รีวิว NEW LAND ROVER DEFENDER 2020 รถยนต์ SUV สายลุยสัญชาตญาณนักล่าป่าดงดิบ!
รถยนต์ SUV สายลุยที่รอคอย...
NEW LAND ROVER DEFENDER 2020 ใหม่ หลังจากเผยโฉมไปแล้วในต่างประเทศแถบทวิปยุโรปและอเมริกา มาถึงไทยแล้วพร้อมให้สื่อได้ทดสอบในรูปแบบ OffRoad สั้น ๆ แต่มันสุด ๆ เน้นสมรรถนะของการลุยกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ล่าสุดใน NEW LAND ROVER DEFENDER 2020 ณ สนามทดสอบรถในเขตทหาร จังหวัดกาญจนบุรี ราคาเริ่มต้นที่ 5,400,000 บาท ในรุ่น
Defender 90 และ 5,800,000 บาท ในรุ่น
Defender 110 รถยนต์ค่าย
Land Rover เคยมี Defender รุ่นสุดท้ายในช่วงปี 2015 ถูกปรับให้ใช้งานสะดวกสบายมากขึ้นและรูปทรงกล่องเหลี่ยม DNA จากรุ่น Series 1,2,3 โดยใช้ชื่อว่า "Land Rover Defender 110 SW Adventure Edition" โดยมีทั้งรุ่น 90 ตัวถังแบบ 3 ประตู และ รุ่น 110 แบบ 5 ประตู มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่มากมายนัก เรียกว่าเหมือนรุ่นดั่งเดิมเพียงแค่ทันสมัยขึ้นตามยุคและลบเหลี่ยมออกไปให้กลมกลืนกว่าเดิม
LAND ROVER Series 1-2-3
LAND ROVER DEFENDER รุ่นก่อนหน้านี้
NEW LAND ROVER DEFENDER 2020 ลายลุยที่รอคอย
NEW LAND ROVER DEFENDER 2020 รถยนต์สายลุยที่ใช้ประสบการณ์จากการผลิตรถยนต์ Off Road มาตลอดระยะเวลาที่ยาวนานของแลนด์โรเวอร์ ผลิตและออกแบบให้รถในตระกูล
Defender รุ่นใหม่นี้ใส่เทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีให้เลือกหลายรูปแบบให้เหมาะสมกับการใช้งาน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายให้ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์มากขึ้น
ฝูงนักรบสายลุย OffRoad ของ Land Rover
เริ่มด้วยรูปทรงที่ลบเหลี่ยมคมจนดูกลมกลืนและทันสมัย ใกล้เคียงกับรถทุกรุ่นของแลนด์โรเวอร์ แต่ก็ยังคงความ "ดิบ ๆ" ของรุ่นก่อนหน้าเอาไว้บ้าง โครงสร้างตัวถัง MONOCOQUE ARCHITECTURE ทนทานเบาและแข็งแรง ไฟหน้าทรงกลมแบบ LED Projector กระจังและกันชนหน้าทรงดค้งมน สลับด้วยวัสดุสีเงิน บนฝากระโปรงตกแต่งด้วยแผ่านอลูมิเนียมบ่งบอกถึงความแกร็งไฟท้ายทรงสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 2 ดวงแนวตั้งแบบ LED ล้อแม็ก 5 ก้าน และยังมีสีรถกับหลังคาพาโนรามิกส์รูฟให้เลือก
ภายในพวงมาลัยมังติฟังก์ชั่น 4 ก้าน คอนโซลหน้าแนวเหลี่ยมเป็นเส้นตรง มาตรวัดจอสีขนาด 12.3 นิ้ว พร้อม Head-up display และจอกลางขนาด 10 นิ้ว แสดงภาพ 3 มิติ และกล้องมองภาพด้านหลังบนกระจกมองหลัง ความสะดวกกสบายด้วย Wireless charger ระบบอุ่นและเป่าลมเบาะคู่หน้า จุดเชื่อมต่อ USB HDMI 12V และภายในยังเลือกสไตล์การตกแต่งได้เองตามใจชอบอีกด้วย
จุดเด่นของฟังก์ชั่นใช้งานใน Defender ใหม่ เช่น จอภาพตรงคอนโซลกลางที่แสดงภายทั้งตัวรถ ด้านข้าง มุมมองด้านบน ภาพแบบ 3 มิติที่แสดงให้เห็นมุมการเลี้ยวทิศทางของล้อ เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้และสามารถควบคุมทิศทางได้อย่างปลอดภัยเมื่อต้องขึ้นทางชันมาก ๆ แอร์อัตโนมัติแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา พร้อมแอร์ผู้โดยสารตอนหลัง หัวเกียร์แบบสปอร์ต ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ เครื่องเสียงรองรับ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบ Touch Pro Duo และช่อง USB เยอะมาก..!
ขุมพลังของ NEW LAND ROVER DEFENDER 2020 เริ่มทั้งรุ่น 90 แบบ 3 ประตูและ 110 แบบ 5 ประตู ได้แก่
- D200 ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 200 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที
- D240 ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 240 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตร ที่ 1,400 รอบต่อนาที
- P300 เบนซินเทอร์โบ 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 300 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,500 - 4,000 รอบต่อนาที
- P400 MHEV เบนซินเทอร์โบ 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร 400 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 550 นิวตันเมตร ที่ 2,000 - 5,000 รอบต่อนาที
ช่วงล่างแบบถุงลมปรับระดับได้ พร้อมโหมด 4WD เลือกการขับขี่ได้ทั้ง Off and on-road เช่น General Driving / Grass, Gravel, Snow / Mud & Ruts / Sand และ Wading2 (โหมดลุยน้ำ)
เทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับการขับขี่บนเส้นทางขรุขระ กับ Terrain Response 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบุกเบิกของ Land Rover ทำให้การขับขี่ท้าทายขึ้นไปอีกขั้นด้วยโปรแกรมตรวจสอบความลึกของน้ำตัวใหม่ และระบบ Configurable Terrain Response สำหรับการขับขี่บนเส้นทางขรุขระที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกของโลก ช่วยให้ทั้งผู้ขับขี่ที่มีความชำนาญและผู้ขับขี่มือใหม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะพื้นผิวได้ในทุกสภาวะ
มาถึงการทดลองขับเจ้า Defender ใหม่ นอกจากตื่นตาตื่นใจกับตัวจริงแล้วยังเป็นครั้งแรกในอาเซียน ที่ได้สัมผัสและขับจริงในสนามทดสอบสุดโหดของทหารที่ใช้ในการทดสอบรถของกองทัพ!
การทดลองขับแบ่งเป็น 4 จุดหลักคือ ขึ้นทางชันระดับ 45 องศา, ทาง OffRoad, ทางเปียกลื่น, บ่อน้ำ, เนินสลับ และการสลาลอม ซึ่งจะมีช่วงทดสอบอัตราเร่งการออกตัวและจุดเบรกให้ลองด้วย
จุดทดสอบขึ้นทางลาดชันระดับ 45 องศา เพื่อทดสอบกำลังของเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 240 แรงม้า 430 นิวตันเมตร ด้วยความชันระดับนี้สามารถไต่ระดับขึ้นไปได้ง่ายมาก โดยแทบไม่ต้องเติมคันเร่งมากนักและไม่ต้องใช้เกียร์ LOW หรือเกียร์ต่ำแต่อย่างใด
ในช่วงทางลงทางลาดชันระดับ 60 องศา เป็นการทดสอบระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control (HDC) ที่สามารถตั้งความเร็วได้ตั้ง 1.8 - 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเจ้าระบบนี้ทำงานได้อย่างเนียนไม่กระตุกหรือมีเสียงดัง เนื่องจากถูกพัฒนาให้การทำงานราบรื่นมากขึ้น
มาถึงเส้นทางแบบ OffRoad ที่แทบไม่ต้องใช้โหมดการขับขี่อื่นนอกจาก ใส่เกียร์ "D" และโหมด "Auto" ระบบจะคำนวนให้เรียบร้อยว่าสภาพเส้นทางที่ผ่านนั้นจะใช้ระบบอะไรมาช่วยควบคุม ทำให้ขับง่ายมาก แม้จะไม่มีพื้นฐานการขับขี่แนว Offroad เลยก็ตาม
ต่อเนื่องในสภาพถนนที่เปียกชื่นและพื้นผิวเป็นโคลนปนหญ้าลื่น ๆ นอกจากจะสามารถขับผ่านไปได้อย่างสบายด้วยความเร็วแล้ว ในจุดนี้ยังได้ทดสอบการขับผ่านในแบบ Walking Speed ด้วยการใช้ระบบควบคุมความเร็วต่ำ ปุ่ม Hill Descent Control (HDC) ที่สามารถใช้งานได้ทั้งลงทางลาดชันและทางเรียบปกติ คือ ระบบจะปรับและช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมเร่งหรือลดความเร็วควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ผ่านสภาพถนนเปียกลื่นไปได้ โดยผู้ขับไม่ต้องเติมคันเร่ง (คล้ายระบบควบคุมความเร็วสูง) และใช้ความเร็วแบบคงที่ตามที่ตั้งไว้ โดยเริ่ม 1.8 - 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งรถไม่มีอาการสไลด์หรือไถลเลย เพราะมีระบบช่วยควบคุมการทรงตัวในทางเปียกลื่น
ไฮไลท์ของการลุยครั้งนี้ก็คือ การดำน้ำลึกกว่า 60 ซม. (ซึ่งตามสเปคระบุไว้ว่าลุยได้ถึง 90 ซม.) การทดสอบจุดนี้ต้องมีการเผื่อเอาไว้เพื่อความปลอดภัยเพราะอาจมีช่วงที่พื้นดินไม่เท่ากันได้ การลุยน้ำระดับนี้ ยกตัวถังรถให้สูงสุด และแค่กดเปิดระบบ Wading2 (โหมดลุยน้ำ) โหมดนี้จะช่วยควบคุมความเร็วให้คงที่ (เริ่มตั้งแต่ 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป) เมื่อตั้งระบบเสร็จแล้วก็หย่อนหัวลงน้ำได้เลยโดยให้เปิดระบบ Hill Descent Control (HDC) ช่วยอีกแรงถ้าทางลงมีความชันมาก ๆ
เมื่อลงน้ำแล้วก็ปล่อยให้ระบบทำงานอัตโนมัติไปเรื่อย ๆ ควบคุมเพียงทิศทางของเราเท่านั้น บนหน้าจอสามารถเลือกดูระดับน้ำโดยเป็นการแสดงผลแบบเรียบไทม์อีกด้วย
ถัดมาก็เป็นการขับผ่านเนินระนาดสลับต่อกันหลายลูกและผ่านโขดหินก้อนใหญ่ ๆ เพื่อสัมผัสช่วงล่างที่ปรับปรังใหม่แบบถุงลมที่ให้ความนุ่มนวลและลดอาการโยกไปมาได้มากขึ้น
ผ่านไปกับความลุยมาถึงจุดทดสอบอัตราเร่งของขุมพลังในช่วงสั้น ๆ ซึ่งเป็นไปตามคาดนั่นคือ ให้อัตราเร่งจัดจ้านไต่ระดับถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างรวดเร็ว และทดลองเบรกเพื่อดูระบบควบคุมการทรงตัวที่จะช่วยรักษาอาการเป๋ไปมาได้เป็นอย่างดี ต่อด้วยการขับแบบสลาลอมเพื่อดูระดับความเอียงของตัวรถเมื่อถูกหักเลี้ยวอย่างรวดเร็ว ซึ่งใน Defender ใหม่ มีระบบช่วงล่างที่ดีขึ้นช่วยลดอาการเอียงของตัวถังได้มาก โดยดูได้จากหน้าจอที่สามารถแสดงมุมเอียงของรถที่ขยับเพียง 2 - 3 องศาเท่านั้น
จบการทดสอบที่สุดโหดสุดมันของเจ้า
NEW LAND ROVER DEFENDER ทำได้น่าประทับใจในทุกจุดทดสอบ โดยเฉพาะที่ชอบที่สุดคือ ตอนลงเล่นน้ำ ซึ่งเหมาะกับประเทศไทยยิ่งนักที่ไม่รู้ว่าจะขับไปเจอหลุมบ่อ แอ่งน้ำที่ลึกเทื่อไหร่ เพราะในบางพื้นที่ฝนตกหนักทีไรก็ท่วมเกินครึ่งล้อรถทุกที!
*การทดสอบครั้งมีผู้ควบคุมหรือ Instructor ค่อยให้คำแนะนำและควบคุมให้เป็นไปอย่างปลอดภัยมากที่สุด โปรดอย่าลอกเรียนแบบ
NEW LAND ROVER DEFENDER 2020
NEW LAND ROVER DEFENDER 2020 รถยนต์ SUV สำหรับครอบครัวนักผจญภัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยม และโดดเด่นเรื่องของการ "ลุย" ที่มีฟังก์ชั่นการขับขี่ในรูปแบบ Off-Road ที่ดีที่สุดของตระกูล Land Rover ถ่าย DNA จากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างลงตัว ส่วนตัวมองว่า หากต้องการรถครอบครัว SUV ที่อเนกประสงค์ตัวจริงทั้งหรูทั้งลุย ในราคาระดับนี้ Defender คือตัวเลือกอันดับต้น ๆ แน่นอนครับ