รีวิว นิสสัน นาวาร่า DC 4wd VL 7AT กระบะฟิลลิ่งเก๋ง ขุมพลังดีเซล 2.3 เทอร์โบคู่ ที่อย่าดูแต่ภายนอก
ได้เวลามาลองขับกันอย่างจริงจัง กับรถกระบะที่มาพร้อมสโลแกน กล้าเพื่อคนแกร่ง
นิสสัน นาวารา ปี2021 ที่เปิดตัวพร้อมกันทั้งหมด 3 รุ่น
King Cap ,
Double Cab VL ,และ
Double Cab PRO-4X กับ
Double Cab PRO-2X และทริปพิเศษนี้ นิสสัน เลยขอเชิญสื่อมวลชนหลายค่ายมาร่วมสัมผัสกับสุดยอดขุมพลังใหม่ ปักพิกัดกันที่ จ.กาญจนบุรี
ช่วงเช้าก่อนเดินทางเหล่าสื่อมวลชนกรุ๊ปเล็กๆ มาตามนัด เพื่อที่จะออกไปทดสอบสมรรถนะรถกระบะกันอย่างจริงจัง ทีมงาน
เช็คราคา.คอม ได้ควบรถยนต์
นิสสัน นาวารา DC 4wd VL 7AT มาเป็นพาหนะคู่หูในการเดินทางวันนี้ แม้ดีไซน์ภาพนอกอาจไม่หล่อเท่า PRO4X แต่ของติดรถที่ให้มาก็ไม่น้อยทั้ง บันไดข้างขึ้นลงง่าย (รถไม่สูงไปผู้หญิงขึ้นลงสบาย) ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ดีไซน์ภายนอกเรียกว่าออกแบบ
กระจังหน้า แบบ "Interlock" ใหม่ และไฟหน้าแอลอีดี 4 ดวงคุณภาพสูงรูปทรงสี่เหลี่ยม (Ice-Cube) พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน หรือ Daytime Running Lights เสริมด้วยไฟท้ายแอลอีดีแบบชิ้นเดียว ที่ทำให้ได้ลุคดุดัน บึกบึนขึ้น
นอกจากนี้ นิสสัน นาวารา ยังพร้อมบรรทุกสัมภาระหนัก ด้วยโมโนเฟรมแชสซี ที่ทำจากเหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดคันแบบ Fully-Boxed Frame กันชนท้ายมีการออกแบบใหม่แบบ 2 - Step ขึ้นลงสะดวก แถมฝาท้ายก็ออกแบบใหม่แบบช่วยผ่อนแรง (ในรุ่น Double Cab) ให้มีน้ำหนักที่เบาขึ้น เรียกว่ารอบคันปรับใหม่หมด ให้เหมาะกับการใช้งานทั้งในและนอกเมืองได้สบายๆ
ในส่วนภายในเปิดประตูเข้ามาก็ต้องว้าวววว เพราะสิ่งที่สะดุดตาคือลายเบาะหนังที่แอบคิดในใจว่าเราจะมาขับกระบะจริงๆ หรือเนี่ย เพราะดูหรูหรา แปลกตากว่าที่เคยเห็นในกระบะรุ่นอื่นๆ เบาะเป็นหนังอย่างดี แถมเบาะคู่หน้ายังออกแบบด้วยนวัตกรรม Zero Gravity ทำให้สามารถรองรับกับแนวกระดูกสันหลัง ตามหลักสรีรศาสตร์ รวมถึงยังเพิ่มความสะดวกด้วยที่วางแขนและแก้วน้ำด้านหลังอีกด้วย
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกหรือระบบเอ็นเตอร์เทรน นิสสัน นาวาราก็ไม่น้อยหน้า เพราะให้มากับหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน (ผ่านระบบ Apple CarPlay และ Android Auto*) ผ่าน NissanConnect ที่มีทั้งระบบสื่อสาร ระบบนำทาง และระบบเครื่องเสียง หรือผ่านระบบจดจำและสั่งการด้วยเสียง (Voice Recognition system) ได้ รวมถึงยังเพิ่มเติมความปลอดภัยให้อุ่นใจตลอดการเดินทาง ผ่านบริการ Connected Car Services ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ TCU (Telematics Control Unit) ที่ติดตั้งภายในรถยนต์ และฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ อาทิ การแสดงพิกัดรถยนต์ สถานะรถยนต์ การช่วยเหลือฉุกเฉิน รวมถึงยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์ไฟฟ้าผ่าน USB Port (Type C) ในแผงควบคุมด้านหน้าได้อีกด้วย
พร้อมแล้วกดปุ่ม Engine สตาร์ทและออกเดินทางกัน การขับขี่ทริปนี้เป็นแบบ ฟรีรัน ทางทีมปักพิกัดไปที่ไร่สวยๆ แห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้การเชื่อมต่อ ios เข้ากับหน้าจอของรถ เพื่อให้สามารถดูแผนที่ Goolgle Map ได้ที่หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ได้ชัดๆ ไม้แรกลองเป็นผู้นั่งที่ดี สังเกตุการณ์สัมผัสความนิ่มนวลของช่วงล่าง
นิสสัน นาวารา DC 4wd VL 7AT รุ่นท๊อปที่จัดเต็มมาทุกระบบ และไม่มีการเซทใดๆ เรียกง่ายๆ ว่ามาจากโรงงานใหม่ๆ ป้ายแดงที่ยังมีกระเด้งกระดอน ตามสไลต์กระบะที่มีตับแหนบแข็งกระด้างบ้าง แต่ให้ความนิ่มนวลกว่ารุ่นเดิม และที่สัมผัสได้ชัดเจนคือห้องโดยสารที่เงียบ เสียงเครื่องยนต์แทบจะไม่ค่อยได้ยิน เพราะด้วยการบุวัสดุภายในห้องโดยสารที่ทำให้เก็บเสียงได้ดีเยี่ยม ที่นั่งด้านหลังกว้างขวาง นั่งสบาย มีระบบปรับอากาศเย็นฉ่ำแยก ถือว่าเป็นกระบะที่ใช้งานได้ทั้งครอบครัวเลยจริงๆ
ในเส้นทางที่ได้ทดลองขับ จะมีทั้งทาง On Road และ Off Road ให้ได้กินฝุ่นบ้าง แต่ก็ทำให้ได้สัมผัสกับสมรรถนะของ
นิสสัน นาวารา ได้เต็มที่....ผลัดเปลี่ยนมือปรับมายังตำแหน่งผู้ขับ สิ่งแรกที่รู้สึกคือพวงมาลัย ที่เบาเล็ก กระชับมือ ไม่หนัก เหมือนขับเก๋ง แต่ด้วยทีมงานเราเตี้ย ความสูง 155 ลองปรับเบาะอัตโนมัติในที่นั่งผู้ขับ ด้วยรถที่มีการปรับองศามาแล้ว จากที่เคยต้องเลื่อนปรับให้สูงเพื่อให้มุมมองหน้ารถชัดขึ้น แต่อาจจะเพราะความเคยชินลองเลื่อนปรับจนสุด นี่สุดแล้วหรอ แอบคิดในใจ แต่ทว่ามุมมองก็ยังเห็นชัดเจน ไม่บดบังเกินไป (แค่หนูไม่ชินเท่านั้นเอง) แต่กระจกมองหลังตัดแสงให้ด้วยนะ
มาในเรื่องความแรงต้องบอกว่าอัตราเร่งช่วงตีนต้นเข้าเกียร์นึกว่าจะอืดแต่กลับออกตัวได้ฉับไว จังหวะเร่งเครื่องหรือ Kick Down เปลี่ยนเกียร์สมูทลื่น ช่วงเร่งแซงเรียกกำลังออกมาไม่ต้องเค้นมาก ถ้าเทียบกับรุ่นก่อน ตีนปลายไหลมาเรื่อยๆ แตะเพลินๆ ก็เผลอไป 120 ได้สบายๆ
สิ่งที่ทำให้
นิสสัน นาวาร่า DC 4wd VL 7AT ดูน่าสนใจนั่นคือ เทคโนโลยีความปลอดภัยของนิสสัน อินเทลลิเจ้นท์ โมบิลิตี้ ที่ทำให้การขับขี่กระบะครั้งนี้สนุกและหมดกังวล เช่นมีเสียงเตือนขณะออกนอกเลน มี
กล้องมองภาพขณะถอย 360 องศา มีรุ่น Double Cab VL ที่เราได้ทดลองขับยังมาพร้อม
เทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ 4x4 (4WD) ที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งานให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนจากการขับขี่แบบสองล้อ หรือ Two-wheel drive (2H) เป็น
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ Four-wheel drive ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง
พร้อมฟังก์ชัน shift-on-the-fly ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ (จาก 2H เป็น 4H)
ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ที่จะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวได้แม้ในที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H ระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า Electronic Rear Locking รวมถึงเทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้รถไหลขณะออกตัว และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ที่จะคอยควบคุม ช่วยป้องกันไม่ให้รถไถล โดยใช้กำลังเครื่องยนต์ช่วยหน่วงความเร็วโดยไม่ต้องเหยียบเบรกช่วย ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้อุ่นใจทุกการเดินทางเลยจริงๆ
นิสสัน นาวารา DC 4wd VL 7AT 8/10 (คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัว)
ในเส้นทางการทดสอบครั้งนี้นอกจากจะให้ได้สัมผัสกับความคล่องตัว ในสภาพการจราจรในกรุงเทพ ก็ยังได้มาสัมผัสการขับขี่โค้งบ้าง แซงบ้าง และทางขรุขระขึ้นเขา เพื่อไปชมวิวทิวทัศน์หลักล้านที่ทางนิสสัน ได้จัดกิจกรรมเชิงแคมป์ปิ้ง กางเต้นท์สัมผัสสายลม สำหรับ
นิสสัน นาวารา เครื่องยนต์ ขนาด 2.3 ลิตร 4 สูบเรียง DOHC ทวินเทอร์โบให้พลังแรงสูงสุด 190 แรงม้า (Ps) และแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร (Nm) ระบบเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7AT) พร้อมมีโหมดขับขี่แบบแมนนวล (M mode) ทำให้ได้ทั้งพละกำลังและสมรรถนะในการขับขี่ ที่ปรู๊ดปร๊าดดั่งใจ
เป็นกระบะที่ผู้หญิงก็ขับง่าย รถไม่สูงเกินไป พวงมาลัยเบา แต่ก็ยังรู้สึกว่าพอเบาไป ตัวรถที่เป็นกระบะจะใหญ่กว่าเก๋ง อาจทำให้บางทีเกิดเหตุฉุกเฉินจะควบคุมลำบาก แต่ก็เชื่ออีกว่าระบบความปลอดภัยที่นิสสันจับมาใส่กระบะ นาวารา 2021 จะควบคุมและตรวจจับสิ่งผิดปกติระหว่างเดินทางได้ทันที แต่ก็เพื่อความปลอดภัยผู้ขับขี่เองต้องระมัดระวังและใช้ความเร็วไม่เกินตามกฎหมายกำหนดนะจ๊ะ
ในเรื่องเครื่องเสียงความเอ็นเตอร์เทรนด์จัดว่าครบ สะดวก เชื่อมต่อมือถือง่าย จอคมชัด 8 นิ้ว ลำโพง 6 ตัว สบายๆ และด้วยห้องโดยสารที่เงียบมากๆ ถ้าเทียบกับตัวเก่า และสิ่งอำนวยความสะดวกเช่นที่วางแก้ว กล่องใส่แว่นตา กระจกมองหลังตัดแสง กระบะท้ายแบบผ่อนแรง เบาะนั่งสบายๆ แถมรองรับน้ำมันดีเซลทุกประเภททั้ง B7, B10 และ B20 ถือว่าลงตัว เป็นกระบะฟิลลิ่งเก๋งที่น่าใช้ เหมาะกับทุกเพศ และคนที่ใช้งานหลากหลาย จะขับเที่ยว ทำงาน หรือไปกับครอบครัว ในราคาเริ่มต้นที่ 859,000 บาท คุ้มไหมละคะลองพิจารณาดู