถติดเพิ่มเติมภายหลังได้ไม่ยาก สุดท้าย T connect เหมือนไฮไลท์เด็ดที่กลบเรื่องกล้องหลังที่ขาดหายไป
ที-คอนเน็คท์ ระบบเชื่อมการขับเคลื่อนแห่งอนาคต ตัวแอปพลิเคชันเชื่อมโยงเรากับรถ เพื่อรองรับการใช้งานที่เชื่อมโยงได้หลากหลายด้วยฟังก์ชันต่างๆ ให้ความสบายใจ ปลอดภัยไร้กังวลในทุกสถานการณ์ เช่น
- FIND MY CAR [ค้นหาตำแหน่งรถ] เช็คตำแหน่งรถแบบเรียลไทม์ได้ทุกเวลา หมดปัญหาจำที่จอดไม่ได้หรือหารถไม่เจอ
- SOS [ช่วยเหลือฉุกเฉิน] ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง*อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบางกรณี
- VEHICLE INFORMATION [ข้อมูลรถและการขับขี่] แสดงสถานะรถยนต์ ข้อมูลการขับขี่ สรุปทริปการเดินทางที่แชร์ลงในโซเชียลมีเดียได้ พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้าเมื่อใกล้ถึงเวลาต่อทะเบียน
- CONCIERGE SERVICES [บริการผู้ช่วยส่วนตัว] บริการผู้ช่วยส่วนตัว ให้คุณสามารถโทรขอเส้นทางพร้อมบริการจองโต๊ะ ร้านอาหาร และอีกมากมายที่จะมีเพิ่มขึ้นในอนาคต
จากการขับทดสอบระยะทางรวมไม่ต่ำกว่า 500 กม. เน้นทั้งในและนอกเมือง พอสรุปความแตกต่างจากที่ผู้เขียนเคยขับไฮลักซ์ รีโว่ มาหลายทริปทั้งทางไกลระดับ AEC 3 ประเทศ และ
ทริปโหดอย่าง กรุงเทพฯ-เวนิช เส้นทางช่วงประเทศ จีน-อุซเบกิสถาน หรือในประเทศ ซึ่งผ่านการพิสูจน์และมั่นใจในสมรรถนะตัวรถ ตลอดจนขุมพลังมาเป็นอย่างดี สำหรับ Z edition ที่เป็นขับสอง ความสูงปกติ แนวคิดคือ ใช้งานได้หลากหลายดีเหมือนเดิม แต่สามารถนำไปตกแต่งสไตล์เรซซิ่ง ตอบโจทย์สายกระบะเฟอร์ฟอร์มานซ์ที่กำลังนิยมและมีของเล่นในตลาดมากมายได้ด้วย ผู้เขียนได้รับข้อมูลเบื้องต้นจากทีมงานโตโยต้าว่า รถรุ่นนี้
Double Cab Z Edition 4x2 2.4 Mid เกียร์แมนนวล 6 สปีด นอกจากภายนอกที่ต่างจากเดิมทีคุ้นเคยคือ ตัวถังกว้าง และมีชุดแต่ง RAZER แล้ว ได้มีการปรับเรื่องของช่วงล่างด้านหลังเฉพาะรุ่น 4 ประตู ตัวแหนบมี 3 แผ่น เน้นให้นั่งสบายมากขึ้น ที่พิเศษคือ เฉพาะคันทดสอบได้ติดตั้ง
กล่อง Ultra Boost จากทาง ECU SHOP และชุดล้อแม็กจากเลนโซ่เป็นยางแก้มเตี้ย เน้นฟิลสปอร์ตเต็มๆ
เริ่มต้นจากการขับในเมือง และกลับมาทำความคุ้นชินกับเกียร์แมนนวล 6 สปีด อย่างแรกเลย ระบบเกียร์ของโตโยต้าใช้งานง่าย มีโหมดให้เลือกทั้ง ECO และ SPORT ต่างจากแบรนด์อื่นในตลาดเดียวกัน ลำบากก็แค่เกียร์ถอยหลังที่ตำแหน่งเหมือนเกียร์ 1 แต่ต้องกดลงไป จริงๆ อยากให้เป็นแบบใช้นิ้วดึงแหวนรอบคันเกียร์จะสะดวกกว่า ความต่างที่บอกให้รู้ว่าเข้าเกียร์ R แล้วคือ เสียงบิ๊บ ... อยากให้มีไฟบอกตำแหน่งเกียร์ด้วย
จริงๆ หลายคนบอกเกียร์แมนนวลทำไมต้องมีบอกเข้าเกียร์ก็รู้อยู่ ด้วยความที่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบมักมีแรงบิดให้ใช้งานตั้งแต่รอบต่ำ บางครั้งเกียร์สูงรอบต่ำก็ยังไปได้ การมีไฟบอกตำแหน่งก็เตือยให้ผู้ขับที่เพลินๆ ไม่หลงลืมใช้เกียร์ให้สัมพันธ์กับความเร็ว การขับในเมืองที่เน้น ความเร็วต่ำ - ปานกลาง และมีชะลอ เบา เบรก บ่อยครั้ง ทำให้ต้องเปลี่ยนเกียร์บ่อยตามไปด้วย อย่างไรก็ตามระบบเกียร์ของเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร GD เจนฯ 2 ให้แรงบิดที่ดีตั้งแต่รอบต่ำและเกียร์ก็ออกแบบมาดี เกียร์ 1 ยังใช้งานได้ยาวกว่าทั่วไป แต่ผู้เขียนก็ลองออกตัวเกียร์ 2 ในเมืองประจำเพราะทำให้การไล่เกียร์สมูธง่ายและต่อเนื่อง ที่ประทับใจคือ อัตราเร่งแซงทันใจและเร้าใจ แค่อยู่โหมดธรรมดา และกล่อง Ultra Boost ปรับเป็นค่ากล่องเดิมที่ตำแหน่ง 0 แต่อยากแนะนำถ้าใครสนใจซื้อ Z edition และวิ่งในเมืองบ่อยควรเลือกเกียร์ออโต้ดีกว่า แม้จะขาดฟิลลิ่งการสับ โขก ยัด แบบสายซิ่งไป แต่แลกกับความสบายกับเงินที่เพิ่มอีก 40,000 บาท เวลาผ่อนจริงก็เพิ่มค่างวดไม่มาก เว้นแต่คุณเป็นสายซิ่งเต็มตัว ชอบการควบคุมรอบเกียร์ด้วยตัวเอง และมักวิ่งชานเมือง ถนนโล่ง กดกันยาวๆ อันนี้จัดแมนนวลให้สะใจกันไปเลย
ผู้เขียนขับมาลองถนนรอบนอกอย่างทางหลวง 345 พร้อมกับปรับค่ากล่อง Ultra boost ใหม่ ด้วยการตั้งค่าผ่านแอปฯ จากสมาร์ทโฟนที่ดาวโหลดไว้ จริงๆ สามารถเปลี่ยนโหมดความแรงที่ตัวปรับภายในรถได้เลย 0-1-2 ตามสเตป จากเดิมไปแรงสุด แต่ถ้าปรับผ่านแอปฯ จะสามารถเลือกโหมด A ซึ่งเป็นโหมดออโตหรือคล้าย Ai ที่ปรับโหมดแบบแปรผันตามการขับ ถ้าช้าความเร็วต่ำ เดินคันเร่งแบบเรื่อยๆ ก็มักเป็นค่ากล่องเดิม จนกว่าเราจะใช้ความเร็วเพิ่มทันทีทันใด หรือกดยาว กล่องก็จะคำนวนโหมดให้อย่างเหมะสม ซึ่งดีกว่าไม่ต้องมานั่งปรับคืนไปมา อัตราเร่งบอกได้เลยว่า เร่งได้ติดเท้ามาก คือ ตอบสนองได้ตามคันเร่งและรอบจริงๆ เป็นความแรงที่หารถสแตนดาร์ดโรงงานทั่วไปมาทาบได้ยาก ส่วนตัวนับว่าขับสนุกจริงๆ การได้ขับบนถนนเปิดโล่งคือ การได้ปลดปล่อยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมของ Z edtion คันนี้ การบังคับเปลี่ยนเลนทำได้อย่างมั่นใจ ยิ่งรุ่นตัวถัง 4 ประตู น้ำหนักเฉลี่ยหน้า-หลังดีกว่าด้วย การชะลอเบรกได้ความรู้สึกหน่วงนุ่มนวลและคุมง่าย
อย่างที่เกริ่นมาก่อนว่า ผู้ขับมีประสบการณ์กับ ไฮลักซ์ รีโว่ มาหลายทริปผ่านร้อนหนาวจริงๆ กันมาแล้วทั้งขับที่ อุณหภูมิภายนอก 50 องศาเซลเซียส หรือ 0 องศา จึงมั่นใจในคุณภาพตัวรถ สำหรับคันนี้่โฟกัสไปที่ความสนุกของการขับและนำมาแต่งหล่อสไตล์เรซซิ่งก็นับว่าทำได้สบาย พื้นฐานดีอยู่แล้ว ต่อยอดได้ตามความชอบและงบประมาณ เชื่อว่ากระบะที่ทั้งหล่อและแรงจริง ขับไปไหนใครก็มอง
ด้วยค่าตัว
763,000 บาท แลกกับกระบะคุณภาพจากโตโยต้ารุ่น Z edition
Double Cab Z Edition 4x2 2.4 Mid ตัวท็อปของรุ่น 4 ประตู เกียร์แมนนวล จัดว่าครบถ้วนคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานของผู้ที่ชื่นชอบรถกระบะทรงพลัง สามารถควบคุมการขับได้ดั่งใจตนมากขึ้นกับเกียร์แมนนวล และชื่นชอบการแต่งรถด้วยรถกระบะพื้นฐานดี เพื่อการตกแต่งทั้งด้านความสวยงามและสมรรถนะ ทั้งยังมั่นใจได้เต็มเปี่ยมในเรื่องการบริการหลังการขาย ความแพร่หลายของอะไหล่ ความประหยัด เอาเป็นว่า
ถ้าอยากได้กระบะลุคสปอร์ต หน้าหล่อพร้อมซิ่ง แต่งได้สนุก และแรงไม่ยาก นี่คือตัวเลือกที่โดนสุดๆ แล้ว