รีวิว - ทดลองขับ MITSUBISHI OUTLANDER PHEV รถยนต์ไฟฟ้าขาเสียบได้ทั้งรับและรุก!!!

NEW MITSUBISHI OUTLANDER PHEV รถยนต์ไฟฟ้าอเนกประสงค์สุดหรูแบบ SUV ที่เป็นได้ทั้งฝ่ายรับและรุกมันเป็นยังไง แต่ที่แน่ ๆ เป็นรถที่มีโครงสร้างตัวโนโนค็อคไม่ใช่เกาะบนแชสซีส ช่วงล่างอิสระทั้ง 4 ล้อ ความนุ่มนวล เกาะถนน และขุมพลังที่สุดยอดกับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4 ลิตร พร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ แบ่งหน้าที่กันขับเคลื่อนชุดล้อหน้าและหลังด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวิลล์คอนโทรล (S-AWC) ที่มีใน "มิตซูบิชิ แลนเซอร์ อีโวลูชัน" และเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ 4 โหมดคือ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ประกอบด้วย โหมดนอร์มอล-ควบคุมแรงบิดของแต่ละล้อให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ โหมดล็อค-มอบสมรรถนะเต็มรูปแบบของระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ โหมดสโนว์-ให้การควบคุม การยึดเกาะและการควบคุมที่ดีเยี่ยมเมื่อขับขี่บนพื้นผิวถนนที่เปียกลื่น และโหมดสปอร์ต-เพิ่มความแม่นยำของคันเร่ง การควบคุม และการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้ดีมากขึ้น 

และเอาไปอีกกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว Active Stability Control (ASC) ยังมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและล้อขวา Active-Yaw Control (AYC) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า-หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ เพิ่มสมรรถนะและการควบคุม มั่นใจทุกการเข้าโค้ง

ด้วยพลังทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ารวมกันได้มากถึง 305 แรงม้า แรงบิดระดับ 531 นิวตันเมตร แต่มีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเพียง 52.6 กม.ต่อลิตร หรือ 1.9 ลิตรต่อ 100 กม. ตามมาตรฐาน NEDC มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำที่ 43 กรัมต่อกม. และมีระบบ "Regenerative Braking" หรือการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ ซึ่งมีอยู่หลายตำแหน่งยิ่งเลขมากยิ่งเบรกหรือหน่วงความเร็วมากเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ B0 - B5 ซึ่งยิ่งเลขมากก็ยิ่ง "รีเจนฯ" หรือชาร์จไฟมากตามไปด้วยครับ 

แต่เอาท์แลนเดอร์ยังไม่หมดของ... เพราะนอกจากจะเสียบปลั๊คชารจไฟฟ้าเก็บเข้าแบเตอรี่ในรถได้แล้ว เอาท์แลนเดอร์ยังสามารถทำตัวเป็นประโยชน์ในการผลิตและจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่มีขนาดไม่เกิน 1,500 วัตต์ ด้วยการเสียบปลั๊กเข้ากับช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าภายในตัวรถ จึงจะเห็นได้จากหนึ่งในฟังก์ชั่นการทดสอบครั้งนี้

ก่อนที่จะขับขี่บนถนนได้ให้ลองใช้งานระบบจ่ายไฟ 1500W จากตัวรถที่มีแบบฯ คัน กับเครื่องปิ้งย่างขนาด1500W เพื้อดูว่าใช้ได้จริงหรือไม่สรุปคือสบ่ยครับปิ้งอาหารเช้าได้และยังสามารถใช้ไฟฟ้า 1500W นี้ได้นานสูงสุดถึง 6 ชม. แต่เราแค่พอกินอิ่มก่อนออกเดินทางต่อ.. 

เอาท์แลนเดอร์รุ่นนี้นับเป็นการประกอบนอกโรงงานประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกของโลก ประกอบในไทยสเปคเฉพาะคนไทย เช่น การจอดแปะขวางได้ในแบบธรรมเนียมไทย ๆ โดยสามารถเข้าเกียณ์ "N"  เพื่อเข็นได้ 

1. เมื่อจอดรถแล้วกดปุ่ม "P"  ค้างไว้จนลัญลักษณบนหน้าปัดกระพริบ 
2. เลื่อนจอยสติ๊กไปที่ "N" ค้างไว้จนตัว N กระพริบ และปล่อย
3. เลื่อนไปตำแหน่ง "N" อีกครั้งจนมีข้อความยืนยันบนหน้าปัด เป็นเรียบร้อยครับ

การทดสอบแบ่ง 4 ช่วงคือ ช่วงแรกลองโหมด EV ล้วน ช่วงที่ 2 ขับโหมด Narmal แต่มีแอบกดโหมด Sport ในบ้างช่วง ช่วงที่ 3 ช่วงทดสอบสมรรถนะการใช้ความเร็วสูงสุดในโหมด EV และสุดท้ายช่วงที่ 4 ลุยแบบออฟโรด

มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี สามารถเลือกโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดอีวี (ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ) โหมดซีรีย์ ไฮบริด (ขับเคลื่อนหลักด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า โดยมีเครื่องยนต์ทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าคู่) และ โหมดพาราเรล ไฮบริด (เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถไปพร้อมกัน)

โหมด EV นับเป็นการลองใช้งานแบบมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน หลังจากใช้ไฟปิ้งย่างแล้วก็กดปุ่ม EV วิ่งยาว ๆ และเลี้ยวคันเร่งให้ใช้แต่มอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น โดยดูจากเข็มวัดระดับการใช้งาน "Eco" ไม่ให้เกินแถบสีเขียว ถ้าเกินเครื่องยนจะติดทันที จนถึงร้านกาแฟด้วยระยะทางกว่า 40 กม. และเหลือไฟในแบบเตอรี่ที่วิ่งได้อีก 2 กม. ก่อนเครื่องยนต์จะติดขึ้น นับว่าระบบไฟฟ้ามีความประหยัดมากแม้จะใช้เสียบไฟกับเต้าปิ้งย่างไปก็ตาม 

โหมดนี้เป็นการใช้งานทั่วไปการทำงานต่าง ๆ  ของตัวรถจะคำนวนและปรับเปลี่ยนการชาร์จฯ การใช้กำลังทั้ง 2 ระบบอัตโนมัติ เรียกว่าขับแบบไม่ต้องสนใจรถจะดูแลเอง โดยตัวเลขระยะทางรวมที่วิ่งได้บนมาตรวัดอยู่ราว ๆ กว่า 400 กม.

ช่วงต่อมาคือ เค้นสมรรถนะจากการวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวเพื่อดูว่าความเร็วสูงสุดอยู่ที่เท่าไหร่จากตัวเลขโรงงานที่เคลมไว้ 135 กม./ชม. และจากการขับครั้งบนถนนโล่งและดูความปลอดภัยมากที่สุดได้ออกมาที่ 140 กม./ชม.!!!... และเครื่องยนต์ก็ติดขึ้นเอง แม้จะลองเลี้ยงคันเร่งอย่างดีแต่ถ้าความเร็วเกิน 140 กม./ชม. เครื่องยนต์ก็ติดขึ้นเสมอครับ 

จากการขับทั้งทริปเริ่มต้นจากลานริมทะเลสาบเมืองทองธานี สะพานพระราม 4 ถนนบรมราชชนี พุทธมณฑลสาย 4 พระราม 2 สะพานภูมิพล ถนนกาญจนาพิเษก รังสิตองครักษ์คลอง 6 และกลับสู่จุดเริ่มต้น รวมระยะทางรวม 222 กม.

เมื่อกลับถึงลานริมทะเลสาบทีมงานได้จัดจุดทดสอบ "ทางฝุ่น" เอาไว้ให้ลองสัมผัสสมรรถนะระบบ AWD หรือ S-AWC ขับในแทร็กทางฝุ่นสั้น ๆ มีเร่งออกตัวจากหยุดนิ่ง เลี้ยวโค้งต่าง ๆ และวนวงกลม ด้วยการทดลองขับ 3 โหมดนั่นคือ Narmal, Sport และ Lock

โหมด Narmal ในการยัดโค้งในทางฝุ่น และวนวงกลม มีอาการโอเวอร์สเตรียหรือหน้าดื้อหลังปัดอยู่ประมาณอึดใจเดียว รถก็จะถูกดึงกลับให้เข้าด้านในของโค้ง นับว่าช่วยการควบคุมได้ดี

ต่อที่ Sport อาการจะดึงกลับได้เร็วขึ้นกว่าและกระชับกว่าและโหมด Lock ยิ่งขับสนุกมากขึ้นและช่วยดึงกลับได้เร็วกว่าชัดเจนครับเพราะเป็นการถ่ายกไลังแบบ 50:50 ราวกับในแลนเซอร์อีโวลูชั่นนั่นเอง...

โดยรวมทั้งหมดแล้วมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์นับเป็นต้นแบบเทคโนโลยี 4WD ของปาเจเรและไทรทัน แต่เหนือกว่าเรียกว่า "ตัวพ่อ" ด้วยระบบการทำงานที่ซับซ้อนกว่า 4WD ทั่วไปที่ใช้เพลากลางแต่ในเอาท์แลนเดอร์ใช้ชุดควบคุมที่ฉลาดมากในการแปรผันกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้าและหลังให้ถ่ายกำลังได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่า.. 

รถยนต์ประเภทปลั๊คอินไฮบริดที่มีจำหน่ายในประเทศไทยนั้น ส่วนมากก็จะมีแค่การเสียบชาร์จไฟฟ้าเก็บเข้า ยังไม่มีรถรุ่นใดที่สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟได้มากขนาดนี้ นั่หมายความว่าคุณจะได้รถยนต์ SUV สุดหรูแม้จะเป็นโฉมเก่าเค้า(ต่างประเทศ) แต่ก็ใหม่เราในไทย แค่รูปลักษณ์เท่านั้น สมรรถนะ การใช้งานต่าง ๆ และความปลอดภัยก็ยังจัดเต็มคุ้มค่าไม่ต่างกัน และไม่ใช่เรื่องแปลกที่เป็นแบบนี้ เพราะบ้างประเทศยังใช้รถยนต์รุ่นโฉมเก่ากว่าในไทยก็มี 

ส่วนเรื่องราคาที่มองว่า ทำไมแพงจังรถแบบนี้..?... มีแค่ 5 ทีนั่ง!!... หากลองดูตัวเลือกอื่นที่อยู่ในประเภทเดียวกัน..ย้ำว่าประเภทเดียวกันนะครับ!!...และต้องสามารถได้ทั้งออปชั่น ฟังก์ชั่นต่าง ๆ รวมถึงสมรรถนะและความปลอดภัยเทียบเคียงกัน และเป็น "Plug-in hybrid" จะเห็นได้ว่าราคา "ก้าวข้าม" ไปเลข 2 ปลาย ๆ ส่วนหากใครมองแค่เรื่องราคาอาจต้องพิจราณาดูในเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เอาท์แลนเดอร์ให้มาว่า "เพียงพอ" และตรงกับความต้องการหรือไม่ และสุดท้ายจะหารถยนต์อเนกประสงค์คันใหญ่ สมรรถนะดี ขับขี่นุ่มนวลสะดวกสบาย เป็นเพาเวอร์แบงค์เคลื่อนที่สุดหรูหราและยังให้สมรรถนะระดับรถแรลลี่โลก 

นอกจากนี้ทางมิตซูบิชิได้เผยด้วยว่า เอาท์แลนเดอร์ นับเป็นรถรุ่นเดียวที่ประกอบในโรงานนอกประเทศญี่ปุ่นและสเปคเฉพาะในไทยเท่านั้น โโยเฉพาะฟังก์ชั่น "ปลอดเกียร์ว่าง" หรือจอดแบบเข็นได้ ทางญี่ปุ่นก็ปรับระบบให้สามารถใช้งานได้ ราคาหากนำเข้ามาจะโดดไปแตะที่ 3 ล้านบาท แต่คนไทยได้ใช้เทคโนโลยีดี ๆ และทันสมัยในราคาถูกมาก หากเทียบกับประเทศอื่นและรถในระดับเดียวกันในไทย 

และแม้ว่าเอาท์แลนเดอร์ในต่างประเทศจะเปิดรุ่นใหม่ แต่ก็มีเพียงรุ่นเครื่องยนต์สันดาปเท่านั้น ระบบ Plug-in hybrid ยังไม่มี ดังนั้นไม่ต้องคิดว่า ล่าหลังใครเพราะได้เทคโนโลยีทันสมยัมากในราคาไม่โอเวอร์ครับ  

รุ่นและราคาก็มีให้ 2 ทางเลือก มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี ใหม่เริ่มต้นที่รุ่น GT มีราคาจำหน่ายที่ 1,640,000 บาท และรุ่น GT-Premium มีราคาจำหน่ายที่ 1,749,000 บาท ไปลองขับและใช้ฟังก์ชั่นก่อน ไปลองดู๊!!!... 

Mitsubishi Outlander PHEV รถยนต์ที่ใช้ได้ทั้ง 2 ระบบคือ น้ำมันและไฟฟ้า เมื่อชาร์จไฟรถยนต์จนเต็มสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้า 100% ได้ไกลถึง 55 กม. ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ 13.8 กิโลวัตต์/ชั่วโมง ความเร็วสูงสุดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าได้ถึง 135 กม./ชม. 

การชาร์จรูปแบบปกติ AC ให้กำลังไฟ 100% ในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง และการชาร์จไฟแบบเร็ว DC ให้กำลังไฟ 80% ในเวลาประมาณ 25 นาทีด้วยหัวชาร์จ CHAdeMO และถ้าต้องการติดตั้ง Wall charger มิตซูบิชิซับพอร์ตให้ 20,000 บาท จ่ายเพียง 80,000 บาท หรือนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการระบบไฟฟ้าภายในบ้านสำหรับปรับเปลี่ยนสายไฟเพื่อใช้ชาร์จฯ ได้ด้วย 

รับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปี - ระยะเวลาการรับประกันแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 10 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดจะถึงก่อน*